ทำอย่างไรให้แบรนด์เติบโตครองใจลูกค้ายาวนาน กรณีศึกษา Decathlon ที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 47

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

 

     หากพูดถึงธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่คุณภาพดีราคาไม่แพงก็ต้องยกให้แบรนด์ “อิเกีย” จากสวีเดนที่ขึ้นแท่นร้านขายเครื่องเรือนและของใช้ในบ้านที่มีขนาดใหญ่สุดในโลก และเมื่อมองไปยังธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬา แน่นอนว่า “ดีแคทลอน” ได้รับการเปรียบเปรยว่าแบรนด์เสมือน “อิเกีย” ในอาณาจักรสินค้าเกี่ยวกับกีฬา ก่อนจะพูดถึงกำเนิดของดีแคทลอน เรามาทำความรู้จักแบรนด์นี้แบบสังเขปสัก 7 ข้อก่อนดีกว่า 7 ข้อที่ว่าประกอบด้วย

1. ดีแคทลอนเป็นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส เป็นร้านค้าปลีกสินค้ากีฬาที่กำเนิดในปี 1976 หรือเมื่อ 46 ปีก่อนที่เมืองลิล ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นเชนร้านค้าปลีกสินค้ากีฬาที่ใหญ่สุดในโลกโดยมีสาขา 1,655 แห่งกระจายกว่า 1,000 เมืองใน 65 ประเทศ และทำรายได้ปีละมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2. สินค้าในเครือดีแคทลอนมีราคาถูก ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าทุกชิ้นผลิตในจีน แต่เหตุผลที่ดีแคทลอนสามารถกำหนดราคาสินค้าในราคาย่อมเยาได้เนื่องจากบริษัทมีระบบซัพพลายเชนของตัวเอง โดยส่วนใหญ่จึงออกแบบ ผลิต ขนส่ง กระจายสินค้า และจำหน่ายเอง มีบ้างที่จับมือเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ในประเทศต่าง ๆ ด้วยระบบที่ผลิตเอง ขายเอง ไม่พึ่งพาคนกลาง ทำให้ดีแคทลอนสามารถผลิตสินค้าคุณภาพในราคาไม่แพง

3. ดีแคทลอน กรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีหน่วยงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในฝรั่งเศส ภารกิจหลักของ R&D ดีแคทลอนคือการวิจัยเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกีฬาก่อนนำไปสู่กระบวนการต้นน้ำ และกลางน้ำที่เริ่มตั้งแต่การเสาะหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิต กระทั่งลงเอยที่กระบวนการปลายน้ำหรือการส่งมอบสินค้าถึงมือผู้บริโภค ดีแคทลอนจดสิทธิบัตรสินค้าปีละกว่า 40 สิทธิบัตรโดยมีนักวิจัยในสังกัด 50 คนทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้าที่บริษัทผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

4. ดีแคทลอนมีแบรนด์สินค้าในเครือจำนวนมาก แต่ละแบรนด์เป็นสินค้าที่แบ่งตามหมวดหมู่กีฬาหรือกิจกรรม อาทิ แบรนด์ Domyos เน้นอุปกรณ์และเสื้อผ้าฟิตเนส แบรนด์ Kalenji เป็นสินค้าในหมวดการวิ่ง แบรนด์ Nabaiji เกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ แบรนด์ Forclaz ที่เน้นกิจกรรมเดินป่า หรือแบรนด์ B'Twin ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการปั่นจักรยาน เป็นต้น การผลิตสินค้าตามกลุ่มกีฬาหรือกิจกรรมทำให้ดีแคทลอนมีแบรนด์ของตัวเองมากถึง 40 แบรนด์

5. ดีแคทลอนเคยเผชิญเรื่องอื้อฉาวที่สั่นสะเทือนภาพลักษณ์บริษัท การเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมากเพราะใคร ๆ ก็จับตามอง โดยในปี 2017 ดีแคทลอนพลาดท่าเสียทีเมื่อถูกเปิดโปงว่าโรงงานผลิตของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในศรีลังกาปฏิบัติต่อคนงานอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งในเรื่องเวลาการทำงานที่ยาวนาน ทั้งไม่อนุญาตให้ลาพักร้อน และหากลาป่วยก็จะไม่ได้ค่าแรง เหล่านี้ล้วนละเมิดกฎหมายประเทศศรีลังกา เข้าใจว่าปัญหาน่าจะได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

6. ดีแคทลอนเป็นบริษัทที่กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และการเป็นองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้เน้นสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมถึงความเป็นอยู่ของพนักงานอีกด้วย ห้าเป้าหมายของดีแคทลอน ประกอบด้วยส่งเสริมความทัดเทียมและความหลากหลายในองค์กร สร้างสภาพแวดล้อมดี ๆ ในการทำงาน รณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของอากาศ น้ำสะอาด และสุขอนามัย และรับผิดชอบด้านการผลิตและการบริโภค

