กรณีศึกษา McDonald’s ใช้กลยุทธ์แบบไหน ธุรกิจถึงโตและแตกต่างจากคู่แข่ง

TEXT : Momin

Main Idea

4 กลยุทธ์การตลาดของ McDonald’s ที่แตกต่างจากคู่แข่ง

  • การทำแฟรนไชส์เข้าถึงผู้บริโภค

 

  • เจาะตลาดเข้าถึงทุกเพศทุกวัย

 

  • เมนูเยอะใช่ว่าจะดี

 

  • ปรับตัวให้ทันโลกและลูกค้า

 

     เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก McDonald's เป็นแบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ด ที่มีสาขาทั่วทุกมุมโลกเลยในตอนนี้ ซึ่งตำนานความอร่อยของแฮมเบอร์เกอร์จากร้านแมคโดนัลด์ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2491 โดยผู้บุกเบิกคือ พี่น้องดิ๊ก และ แมค แมคโดนัลด์ ที่เปิดร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อว่า "แมคโดนัลด์" เป็นแบบไดร์ฟทรู ในซานเบอร์นาดิโน เมืองเล็กๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

     ภายหลังทั้งสองได้ขายกิจการให้กับ มร. เรย์มอนด์ อัลเบิร์ต คร็อค ส่งผลให้ร้านแมคโดนัลด์เป็นที่ชื่นชอบและได้ขยายสาขาไปทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นสาขาแรกที่รัฐอิลลินอยส์ ในปี พ.ศ. 2498 จวบจนทุกวันนี้มีร้านแมคโดนัลด์กว่า 36,000 สาขา ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และในแต่ละวันให้บริการลูกค้ากว่า 69 ล้านคน

     และอะไรที่ทำให้ McDonald's ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้เราเลยจะพาผู้ประกอบการไปย้อนดูว่า McDonald's ใช้กลยุทธ์อะไรที่ทำให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำเอาไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้

 4 กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ McDonald’s แตกต่างจากคู่แข่ง

 1. การทำแฟรนไชส์เข้าถึงผู้บริโภค

     ถึงแม้ว่ารูปแบบแฟรนไชส์ของแมคโดนัลด์จะค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาในทุกวันนี้ แต่รูปแบบแฟรนไชส์ของแมคโดนัลด์ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบแรก ๆ และเป็นรูปแบบที่หลาย ๆ บริษัทพยายามลอกเลียนแบบ

 กลยุทธ์ที่ใช้แล้วได้ผล

     1. McDonald's ลงทุนเงินจำนวนมาก เพื่อสร้างแฟรนไชส์มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

     2. บริษัทลงทุนในการจัดหาผลิตภัณฑ์จากแต่ละภูมิภาคเพื่อปรับแต่งเมนูให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคแต่ละภูมิภาค

     และด้วยการยึดมั่นในคุณภาพ บริการ ความสะอาด ทำให้แมคโดนัลด์จึงสามารถเติบโตไปพร้อมกับตลาดที่ขยายตัวและรับประกันว่าแฟรนไชส์ของบริษัทจะประสบความสำเร็จในทุกท้องถิ่นทั่วโลก

 2. เจาะตลาดเข้าถึงทุกเพศทุกวัย

     ในฐานะที่เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด อาจเป็นเรื่องยากที่จะระบุกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง นั่นเป็นเหตุผลที่ McDonald’s มองหาวิธีที่จะทำการตลาดที่เข้าถึงทุกคน

กลยุทธ์ที่ใช้แล้วได้ผล

  • ตัวอย่างเช่น ชุด Happy Meal ที่ควบคู่ไปกับแพ็คเกจที่ใหญ่ขึ้นทำให้ใครก็ตามที่หิวโหยหันไปหา McDonald’s เป็นทางออกไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่

 

  • หรืออย่างในไทยเองก็มีเช่นกัน เป็นชุดเซ็ตจับคู่ที่ราคาดีสบายกระเป๋า ซึ่งเหมะสำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเป็นอย่างมาก เวลาที่ไปทาน McDonald’s บางสาขาที่ใกล้กับโรงเรียนจะเห็นว่ามีนักเรียนนั่งเกือบเต็มทุกโต๊ะ

 

