รวมแอป สร้างนามบัตรดิจิทัลสุดเจ๋ง ทำได้บนมือถือ

TEXT : Momin

Main Idea

  • นามบัตรดิจิทัล คือ เทคโนโลยีที่ช่วยแบ่งปันข้อมูลและเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าไว้ในมือถือ มีขั้นตอนที่ง่าย และสะดวก โดยการสแกนแลกเปลี่ยนนามบัตร และช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย

 

  • ที่สำคัญเมื่อพนักงานลาออกข้อมูลต่างๆ ก็ยังอยู่กับองค์กร ไม่หายไปไหน

 

     คุณยังใช้นามบัตรกระดาษอยู่หรือเปล่า?

     ถ้าคุณเป็นมืออาชีพในการทำงาน คุณก็จะรู้ว่านามบัตรเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งมันเป็นตัวแทนของคุณและบริษัท และเชื่อว่าคนที่ใช้นามบัตรที่เป็นกระดาษต้องเคยเจอปัญหา หาไม่เจอ หายบ้าง ปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อพนักงานลาออกข้อมูลต่างๆ ก็หายไปตามพนักงานคนนั้นเลย และอีกอย่างการมีนามบัตรก็ต้องเสียเงินปริ้นนามบัตรหลายร้อยใบ บางบริษัทมีพนักงานเป็นพันกว่าคน คิดดูว่าถ้าต้องปริ้นนามบัตรให้พนักงานทุกคนต้องใช้กระดาษจำนวนมาก และบนโลกใบนี้ก็ไม่ได้มีแค่บริษัทเดียว  

     และด้วยเหตุนี้ทำให้มีธุรกิจคิดค้นนามบัตรดิจิทัล เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้นที่เกิดขึ้น วันนี้เราเลยได้รวบรวมธุรกิจที่รับทำนาบัตรดิจิทัลมาให้ มาดูกันว่าจะมีของเจ้าไหน ตามมาดูกันเลย

นามบัตรดิจิทัล (Digital Name Card) คืออะไร

     เมื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับการใช้ชีวิต ทำให้มนุษย์สามารถทำอะไรได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม อย่างเช่น การติดต่อสื่อสาร หรือเก็บข้อมูล เพราะฉะนั้นนามบัตรดิจิทัล ก็คือ เทคโนโลยีที่ช่วยแบ่งปันข้อมูลและเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าไว้ในมือถือ ซึ่งมีขั้นตอนที่ง่าย และสะดวกกว่านามบัตรแบบกระดาษ โดยการสแกนแลกเปลี่ยนนามบัตรกัน จากนั้นข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าจะส่งเข้ามือถือของคุณ นอกจากนี้นามบัตรแบบดิจิทัลยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรเป็นอย่างมาก

5 แอปทำสำหรับทำนามบัตรดิจิทัลเจ๋งๆ

1. Bekin

     เป็นแอปของไทยที่สร้างนามบัตรดิจิทัลได้เอง แถมยังฟรีอีกด้วย ทำให้คุณและพาร์ทเนอร์สามารถติอต่อกันได้อย่างง่ายดาย สามารถสร้างคอนเนคชั่นได้ไม่มีวันหาย ด้วยบัตร E-BLUE CARD ใบเดียว

  • แก้ไขข้อมูล ได้ตลอดเวลา เมื่อทำการอัพเดตข้อมูลระบบจะอัพเดตข้อมูลใหม่ทันที

 

  • สามารถเชื่อมต่อธุรกิจร้านค้า ด้วยฟีเจอร์ QR Code ให้ลูกค้าได้สแกนนามบัตรธุรกิจคุณได้สะดวกและรวดเร็ว

 

  • พกนามบัตรลูกค้าไว้ตลอดเวลา และสามารถค้นหาได้ง่ายในแอปพลิเคชัน

 

  • ส่งนามบัตรได้ทุกช่องทางแบบลิงค์ง่ายๆ เมื่อทำการประชุมออนไลน์ก็สามารถแปะลิงค์นามบัตรทันที

 

  • สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง Android และ IOS

 

