ส่องกลยุทธ์ BRAGGER MARKETING วิธีมัดใจผู้บริโภคชอบอวดให้เป็นลูกค้าได้อยู่หมัด

 

 

     ว่ากันว่าบางคนไม่ได้ Born to be ต้องพยายาม Try to be ยิ่งในยุคที่มีสื่อโซเชียลคนกลุ่มนี้ก็มักใช้พื้นที่นี้แสดงตัวตนผ่านการโพสต์ ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ที่เปิดเผยว่าผู้บริโภคชอบให้ผู้มีประสบการณ์ อินฟลูเอนเซอร์ รีวิว แนะนำบริการด้วยวิธีการอวดแบบถ่อมตน (HUMBLE BRAGGER) แต่หากเป็นผู้คนทั่วไป กลับชอบวิธีการอวดแบบเปิดเผย (BRAGGER) มากกว่า

     จากข้อมูลงานวิจัย “BRAGGER MARKETING รู้ก่อนใครได้ใจคนชอบอวด” พบข้อมูลอินไซต์พาเจาะพฤติกรรมการอวดของคนรุ่นใหม่ พบว่า การอวดแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลักคือ การอวดแบบเปิดเผย (BRAGGER) และการอวดแบบถ่อมตน (HUMBLE BRAGGER) โดยผู้บริโภคชอบให้ผู้มีประสบการณ์ อินฟลูเอนเซอร์ รีวิว แนะนำสินค้าและบริการด้วยวิธีการอวดแบบถ่อมตน ซึ่งช่วยให้สินค้าและบริการ ได้ผลตอบรับดีถึง 70.5% แต่หากเป็นผู้คนทั่วไป มักชอบวิธีการอวดแบบจริงจัง จะช่วยให้บริการได้ผลตอบรับดี 51.2% พร้อมให้ข้อแนะนำแก่นักการตลาด เจ้าของกิจการ นักสร้างแบรนด์ และผู้ที่ต้องการเป็นอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ ถึงกลวิธีและรูปแบบการสื่อสาร ผ่านผลวิจัยที่ระบุ 3 คอนเทนต์แรกที่คนชอบอวด คือ 1. แบรนด์เนม 2. การบริการ 3. ไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวัน ขณะที่สิ่งที่คนชอบโพสต์และแชร์มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ท่องเที่ยว 33% ของกินของใช้ 25.5 % และร้านอาหาร ร้านกาแฟ 19.2%

ภาคธุรกิจจะปรับตัวอย่างไรให้มัดใจผู้บริโภคกลุ่มนี้

     ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่าแม้ว่าคนไทยส่วนมากมีนิสัยขี้เกรงใจคนอื่น แต่ภายในจิตใจลึกๆ ก็มี แรงขับเคลื่อน บางอย่างที่ทำให้เกิดการอวดได้เช่นกัน ซึ่งมีส่วนมาจากบุคลิกภาพ 2 แบบ คือ 1. ผู้ที่ชอบแสดงตัวตน (Self-Presentation) ผู้ที่พยายามนำเสนอตนเอง มีการกำหนดควบคุมวิธีให้ผู้อื่นเห็นแล้วเกิดความประทับใจ และ 2. ผู้ที่มีความมั่นใจในตัวเอง (Self Esteem) ผู้ที่เคารพและเห็นคุณค่าในตนเอง มั่นใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองทำ จึงมักตั้งโพสต์แบบสาธารณะ แสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี น่าชื่นชม โดยไม่คิดเล็กคิดน้อย

     นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคชอบการบอกเล่าเกี่ยวกับการบริการ ในลักษณะอวดแบบจริงจัง 51.2% มากกว่าการอวดแบบถ่อมตน 48.8% ขณะที่การบอกเล่าเกี่ยวกับสินค้า หากเป็นการอวดแบบจริงจัง เช่น ถ่ายรูปสินค้าแบรนด์เนมเห็นโลโก้ชัดเจน ผู้บริโภคมีผลตอบรับ 29.5% น้อยกว่าการอวดแบบถ่อมตนที่มากถึง 70.5% เช่น ถ่ายรูปแก้วกาแฟโพสต์ลงอินสตาแกรม โดยมีกระเป๋าแบรนด์เนมวางด้านข้างดูไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ การอวดยังนำไปสู่การรีวิวหรือการแชร์บนโลกออนไลน์ ในรูปแบบ E-WOM หรือบอกปากต่อปาก ซึ่งมีอิทธิพลทสามารถกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ (Purchase Intention) โดยผู้มีรายได้มากกว่า 100,000 บาท มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมการซื้อตามมากกว่าระดับรายได้อื่นๆ

