Scarcity Effect เทคนิคช่วยเพิ่มยอดขาย ในยุคผู้บริโภคใช้ ‘สติ’ ซื้อสินค้ามากกว่า ‘สตางค์’

TEXT : Neung Cch.

Main Idea

  • ทำอย่างไรในวันที่ผู้บริโภคไม่สนใจโฆษณา “เชื่อตัวเอง” มากกว่า “เชื่อแบรนด์”

 

  • ส่องกลยุทธ์ที่จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดนี้ ทำให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อสินค้าแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง

 

     “ขายของยากขึ้น” ประโยคที่มักได้ยินจากผู้ประกอบการหลายๆ คนบ่นถึงในเวลานี้ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้วปัจจุบันผู้บริโภคเองก็เลือกซื้อสินค้ามากขึ้น

     กลยุทธ์การโฆษณายุคนี้อาจทำได้แค่ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารู้จักสินค้า แต่จะถึงขั้นทำให้ลูกค้าตัดสินซื้อได้นั้นอาจต้องใช้กลยุทธ์ที่ล้ำลึกขึ้น

     เมื่อต้องทำการตลาดให้ลึกซึ้งขึ้น คงต้องย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของมนุษย์อย่างเราๆ กันว่ามีปัจจัยอะไรที่จะทำให้พวกเขารู้สึกอยากซื้อสินค้า

     ว่ากันตามจริงแล้วโดยธรรมชาติมนุษย์มักต้องการสิ่งที่ตัวเองขาดหรือไม่มี เรียกว่าอาการ FOMO (ความกลัวที่จะพลาด) ตรงกับ Scarcity Effect (ทฤษฏีความขาดแคลน) ทำให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการโหยหาอยากได้สินค้าขึ้นมาทันที

     แนวคิดนี้เห็นได้ชัดจากกรณีเกิดโรคระบาดโควิดในช่วงแรกๆ ที่แอลกอฮอลล์ หรือ กระดาษชำระ กลายเป็นสินค้าขายดีขึ้นมาทันที เมื่อผู้คนต่างพากันไปซื้อกักตุนไว้จำนวนมาก ด้วยเหตุผลที่กลัวว่าสินค้าเหล่านี้จะมี “ไม่พอเพียง”

               

4 เทคนิคที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าขาดแคลน

     มาถึงวันนี้ที่เศรษฐกิจก็ยังผกผัน ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ทุกครั้งก่อนซื้อมักหาข้อมูลเปรียบเทียบ ดังนั้นผู้ประกอบการอาจนำ Scarcity Effect ไปปรับใช้กับธุรกิจได้ดังนี้

     1. เป็นสินค้าพิเศษ

     กลยุทธ์นี้มักเห็นจากแบรนด์ดังๆ อาทิเช่น Tiffany & Co., Cartier หรือ Apple ที่มักจะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูมีเอกลักษณ์มีความแตกต่างจากสินค้าทั่วๆ ไป เพื่อให้สินค้ากลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น ยิ่งสินค้ามีความพิเศษมากเท่าไหร่ เหมือนกระตุ้นความปรารถนาให้ผู้บริโภคอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์พิเศษนี้

     ข้อเสนอแนะ เราอาจใช้ช่วงเทศกาลต่างๆ นำเสนอสินค้าพิเศษ รวมทั้งออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับเทศกาลช่วยกระตุ้นอารมณ์ผู้บริโภคได้มากขึ้น

     2. เป็นสินค้าที่หายาก

     จะทำอย่างไรให้สินค้าของเราเป็นสินค้าที่หายาก ผู้ประกอบการอาจจะใช้เงื่อนไขเรื่องของกระบวนการผลิตเป็นตัวช่วย อาทิ สินค้าชิ้นนี้ผลิตในปริมาณที่จำกัด (Quantity) เหมือนกับบรรดาแบรนด์ดังทั้งหลายที่ใช้กลยุทธ์นี้ ผลิตสินค้ารุ่นลิมิเต็ดออกมาจำหน่ายกระตุ้นยอดขาย

     ข้อเสนอแนะ ไอเดียนี้อาจดัดแปลงเป็นสินค้า D.I.Y. ที่พ่วงด้วยคำว่า “มีชิ้นเดียวในโลก”