     สามารถดาวน์โหลดแอฟพลิเคชันได้ที่

     Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=co.bekin.app

     IOS: https://apps.apple.com/th/app/bekin/id1616847606

2. Popl

     เป็นแอปนามบัตรดิจิทัลที่เหมาะสำหรับทีมและบุคคล ซึ่งสามารถแชร์ข้อมูลติดต่อบนโซเชียลมีเดีย ไฟล์ วิดีโอ และอื่นๆ ได้ทันทีด้วยการแตะอุปกรณ์ Popl หรือสแกนรหัส Popl QR Code ซึ่งผู้รับไม่จำเป็นต้องมีแอป Popl ก็สามารถรับข้อมูลติดต่อของธุรกิจได้ ธุรกิจสามารถปรับแต่งโปรไฟล์ส่วนตัวและโปรไฟล์ธุรกิจได้เอง และที่สำคัญสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ได้ในทุกที่ทุกเวลาอย่างง่ายดาย

     สามารถดาวน์โหลดแอฟพลิเคชันได้ที่

     Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nfc.popl&hl=th&gl=US

     IOS: https://apps.apple.com/th/app/popl-digital-business-card/id1503939262?l=th

3. Cam Card

     แอปพลิเคชันทำนามบัตรดิจิทัลที่สะดวก ใช้งานง่าย สามารถใช้ได้ถึง 16 ภาษาด้วยกัน มีตั้งแต่ภาษา อังกฤษ, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส, เยอรมัน, อิตาลี,  ดัตช์,  สวีเดน,  ฟินแลนด์,  เดนมาร์ก,  นอร์เวย์, และภาษาทุกท้ายคือ ฮังการี ซึ่งจะใช้ระบบ QR Code เพื่อสแกนนามบัตรของลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ เมื่อทำการสแกนระบบจะทำการประมวลผลว่าลูกค้าของคุณใช้ภาษาอะไร และจากนั้นจะบันทึกข้อมูลไปยัง People Hub / Card Holder และแอปนี้ยังสำรองข้อมูลไปยังคลาวด์โดยอัตโนมัติอีกด้วย ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะสูญหายไปได้ง่ายๆ ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นต่างชาติมากๆ และที่สำคัญสามารถใช้ได้ทั้ง Android และ IOS

     สามารถดาวน์โหลดแอฟพลิเคชันได้ที่

     Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.intsig.BCRLite&hl=th&gl=US

     IOS: https://apps.apple.com/th/app/camcard-business-card-scanner/id349447615?l=th

 

 

4. HiHello

     เป็นแอปนามบัตรดิจิทัลที่ใช้ได้ฟรี สามารถปรับแต่งการ์ดได้เองตามที่ต้องการ หรือถ้าหากต้องการสร้างนามบัตรหลายใบโดยมีข้อมูลที่แตกต่างกันแอปนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน ตัวย่างเช่น หนึ่งใบสำหรับเพื่อนร่วมงานในองค์กร ส่วนอีกใบหนึ่งสำหรับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร? เป็นต้น ที่สำคัญแอปนี้ยังสามารถแชร์นามบัตรให้ใครก็ได้ และรองรับทั้ง Android และ IOS

     สามารถดาวน์โหลดแอฟพลิเคชันได้ที่

     Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=play.me.hihello.app&hl=th&gl=US

     IOS: https://apps.apple.com/app/apple-store/id1378114205

       และสำหรับธุรกิจไหนที่คิดว่าการทำนามบัตรดิจิทัลบนแอปพลิเคชันยุ่งยาก ไม่มีเวลาในการกรอกข้อมูล เราก็เลยรวบรวมธุรกิจที่รับทำนามบัตรดิจิทัลมาให้ จะมีของเจ้าไหนบ้างตามมาดูกันเลย

5. Blinq

     แอปพลิเคชันนี้เป็นแอปที่ธุรกิจระดับโลกเลือกใช้กัน ตัวอย่างเช่น  Google, Uber,  TESLA,  citi, Salesforce เป็นต้น  และแอปนี้จะใช้ระบบสแกน QR Code ด้วยเช่นกัน ธุรกิจสามรถปรับแต่งได้เองตามใจชอบ และอัปเดตข้อมูลผ่านทางแอปพลิเคชันได้ทันที สามารถแชร์นามบัตรกับใครก็ได้ แม้ว่าลูกค้าจะไม่มีแอปนี้คุณสามารถแชร์ QR Code ผ่านทาง LinkedIn หรืออีเมลของคุณได้ และสามารถเพิ่มรายละเอียดการติดต่อบนโซเชียล เว็บไซต์ และอื่นๆ ได้ฟรี ที่สำคัญเมื่อลูกค้าทำการสแกน QR Code ข้อมูลการติดของเราจะถูกส่งเข้ามือถือของลูกค้าโดยอัติโนมัติ และแอปนี้ยังรองรับทั้ง Android และ IOS อีกด้วย