Gen Z คือกลุ่มมีแนวโน้มที่จะอวดมากสุด

โดยสรุปภาพรวมผลวิจัย การอวด (Bragger) พบว่า

1. กลุ่ม LGBTQ+ มีแนวโน้มที่จะอวดมากกว่าเพศอื่นๆ

2.Gen Z มีแนวโน้มที่จะอวดมากกว่า Gen อื่น เนื่องจากเกิดมาในยุคที่มีอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี มีความชำนาญในการเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างสะดวก และมีพฤติกรรมในการเข้าสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ มากกว่าเจนอื่น

3.ระดับรายได้ 15,000 – 25,000 บาท มีแนวโน้มที่จะอวดมากกว่าระดับรายได้อื่นๆ โดยให้ความคิดเห็นว่า “กว่าจะเก็บเงินซื้อได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ พอได้มาแล้วก็อยากโชว์บ้าง ให้คนอื่นเห็นว่าเราก็มีนะ”

4. ผู้ที่ชอบแสดงตัวตน (Self-Presentation) มีแนวโน้มที่จะอวดมากกว่า

     อินสตาแกรม คือ ช่องทางที่คนนิยมใช้มากที่สุดในการอวด เพราะจะใช้โพสต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ และอินสตาแกรมเป็นแพลตฟอร์มใช้งานง่าย สามารถโพสต์รูปภาพ วิดีโอ ในระยะเวลาสั้นๆ 24 ชั่วโมง เช่น IG Story ได้

BRAG STRATEGY กลยุทธ์มัดใจคนขี้อวด

     อัจฉรา รุจิระพงค์ นักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) หัวหน้าทีมวิจัย “BRAGGER MARKETING รู้ก่อนใครได้ใจคนชอบอวด” กล่าวว่ากลยุทธ์การตลาดที่มัดใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ

1. Awareness การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์และ KOL ออกแบบการบริการแบบพรีเมียม ให้มีความพิเศษและความแตกต่าง แนะให้ระวังการกดไลก์ (Like) กดแชร์ (Share) เพจเพื่อแลกรับส่วนลด เพราะไม่สามารถดึงลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ได้ตลอด

2. Engagement ออกแบบ Theme Concept การสร้างบรรยากาศให้น่าถ่ายรูปและน่าจดจำ มีการจัดกิจกรรมตามสิ่งที่กำลังเป็นกระแส หรือสอดคล้องกับเทศกาลต่างๆ และระวังคนมักจะไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม ถ้าโอกาสในการได้รับของรางวัลมีน้อย

3. Loyalty มอบของขวัญพิเศษ สำหรับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้เกิด e-WOM พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่จะได้รับการบริการเป็นพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป

     เพื่อสร้างโอกาสให้แก่การทำธุรกิจ ทีมวิจัยจึงได้คิดค้น “กลยุทธ์การตลาดคนขี้อวด เรียกว่า BRAG STRATEGY”  มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

B: Brandname กลยุทธ์จับกลุ่มผู้เลิฟสินค้าแบรนด์เนม

     เหตุผลที่ผู้บริโภคต้องการอวดสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากเป็นสินค้าราคาสูง และมักใช้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะทางสังคม อาทิ การอวดรถ อวดอาหาร อวดแฟน และธุรกิจที่ทำอยู่ ต้องการให้คนได้เห็นว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ชีวิตเป็นอย่างไร

กลยุทธ์ที่แนะนำธุรกิจแบรนด์เนม ดังนี้ 1. เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ และ KOL ที่มีภาพลักษณ์เหมาะสมกับสินค้า และกลุ่มเป้าหมาย 2. นำเสนอความคุ้มค่า 3. ใช้วิธีการสื่อสารที่สะท้อนถึงความสำเร็จในชีวิต 4. มอบของขวัญพิเศษ สำหรับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อหรือแชร์

R: Restaurant สร้างโมเมนต์ประทับใจ

     ผู้บริโภคนิยมแชร์ในช่วงที่มีความสุข อยากให้คนทราบว่าไปเที่ยวที่ไหน ทานอาหารอร่อยๆ บรรยากาศที่ดีอย่างไร

กลยุทธ์ที่แนะนำธุรกิจร้านอาหาร ดังนี้ 1. มีเมนูและการตกแต่งร้านที่สวยงามให้ลูกค้าสามารถถ่ายรูปและโพสต์ลงโซเชียลได้ 2. สร้างความยากในการเข้าถึง ไม่ได้ทานได้ง่ายๆ 3. รักษามาตรฐานให้อยู่ในระดับที่สูงอยู่เสมอ 4. การได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียง แต่ให้ระวังการกดไลก์หรือแชร์เพจ เพื่อแลกรับส่วนลด ไม่สามารถดึงลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ได้ตลอด 