     3. เป็นสินค้าที่ต้องรีบซื้อ

     เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มักได้ผลเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักการตลาด เช่น ครั้งหนึ่ง Starbucks ได้เพิ่มเมนูพิเศษ "Unicorn Frappuccino" ถ่ายรูปลง Instagram พร้อมกับโปรโมทว่าเมนูนี้จะวางจำหน่ายเพียงไม่กี่วัน ส่งผลให้เมนูนี้ของ Starbucks ขายหมดอย่างรวดเร็วภายในวันแรก

     ข้อเสนอแนะ กำหนดช่วงเวลาซื้อที่จำกัด ให้ผู้บริโภครู้สึกรอช้าไม่ได้ เดี๋ยวจะพลาดโอกาส

     4. เป็นสินค้าจำนวนสุดท้าย

     กลยุทธ์นี้มักเห็นใช้บ่อยๆ ใน ร้านขายของเล่นที่มักประกาศว่า “เหลือเพียง 10 ชิ้นเท่านั้นในราคานี้!”

     ข้อเสนอแนะ ใช้กับสินค้าที่ขายดี เพื่อกระตุ้นให้คนซื้อเร็วขึ้น เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าสินค้าชิ้นนี้จะวางขายอีกเมื่อไหร่

 

ตัวอย่างที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าขาดแคลน

  • ราคาจะสูงขึ้นถ้าไม่ซื้อตอนนี้

 

  • ครั้งสุดท้าย, วันนี้เท่านั้น

 

  • วันเดียวเท่านั้น ไม่มีอีกแล้ว โอกาสสุดท้าย

 

ข้อควรระวัง บทเรียนจากแบรนด์ที่เคยใช้กลยุทธ์นี้ผิดพลาด

  • อย่าใช้กลยุทธ์นี้บ่อยเกินไป ลูกอาจจะขาดความเชื่อถือได้

 

  • ระวังการโปรโมทที่อาจทำให้ลูกค้าเลิกสนใจ เช่น เคยมีบริษัทหนึ่งส่งอีเมลเพื่อประชาสัมพันธ์แคมเปญนี้ที่มีข้อความเหมือนกันเกือบหมดถึง 5 ฉบับภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์

 

ที่มาhttps://inquivix.com/inbound-marketing/scarcity-effect/

https://duncanstevens.com/scarcity-effect

https://www.business2community.com/marketing/scarcity-marketing-your-new-small-business-secret-02422289

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

3 ปรากฏการณ์ธุรกิจปี 2025 ที่ชี้ว่า SME ที่พยายามขายให้ทุกคน กำลังหายไปจากตลาด

ปี 2025 ไม่ได้ฆ่า SME ที่เล็ก แต่มันกำลังฆ่า SME ที่ “พยายามเอาใจทุกคน” 3 ปรากฏการณ์ธุรกิจเขย่าวงการธุรกิจ ที่พิสูจน์แล้วว่า "ความลังเล" อาจกลายเป็นต้นทุนที่แพงที่สุด

ธุรกิจร้านกาแฟโคม่าหนัก เกาหลีใต้เพิ่งเจอ ปัญหาคาเฟ่ล้นเมือง ไทยจะตามรอยไหม ร้านใหม่เจ๊ง 2 ปี ร้านเก่าก็รอดยาก

รู้หรือไม่? ในโซล ที่มีคาเฟ่กว่า 80,000 ร้าน นั้น... ตอนนี้ ร้านที่ 'ปิดตัว' แซงหน้า 'ร้านที่เปิดใหม่' ไปแล้ว นี่คือวิกฤตครั้งแรกในรอบ 60 ปี!

Giving Machine ตู้กดบุญอัตโนมัติ เปลี่ยนการทำบุญให้ง่าย อยากทำแบบไหน ก็เลือกได้เลย

วันนี้ตู้กดอัตโนมัติถูกพัฒนาไปไกล ถึงขั้นกลายเป็น “ตู้กดบุญ” กันแล้ว ตู้ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Giving Machine’ โดยเปลี่ยนจากการกดซื้อสินค้ามาเป็นการเลือก “รายการบริจาค” แทน