7. ดีแคทลอนโน้มนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ เช่นที่ไต้หวัน ลูกค้าสามารถหลีกเลี่ยงการต่อแถวที่แคชเชียร์โดยเช็คอินและชำระค่าสินค้าด้วยตัวเองแบบไม่ต้องสแกนบาร์โค้ด แค่วางในสินค้าทั้งหมดที่ต้องการในกล่อง เซนเซอร์จะทำการตรวจจับเอง หรือที่อังกฤษ ดีแคทลอนให้บริการตู้จำหน่ายเต็นท์อัตโนมัติเครื่องแรกของโลกเพื่อตอบสนองผู้บริโภคสายแคมปิ้ง ส่วนที่สิงคโปร์ นอกจากมีร้านค้าเสมือนจริง ดีแคทลอนยังกระจายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติตามศูนย์กีฬาต่าง ๆ ด้วย

ก่อนจะเป็น Decathlon

     ย้อนกลับไปปี 1975 มิเชล เลแคลร์ค ชายวัย 35 ปีที่มาจากครอบครัวทำธุรกิจในเมืองโอชาน ประเทศฝรั่งเศสเกิดแนวคิดอยากเปิดร้านขนาดใหญ่ที่จำหน่ายเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับกีฬา โดยวาดฝันจะให้เป็นร้านที่นักกีฬาไม่ว่าหญิงหรือชายสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ ได้ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ซึ่งร้านคอนเซปต์แบบนี้ เมื่อ 46 ปีก่อนยังไม่มีใครทำ ซึ่งในที่สุด เลแคลร์คก็รวบรวมทีมงานได้ 6 คนภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว โดยทุกคนมีคุณสมบัติต้องกัน 2 ข้อคือ หลงใหลในกีฬาและมีความมุ่งมั่น

     ในปีถัดมา ร้านดีแคทลอนวสาขาแรกก็เปิดให้บริการที่เมืองลีล ฝรั่งเศสภายใต้แนวคิด customer-centric ที่ยกให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการสร้างความพึงพอใจทุกด้านผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ ดีแคทลอนยอมลดกำไรลงเพื่อให้สินค้ามีราคาถูกเพื่อส่งต่อผลประโยชน์ไปยังลูกค้า แต่การลดกำไรไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่ลดตาม ความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าทำให้ดีแคทลอนดำเนินนโยบายรับประกันความพึงพอใจในสินค้าที่ซื้อไปเป็นเวลา 2 ปีเต็ม และยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้ใน 365 วันอีกด้วย  

     อย่างที่ทราบกัน ดีแคทลอนจะมีโมเดลธุรกิจคคล้ายคลึงกับอิเกียคือออกแบบสินค้า ทดสอบสินค้า (โดยนักกีฬามืออาชีพที่ศูนย์ทดสอบ SportsLab ของบริษัท) จากนั้นทำการผลิต และจำหน่ายเองภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทจะรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเฉลี่ยปีละ 2,800 รายการ ปัจจุบัน ดีแคทลอนมีสินค้าเกี่ยวข้องกับกีฬากว่า 70 ชนิด และมีสินค้าให้เลือก 5,000 กว่ารายการ

     ในช่วง 25 ปีแรกของการดำเนินธุรกิจ ดีแคทลอนเน้นที่การขยายกิจการในตลาดยุโรป อาทิ สเปน เยอรมนี อิตาลี และโปรตุเกส แต่พอเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 บริษัทก็เริ่มรุกตลาดเอเชียอย่างจริงจังโดยเปิดที่จีนในปี 2003 ตามด้วยอินเดียในปี 2009 ส่วนไทย ดีแคทลอนเข้ามาตั้งแต่ปี 1989 ในฐานะเป็นฐานผลิตสินค้าของบริษัท กระทั่ง 10 ปีต่อมาหรือปี 1999 จึงเปิดร้านค้าปลีกสาขาแรกในไทย

     สำหรับมิเชล เลแคลร์ค ผู้ก่อตั้งดีแคทลอน ปัจจุบันอายุ 82 ปีและได้วางมือจากการกุมบังเหียนบริษัทแล้วแม้จะยังถือหุ้น 40 เปอร์เซนต์ในบริษัทก็ตาม เกือบครึ่งศตวรรษของการก่อร่างสร้างธุรกิจ ดีแคทลอนซึ่งมีความหมายว่า “ทศกรีฑา” หรือกรีฑาประเภทผสมชนิดลู่และลาน 10 รายการดูเหมือนจะสมดังเจตนารมย์ของผู้ก่อตั้งเพราะดีแคทลอนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นอีกแบรนด์ระดับโลกที่อยู่ในใจหลายคน และยังเป็นแบรนด์ที่ยังรังสรรค์สินค้าใหม่ ๆ ตลอดเวลาเพื่อสนองตอบความต้องการลูกค้าไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย หรือนักกีฬามืออาชีพก็ตาม

 

ข้อมูล

www.heartfulnessmagazine.com/spreading-happiness/

https://vue.ai/blog/leaders-in-retail/decathlon-innovatio/

https://goodyfeed.com/10-facts-about-decathlon-the-ikea-version-of-sporting-goods/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี 

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง