ตลาด Plant Based แรงต่อเนื่อง เนเธอร์แลนด์ ห้ามโฆษณาเนื้อสัตว์ รายแรกของโลก

TEXT :    Sir.Nim

 

     กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์อาหารโลกที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกันมากขึ้น กับกระแสการหันมาบริโภคเนื้อจากพืชหรือ Plant Based Food ปัจจุบันผลิตเป็นสินค้าออกมาวางขายกันมากมาย ล่าสุดเหมือนเทรนด์ดังกล่าวจะจริงจังขึ้นไปอีกขั้น เมื่อเมืองๆ หนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีการออกประกาศห้ามไม่ให้มีการโฆษณาเนื้อสัตว์บนพื้นที่สาธารณะ เช่น รถบัส บิลบอร์ด หรือบนหน้าจอดิจิทัล เพื่อรณรงค์ช่วยลดการบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นสาเหตุแห่งภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดเนื้อจากพืชและเนื้อทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากสัตว์มากขึ้นนั่นเอง

     เมืองดังกล่าวที่ว่า ก็คือ “ฮาร์เล็ม” (Haarlem) เมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของอัมสเตอร์ดัม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 160,000 คน นโยบายดังกล่าวถูกนำเสนอขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วโดยพรรคการเมืองอย่าง GroenLinks ที่ชูความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยผลการพิจารณาดังกล่าวได้รับการอนุมัติและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ต้นเดือนกันยายน 2565) ซึ่งสำนักข่าว Trouw ได้รายงานรายละเอียดว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จะถูกแบนหรือสั่งห้ามไม่ให้มีการติดอยู่บนรถบัสโดยสาร เช่น ด้านข้างรถ พนักพักพิงเก้าอี้ หรือแม้แต่พื้นที่สาธรณะอื่นๆ เช่น ป้ายรถเมล์ หน้าจอดิจิทัลใดๆ เลย โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ คือ ปี 2567 นั่นเอง เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางส่วนยังติดสัญญาโฆษณาในพื้นที่ดังกล่าวอยู่

     โดยเหตุผลก็เพื่อช่วยรณรงค์ หรือลดแรงกระตุ้น ความอยากบริโภคเนื้อสัตว์ลง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเมือง หลังจากพบว่าเดิมทีนั้นชาวเนเธอร์แลนด์บริโภคเนื้อสัตว์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ซึ่งพบว่า 20 เปอร์เซ็นต์มีการบริโภคทุกวัน โดยข้อมูลจากองค์กรระดับโลกได้กล่าวไว้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตอาหารทั่วโลกคิดเป็น 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของมนุษย์ โดยการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด มากกว่า ปริมาณมลพิษของการผลิตอาหารจากพืชถึง 2 เท่า

     ซึ่งก่อนหน้านี้เมืองอื่นๆ ของเนเธอร์แลนด์ เช่น อัมสเตอร์ดัมและกรุงเฮก ก็ได้มีการประกาศห้ามโฆษณาเกี่ยวกับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน เช่น สายการบิน, รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลมาแล้ว

     แน่นอนว่าแนวคิดดังกล่าวแม้จะส่งผลดีต่อโลก แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากหลายคนที่ไม่เห็นด้วยว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพทางกฎหมายหรือเปล่า

     ผู้ประกอบการอาหารท่านใดที่กำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมในเนเธอร์แลนด์ หรือกำลังคิดอยากไปเปิดตลาดก็ตามที อาจต้องศึกษาให้ดีๆ ก่อน ไม่แน่ว่าในอนาคตนโยบายดังกล่าว อาจขยายไปยังเมืองหรือประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยก็ได้ ซึ่งการออกกฎข้อบังคับหรือข้อกำหนดบังคับของเนเธอร์แลนด์ครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นในการรณรงค์ลดบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อลดภาวะโลกร้อน หลังจากที่ปัจจุบันเริ่มมีการสร้างผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทางเลือกหรือเนื้อสัตว์จากพืชออกมาวางขายมากมาย

ทำไมต้องเริ่มที่เนเธอร์แลนด์

     สำหรับข้อสงสัยที่ว่า เพราะเหตุใดเนเธอร์แลนด์จึงเป็นประเทศแรกที่กล้าออกมาประกาศแสดงจุดยืนในการลดการบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง ถึงแม้จะเคยมีสถิติว่าชาวดัตช์บริโภคเนื้อสัตว์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม จากที่ได้ไปสืบค้นมาพบว่าในปีช่วงไม่กี่ปีมานี้เนเธอแลนด์กลายเป็นประเทศที่ให้ความสนใจกับการบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์และเนื้อจากพืชกันมากขึ้น จนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว

     โดยจากการรายงานของนักวิจัยตลาด IRI Nederland จากสำนักข่าว NOS1 กล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ชาวเนเธอร์แลนด์เองมีการหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ เช่น อาหารมังสวิรัติ(vegetarians) อาหารวีแกน (vegan) มากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วกันมากขึ้น เช่น ถั่วชิกพี, ถั่วเหลือง, เห็ด, กะหล่ำดอกและสมุนไพร โดยนับตั้งแต่ปี 2560 จำนวนผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ในซูเปอร์มาร์เก็ตก็เพิ่มขึ้นถึง 51 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยอดการขายเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้ออื่น ๆ ลดลงกว่า 9 เปอร์เซ็นต์