     สามารถดาวน์โหลดแอฟพลิเคชันได้ที่

     Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.rabbl.blinq

     IOS: https://apps.apple.com/th/app/blinq-digital-business-card/id1324102258?l=th

3 ธุรกิจรับทำนามบัตรดิจิทัลของไทย

     สำหรับใครที่ไม่สะดวกทำผ่านมือถือ ก็มีบริษัทที่รับผลิตนามบัตรดิจิทัลให้เลือก อาทิ

9 NET

     ธุรกิจรับทำนามบัตรดิจิทัล ข้อดีของการทำนามบัตรของธุรกิจนี้ก็คือ ทุกครั้งที่พนักงานแลกนามบัตร ข้อมูลจะส่งกลับมายังระบบของบริษัท ถึงแม้พนักงานจะลาออกไปพร้อมกับนามบัตรลูกค้า แต่บริษัทยังโหลดข้อมูลเป็นไฟล์ Excel เพื่อเก็บไว้ใช้งาน และยังเป็นทรัพย์สินของบริษัท แม้เลิกใช้บริการ YourQR ไปแล้ว

ราคาค่าบริการ

 ธุรกิจ SME  

  • นามบัตร 20 ใบ

 

  • รูปแบบนามบัตร Standard

 

  • Human Ai 1,000 ครั้ง

 

  • ราคา 7,500 บาท ปีถัดไป 2,000 บาท

 

Corporate

  • นามบัตร 100 ใบ

 

  • รูปแบบนามบัตร Customize

 

  • ไม่จำกัดครั้งใน 1 ปี

 

  • ราคา 50,000 บาท ปีถัดไป 10,000 บาท

 

  • Group Company ฟีเจอร์การบ่างพนักงานตามบริษัทในเครือในมีนามบัตรที่แตกต่างกัน 20,000 บาทต่อบริษัท

 

     สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://9net.co.th/DigitalNameCard

HOPKARD

      คุณสมบัติเด่นของธุรกิจนี้ก็คือ ไม่ต้องติดตั้งแอป สามารถอ่านได้จากโทรศัพท์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ผ่าน NFC Reader หรือ QR Code  สามารถกำหนดข้อมูล รายละเอียดการติดต่อที่ต้องการแชร์ได้ โดยล๊อกอิน และแก้ไขได้เองผ่าน HopKard.com  และที่สำคัญปลอดภัย มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) สำหรับผู้ประกอบการยังแน่ใจในระบบ แบรนด์นี้มีให้ทดลองใช้ฟรีด้วยนะ

ราคาค่าบริการ

  • Standard HopKard ราคา 699 บาท เป็นบัตรสำเร็จรูป

 

  • HopCoin ราคา 399 บาท นามบัตร HopCoin แบบแผ่นเรียบ หรือแบบ GripTok เป็นแบบติดด้านหลังโทรศัพท์

 

  • YourDesign HopKard ราคา 899 บาท ผู้ออกแบบบัตรสามารออกแบบได้ตามต้องการ

 

  • Enterprise HopKard ราคา 300 บาท (ขั้นต่ำ 200 ใบ) และมีค่าสมาชิกรายปี 50 บาทต่อ 1 ผู้ใช้งาน

 

  • HopKard Plus + ราคา 200 บาท ต่อปี สามารถแจ้งออกบัตรใหม่ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง(เฉพาะลูกค้า Personal เท่านั้น)

 

     สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ https://www.hopkard.com/web/hopkard-plus/

MY CARD

     คุณสมบัติเด่นของธุรกิจนี้ก็คือ สามารถเลือกส่งข้อมูลได้เอง และปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ตลอด สามารถใช้ร่วมกับระบบ Access Control ควบคุมประตูเข้าออกอาคารหรือออฟฟิศ และสามารถใช้แทนบัตรพนักงานได้ ข้อมูลปลอดภัยบนระบบ AWS ไม่ต้องใช้แอปพลิเคชัน

ราคาค่าบริการ

  • แบบ Standard 799 บาท

 

  • แบบ My Your Self 1,599 บาท

 

  • แบบ Metallic 5,599 บาท

 

     สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ www.mycardthailand.com

     และนี่คือ 5 แอปพลิเคชัน และ 3 ธุรกิจที่รับทำนามบัตรดิจิทัล สำหรับผู้ประการ SME ที่กำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ นามบัตรดิจิทัลก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่จะช่วยให้ธุรกิจจัดการกับข้อมูลของลูกค้าได้

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024