A: Accommodation ที่พักบริการประทับใจ อย่างนี้ต้องอวด-รีวิว-แชร์

     ผู้บริโภคมักอวดหรือบอกต่อเมื่อได้รับการบริการจากที่พักอย่างดี อีกนัยคือเป็นการแสดงอำนาจ บ่งบอกถึงสถานะทางสังคมที่เหนือกว่าผู้อื่น รวมถึงอาจจะไม่ได้มาที่พักแห่งนี้บ่อย จึงต้องการถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ และชอบเอาชุดไปเปลี่ยนถ่ายรูปหลายชุด หลายมุม โดยก่อนจะไปเช็คอินที่พักมักชอบดูอินสตาแกรมโรงแรมหรือสถานที่ที่กำลังจะไป ว่ามีมุมอะไรบ้างเพื่อเตรียมชุดเสื้อผ้า รวมถึงดูจากอินสตาแกรมของเพื่อน ถ้าชอบก็ไปตาม

กลยุทธ์ที่แนะนำธุรกิจที่พักอาศัยหรือธุรกิจโรงแรม ดังนี้ 1. มีจุดถ่ายรูปตามธีมเทศกาลต่างๆ 2. จัดกิจกรรมตามสิ่งที่กำลังเป็นกระแส 3. มอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่จะได้รับการบริการเป็นพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป 4. ให้ความสำคัญกับรีวิวใน Travel Booking Platform ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่น โรงแรม The Peninsula เทศกาลจุดพลุเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไอคอนสยาม เป็นต้น

G: Gym อวดรูปร่างที่ดีจากความพยายามของตนเอง

     เหตุผลที่ต้องการอวดเพื่อให้ตนเองดูดีในสายตาผู้อื่น จึงต้องทำให้ตัวเองมีสไตล์หรือมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยรูปร่างที่ดี ที่ได้มาจากความพยายามของตนเอง ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่น ฟิตเนสเฟิร์ส (Fitness First) โค้ชคลั่ง หรือคนดังอย่าง ยิปซี คีรติ เบเบ้ ธันย์ชนก

กลยุทธ์ที่แนะนำธุรกิจยิม ดังนี้ 1. คอยติดตามกระแสที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอยู่เสมอ และมีส่วนร่วมกับกระแสให้ทันอยู่ตลอดเวลา 2. สร้างเทรนด์การออกกำลังกาย หรือการปั้นหุ่นในฝัน โดยทางฟิตเนสอาจสร้างชาเลนจ์เพื่อให้เกิดกระแสไวรัล (Viral) ในโซเชียลมีเดีย ระวังคนมักจะไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม ถ้ามีโอกาสสำเร็จน้อย

     อย่างไรก็ตาม แม้งานวิจัยจะพบว่าคนชอบอวดแต่ก็พบสิ่งที่น่าสังเกตคือผู้บริโภคคนไทยไม่ต้องการอวดเช่นกัน คือ กิจกรรมตามกระแส เนื่องจากมีความรู้สึกว่าตนเองตกจะเป็นเหยื่อการตลาด และเมื่อกิจกรรมตามกระแสเกิดจำนวนมากก็ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหนื่อยที่จะตามในทุกๆ กิจกรรม รวมถึงบางกิจกรรมก็ไม่ใช่สิ่งที่สนใจมากพอ

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

6 เทรนด์เมนูมาแรง ปี 2026 ที่ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ต้องรู้ก่อนพลาดโอกาส!

เมนูที่ดีไม่เพียงทำให้คน “อยากกิน” แต่ยังทำให้คน “อยากแชร์” อีกด้วย วันนี้จะพาไปรู้จักกับ 6 เทรนด์เมนูอาหารและเครื่องดื่มต้อนรับปี 2026

ธุรกิจเล็กก็ชนะได้ ถ้าเข้าใจ Trust Economy กลยุทธ์ใหม่ที่เร่งยอดขายได้จริง ในยุคที่ความเชื่อใจขาดแคลน

ธุรกิจเล็กอาจไม่มีงบมาก แต่ถ้ารู้จัก “Trust Economy” ก็สร้างแบรนด์ให้เติบโตเร็วกว่าได้ แม้ไม่มีงบโฆษณาหลักล้าน เพราะในยุคที่ข้อมูลปลอม รีวิวปลอม และการตลาดที่พูดเกินจริงล้นโซเชียล “ความเชื่อใจ” กลายเป็นสินค้าหายากที่สุดในตลาดวันนี้

เสื้อยืดไก่ทอดหาดใหญ่ แฟชั่นอร่อย ไอเดียขายเสื้อสุดครีเอท ใครเห็นก็อยากลองซื้อไปกิน เอ้ย! ลองใส่

ไอเดียเสื้อยืดลายไก่ทอดหาดใหญ่ ที่หยิบเอากระดาษห่อข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด มาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสินค้า และเพิ่มความเหมือนอารมณ์ข้าวเหนียวไก่ทอดแท้ๆ ยิ่งเข้าไปอีก ด้วยการปริ้นกระดาษเป็นรูปห่อน้ำจิ้มติดเอาไว้ด้วย