     ยกตัวอย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชื่อ Albert Heijn เปิดเผยข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2559 ทางร้านมียอดจำหน่ายอาหารมังสวิรัติเพิ่มขึ้นกว่า 33 เปอร์เซ็นต์ โดยมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์บนชั้นวางเพิ่มขึ้นกว่า 100 รายการ ในขณะที่ Jumbo ซูเปอร์มาร์เก็ตมีเนื้อสัตว์ทดแทนเพิ่มกว่า 200 รายการ โดยเหตุผลที่ชาวดัตช์เต็มใจที่จะบริโภคผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์มากขึ้น ก็คือ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน ถึงแม้ว่าอาหารแบบดั้งเดิมของชาวดัชต์นั้น จะไม่เป็นมิตรกับมังสวิรัติเลยก็ตามที แต่กระแสมังสวิรัตินั้นกำลังพัฒนาขึ้น ซึ่งโดยปัจจุบันนับว่าเนเธอร์แลนด์ถือเป็นประเทศที่มีรายชื่อติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศที่เปิดรับอาหารมังสวิรัติและวีแกนของโลกทีเดียว โดยนอกจากในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ตามสถานีรถไฟต่างๆ ก็มักจะมีตู้อาหารมังสวิรัติไว้คอยบริการอย่างน้อย 1 ตู้ หรือในบางเมืองก็จะมีการจัดตลาดนัดอาหารจากพืชหรือผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน หรือแม้แต่ในการจัดงานกิจกรรมหรือเทศกาลต่างๆ ก็มักมีตัวเลือกเป็นอาหารมังสวิรัติอย่างน้อยหนึ่งรายการด้วย การหาอาหารมังสวิรัติ หรืออาหารเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ในเนเธอร์แลรนด์จึงสามารถทำได้ง่ายมาก

ทั่วโลกบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง

     นอกจากเรื่องราของเนเธอร์แลนด์แล้ว ดูเหมือนว่าแนวโน้มทั่วโลกก็เริ่มจะหันมานิยมบริโภคเนื้อสัตว์กันลดลงด้วย โดยจากรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เคยเปิดเผยไว้ในปี 2563 ว่าตัวเลขการบริโภคเนื้อสัตว์ต่อจำนวนประชากรลดลงต่ำสุดในรอบ 9 ปีก่อนหน้านี้ โดยสถิติลดลงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์จากปี 2019 เหตุผลเนื่องมาจากโรคระบาดที่ทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการคมนาคม, การท่องเที่ยว และขาดแคลนแรงงาน

              โดยก่อนที่จะเกิดโควิด-19 หน้านั้นสถาบัน Rabobank ก็เคยได้ทำการคาดการณ์ความต้องการโปรตีนจากสัตว์และอาหารสัตว์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงอยู่แล้ว เนื่องจากมีเทรนด์การบริโภคใหม่ๆ เข้ามา โดยระบุไว้ว่าการบริโภคเนื้อวัวจะลดลงกว่า 9 – 13 เปอร์เซ็นต์, เนื้อหมูจะลดลง 4 – 17 เปอร์เซ็นต์ และเนื้อปลาจะลดลง 6 – 11 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการบริโภคสัตว์ปีกในประเทศไทยจะลดลงถึง 1 – 4 เปอร์เซ็นต์

ทั้งที่ก่อนหน้านี้องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เคยพยากรณ์ไว้ว่าหากปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์จากประชากรโลกไม่ลดลง ในปี 2593 ทั่วโลกจะมีปริมาณความต้องการไข่ไก่มากถึง 102 ล้านตัน, เนื้อสัตว์ปีก 181 ล้านตัน, เนื้อหมู 143 ล้านตัน, เนื้อแกะ 25 ล้านตัน และเนื้อวัว 106 ล้านตัน

ที่มา :

https://www.businessinsider.com/ban-meat-adverts-climate-concerns-european-city-haarlem-2022-9

https://www.geo.tv/latest/438755-dutch-city-to-ban-meat-ads-due-to-its-impact-on-climate

https://www.ditp.go.th/contents_attach/597176/597176.pdf

https://dld.go.th/th/images/stories/about_us/organization_chart/2561/strategy2561_2565.pdf

https://www.salika.co/2020/09/21/meat-industry-struggles-to-the-outbreak/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เลิกบริการผิดวิธี ถ้าอยากขายดียุคนี้ ต้องทำให้ Social Battery ลูกค้าหมดช้าที่สุด

ใครว่าบริการที่ดีต้อง "ยิ้ม ต้องทัก ต้องถาม" เสมอไป? วันนี้ธุรกิจที่ทำเงินได้ดี อาจเป็นร้านที่ "พูดน้อยที่สุด" และ "รบกวน Social Battery ลูกค้าให้น้อยที่สุด" ก็เป็นได้

เปิดอินไซต์ Longevity Economy “ชีวิตยืนยาว–สุขภาพดี” มาตรฐานใหม่ของความลักชูรี่ ดันตลาดสุขภาพไทยโตแรงระดับโลก

ชีวิตยืนยาว–สุขภาพดี กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความลักชูรี่ เปิดอินไซต์ Longevity Economy ชี้ตลาด Health & Wellness ไทยโตแรงระดับโลก เมื่อ “อยู่ได้นาน” ไม่พอ แต่ต้อง “อยู่ได้ดี” นี่คือเมกะเทรนด์ที่ธุรกิจสุขภาพต้องจับตา

ไอเดียวาฟเฟิลรองเท้า ที่โดนใจ Gen Z จนขายได้วกว่า 200 คู่/วัน   

จะมาเป็นวาฟเฟิลเหมือนกันไม่ได้! เมื่อร้าน Chalos มาพร้อมกับวาฟเฟิลรูปรองเท้า ที่มองไปมองมาช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน ด้วยรูปทรงหัวโตๆ มีรูเยอะๆ พร้อมติดน้ำตาลปั้นสุดคิ้วท์แต่ละข้าง และใส่มาในกล่องที่ทำมาได้ฟีลกล่องรองเท้าจริงๆ ด้วย