3. เมนูเยอะไปใช่ว่าจะดี

     อีกหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ McDonald คือให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว  มาจากการที่มีเมนูให้เลือกไม่เยอะ แต่เมนูเหล่านั้นล้วนเป็นเมนูที่ผู้บริโภคชอบทั้งสิ้น ซึ่งการมีเมนูที่ไม่เยอะยังช่วยทำให้ลดความผิดพลาดต่างๆ ของพนักงานได้ และไม่ต้องเสียเวลาในการฝึกอบรมพนักงานเพิ่มอีกด้วย

 กลยุทธ์ที่ใช้แล้วได้ผล

  • เมนูไม่ต้องเยอะ เมนูที่มีควรเป็นเมนูที่ลูกค้าชอบ

 

  • เน้นกระบวนการผลิตมีคุณภาพ และการบริการรวดเร็วทันใจ

 

4. ปรับตัวให้ทันโลกและลูกค้า

     จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของ McDonald's คือในปี ค.ศ. 2004 มีภาพยนต์เรื่อง Super Size Me เป็นภาพยนตร์แนวเรียลลิตี้ ที่ผู้แสดง มอร์แกน สเปอร์ลอค ทดลองทานอาหารของ McDonald’s ทั้งสามมื้อ ตลอดเวลา 30 วัน

     ผลปรากฏว่า มอร์แกน ที่อายุ 31 ปี ได้ทานอาหารของ McDonald’s ไปเฉลี่ยวันละ 5,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน (ในขณะที่คนทั่วไป ในวัยและในน้ำหนักของเขาควรบริโภคประมาณ 2,500 กิโลแคลอรี่/วัน) ส่งผลให้น้ำหนักของเขาขึ้นไป 11.1 กิโลกรัม ดัชนีมวลกายเพิ่มขึ้น 13% และค่าคลอเลสเตอรอลขึ้นไปเป็น 230 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และเริ่มมีไขมันพอกตับ และมีปัญหาอารมณ์หงุดหงิด

     ซึ่งจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้หลาย ๆ คนได้เห็นถึงผลเสียของการรับประทานอาหารที่แปรรูปเช่น McDonald's และเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น McDonald's ได้ขยายเมนูเพื่อให้มีตัวเลือกที่คำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น และ McDonald’s จึงใช้สโลแกน “i’m lovin’ it” ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใด ก็จะมี McDonald’s เป็นส่วนเล็กๆ ของความสุขในชีวิตแต่ละวันเสมอ

กลยุทธ์ที่ใช้แล้วได้ผล

  • ตัวอย่างเช่น McDonald's ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ Happy Meal โดยเพิ่มเมนูสีเขียว และอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นเพื่อสุขภาพของเด็กๆ

 

  • หรือชุด Happy Meal ในสหรัฐอเมริกาได้ปรับคุณค่าทางโภชนาการให้มีพลังงานต่ำกว่า 650 แคลอรี่ และตัดชีสเบอร์เกอร์ออกจากเมนูด้วย

 

ส่อง 4Ps ของ McDonald

     Product : McDonald's มีตัวเลือกอาหารจานด่วนที่ผู้บริโภคชื่นชอบ รวมถึงอาหารหลักแบบอเมริกันคลาสสิก (เบอร์เกอร์และมันฝรั่งทอด) ขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีให้เลือกมากมาย McCafe) และเมนูโปรดเฉพาะของ McDonald (Big Mac, Quarter Pounder)

     Price : McDonald's ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่ลูกค้ายอมจ่าย (value-based pricing strategy) เป้าหมายคือ การรักษาราคาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

     Place : ภายใต้รูปแบบแฟรนไชส์ของ McDonald ลูกค้าสามารถค้นหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้คุณได้เกือบทุกที่ นอกจากนี้ บริษัทกำลังลงทุนเพิ่มตัวเลือกการจัดส่งทั้ง Uber Eats, Doordash และบริการจัดส่งอื่นๆ

     Promotion : McDonald’s ลงทุนเงินจำนวนมากในการโฆษณา ตั้งแต่ทีวีและวิทยุแบบดั้งเดิมไปจนถึงโซเชียลมีเดีย รวมถึงการตลาดแบบกองโจร ซึ่งโปรโมชั่นเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ การเป็นร้านอาหารทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งครอบครัว

     และนี่คือ กลยุทธ์ทั้งหมดที่ McDonald’s ใช้แล้วทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระดับโลกได้

ที่มา : https://www.mcdonalds.co.th/aboutUs?lang=th

https://coschedule.com/marketing-strategy/marketing-strategy-examples/mcdonalds-marketing-strategy

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024