ไอเดียธุรกิจเงินล้าน รับจ้าง ‘ทิ้ง’ เปลี่ยนวิกฤตน้ำท่วมเป็นโอกาส

TEXT : ปองกมล ศรีสืบ

 

     บทความชิ้นนี้ มีที่มาจากน้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

     บ่ายวันนั้นฝนเทกระหน่ำเพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆ พื้นที่ของกรุงเทพฯ หลายแห่ง ก็มีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะโซนบางนาและแจ้งวัฒนะ แม้แต่ในเมืองทองธานีซึ่งไม่เคยท่วม ก็ท่วมจนรถจมน้ำ ไปครึ่งคัน

     บ้านของผู้เขียนก็ได้รับผลกระทบด้วย วันนั้นน้ำท่วมเข้าไปในตัวบ้านชั้นล่าง ความสูงประมาณ 15- 18 เซ็นติเมตร ปัญหาคือ มันท่วมขังอยู่แบบนั้น 2 วันครึ่ง เพราะระบายน้ำออกไม่ได้

     เมื่อตัดใจทิ้งสมบัติไปได้แล้ว สิ่งที่เห็นคือ “โอกาส” ของธุรกิจที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์น้ำท่วม!

     สายโลกสวยมักจะเห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤตเสมอ และถ้าไม่เจอกับตัวเอง ก็คงไม่รู้ว่า ธุรกิจแบบนี้ ก็มีด้วย แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เชื่อว่า ข้อคิดที่ได้น่าจะเป็นประโยชน์กับการมองโลกผ่านวิกฤตการณ์ อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต

     มาไล่ดูตาม Time Line ไปพร้อมกันเลยค่ะ ว่ามีใครได้ประโยชน์และเห็นโอกาสจากวิกฤตนี้บ้าง

     วันแรก ผู้เขียนต้องไปซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการวิดน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั๊มน้ำ ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถังน้ำ และไม้ม็อบแบบที่สามารถรีดไล่น้ำได้ ฯลฯ ที่พึ่งยามนั้นก็คือโลตัสหน้าหมู่บ้าน ซึ่งโลตัสเองก็ เหมือนจะรู้ว่า Demand ของอุปกรณ์เหล่านี้มีสูงมาก แค่ถามเจ้าหน้าที่ว่า อุปกรณ์ทำความสะอาดน้ำท่วม อยู่ตรงไหน อุปกรณ์ทุกอย่างก็ถูกจัดมาอย่างรวดเร็ว ครบครัน

     เมื่อเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ช่วยกันยกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ไปกองรวมกันตรงบริเวณที่ว่าง ซึ่งเป็นที่สูงสุดของบ้าน เพื่อให้มี Space มากพอที่จะช่วยกันวิดน้ำออก เมื่อวิดน้ำเสร็จ ก็เริ่มต้นเก็บของทิ้ง  ของบางอย่างไม่ได้จมน้ำ แต่การที่มีน้ำขังก็ทำให้ชื้นและขึ้นรา ก็ต้องทิ้งไปด้วย

     ปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคในการเคลียร์บ้านก็คือ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่ไปต่อไม่ได้ และต้องขนทิ้ง อาทิเช่น  เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ ชั้นวางของ และโซฟา

     มาดูกันค่ะว่า Google ช่วยอะไรเราได้บ้างในยามนี้  

     มี Key Word ที่เข้าตาอันดับแรกก็คือ “รับจ้าง ขนทิ้ง ขยะชิ้นใหญ่...เขต...”

     ผลเสิร์ชอันดับแรกที่หาเจอ มีครบทั้งเบอร์โทร บริการ และที่สำคัญคือ ระบุเขตพื้นที่ชัดเจน  ซึ่งทำให้ เรามั่นใจได้ว่า จะไม่ถูกชาร์จเงินเพิ่มจากระยะในทางการขนย้าย ค่าเสียหายครั้งนี้อยู่ที่ 1,300 บาท ต่อเที่ยว ซึ่งปริมาณที่ทิ้งได้คือ พื้นที่ท้ายรถกะบะทรงสูง

     ระหว่างการขนขยะทิ้ง เราก็ชวนเจ้าของรถคุย    

     “คนจ้างเยอะมั๊ยพี่ ของพี่นี่กูเกิลขึ้นอันดับหนึ่งเลย”

     “ไม่อันดับหนึ่งได้ไง ผมกดบิด Key Word จ่ายกูเกิล อัดไปคลิกละ 12 บาทแน่ะ เขตหลักสี่ ลูกค้าเยอะมาก ผมวิ่งกันวันละสองสามเที่ยวมาหลายวันแล้ว”

     คำตอบแบบนี้เล่นเอาอึ้ง พร้อมกับความชื่นชมในการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ สัปดาห์นั้น พี่แกน่าจะฉวยโอกาสนี้ทำเงินได้มากโข

     นอกจากทิ้งของแล้ว วันนี้เราขนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ไปกองอยู่ตรงกลางห้องรับแขก เพื่อให้วิดน้ำ และเช็ดน้ำที่ขังอยู่ตามจุดต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

     งานของวันถัดมาก็คือ เราต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดขนกลับไปจุดเดิม กระจายไปทั่วบ้าน ทั้ง ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องทำงาน และห้องเก็บของ ปัญหาคือ สรรพกำลังของเราหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน ปฏิบัติการใช้เงินแก้ปัญหาจึงเริ่มต้นอีกครั้ง

     คราวนี้เสิร์ชกูเกิ้ลด้วย Key Word ‘รับจ้างขนย้ายของ’ หลังจากติดต่อพูดคุยไป 2 – 3 เจ้า จึงพบ เจ้าที่ลงตัวที่สุด ซึ่งเลือกจากความรวดเร็ว เสนอราคาได้ทันที มีความชัดเจนในกรอบของการทำงาน และเมื่อขอเพิ่มเซอร์วิสเรื่องการทิ้งของชิ้นใหญ่ ก็เพียงแค่จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย

     นี่คือ จุดเด่นของการแปรวิกฤตเป็นโอกาส เพราะว่าผู้ประกอบการที่เลือกใช้ เป็นธุรกิจรับจ้าง Move เกี่ยวกับ ย้ายบ้าน ย้ายเข้าคอนโด ฯลฯ แต่ยอมปรับตัวมาช่วยย้ายของภายในบ้าน ในขณะที่เจ้าอื่นปฏิเสธ เพราะยืนยันจะรับแต่การย้ายบ้านเท่านั้น

     ยอมรับเลยว่า การใช้เงินแก้ปัญหานี่ดีจริงๆ แค่ยืนเฉยๆ แล้วชี้จุด ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ ภายใน เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

     Service ในวันถัดมาก็ถึงคราว “จ้างแม่บ้านทำความสะอาด” ผู้เขียนคิดว่า Key Word นี้น่าจะฟาดฟัน ราคาใน Google กันไม่น้อยเลย แต่จุดตัดการตัดสินใจเเลือกหลังจากคุยไป 2- 3 เจ้าก็คือเหตุผลเดิมที่เลือก ทีมขนย้ายของ

     วันรุ่งขึ้นแม่บ้านมาถึงตั้งแต่ 7.30 น. (นัดไว้ 9.00 น.) แม่บ้านเสียงเหน่อแทนตัวว่าป้า บอกว่ารีบมา จะได้เสร็จเร็ว และแกมาไกล กลัวรถติด เข้ามาถึงแกก็จัดแจงปัดกวาด เช็ดถู ทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด มุมที่ไม่เคยเข้าถึงได้ ป้าแกก็ยกของออก แล้วทำความสะอาดจนได้ ถูกใจยิ่งนัก

     เบ็ดเสร็จแล้ว ปฏิบัติการ How To ทิ้ง ใช้เงินไป 1,300 + 3,500 + 500 + 1,200 รวมเป็น 6,500 บาท

     คิดดูเล่นๆ ว่าในหมูบ้านมีบ้านอยู่ 400 กว่าหลัง ถ้าเพียงแค่ครึ่งหนึ่งใช้บริการแบบนี้ ก็เท่ากับว่า มีเงินสะพัด ในการ How To ทิ้ง สูงถึง 1,300,000 บาท !!

     นี่คิดแค่หมู่บ้านเดียว แล้วถนนทั้งเส้นมีกี่หมู่บ้าน หัวจะปวด คิดไม่หวาดไม่ไหว ตัวเลขหลักสิบล้านอยู่แค่เอื้อม

     สรุป หากคุณเป็นผู้ประกอบการฯ แล้วเห็นโอกาสในวิกฤต สิ่งที่ต้องทำมีดังนี้

     1. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ คิดให้ได้ว่า Need ของวิกฤตนั้น มีอะไรบ้าง

     2. จงปรับตัวและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ Demand ของลูกค้า

     3. ในสถานการณ์ที่มีวิกฤต เงินไม่ใช่ปัญหา คุณสามารถเรียกเท่าไรก็ได้เพราะลูกค้ามี Demand สูง แต่ไม่ควรฉวยโอกาสโก่งราคา เอาแค่เรียกเท่าราคาเดิม ก็มีลูกค้ามาจ้างไม่หวาดไม่ไหวแล้ว

     4. รักษาคำพูดและกรอบของงานบริการตามที่ตกลง ไม่ควรมีชาร์จเพิ่มหน้างาน หรือวันถัดไป

     5. มี Service Mind และแสดงความเห็นใจลูกค้า โดยอาจจะการให้บริการที่มากเกินความคาดหวัง หรือไม่โก่งราคาฉวยโอกาส เชื่อเถอะว่าหากเกิดเหตุคล้ายๆ กัน ลูกค้าจะต้องซื้อซ้ำกับคุณ 100%

     สุดท้ายนี้ อยากให้คิดว่า เงินทองนั้นหาใหม่ได้ แต่น้ำใจใช้ไม่มีวันหมด เราอาจจะได้โอกาส จากวิกฤต ของผู้คนก็จริง แต่ภายใต้โอกาสนั้น อย่าลืมหยิบยื่นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กันและกันบ้าง

     อย่าลืมว่า โลกขับเคลื่อนด้วยความรักและน้ำใจ ไม่ใช่ตัวเงิน...

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024