สั่งรถให้เปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์ ขั้นกว่าการทำตลาด Personalization กลยุทธ์มัดใจผู้บริโภคจากค่ายรถหรู

TEXT : Sir.nim

PHOTO : BMW

 Main Idea

  • ในยุคที่การแข่งขันสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความต้องการในแบบของตัวเองสูงมากขึ้น “Personalized Marketing” หรือ การตลาดเฉพาะบุคคล จึงมีบทบาทอย่างมากที่จะช่วยให้ธุรกิจชนะใจผู้บริโภค

 

  • แม้แต่ค่ายรถหรูอย่าง BMW ยังหันมาทำตลาดนี้

 

  • i Vision Dee คือ รถยนต์รุ่นล่าสุดของ BMW ที่ทดลองพัฒนาเพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภค โดยสามารถปรับเปลี่ยนสีรถตามอารมณ์และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้มากกว่า 32 เฉดสี

 

    

     ในยุคที่การแข่งขันสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความต้องการในแบบของตัวเองสูงมากขึ้น “Personalized Marketing” หรือ Personalization ที่แปลว่า การตลาดเฉพาะบุคคล จึงถือว่ามีบทบาทอย่างมากที่จะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันชนะใจผู้บริโภคและคู่แข่งได้ ซึ่งจากที่ผ่านมาเราอาจเคยเห็นตัวอย่างการทำตลาดเฉพาะบุคคลในหลายธุรกิจ เช่น แฟชั่น, สินค้าอุปโภคบริโภคมากมาย แต่ใครจะคิดว่าในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อย่างเช่นการผลิตรถยนต์จะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

     โดยกลยุทธ์ Personalized Marketing ก็คือ การผลิตสินค้าหรือบริการให้ออกมาตรงใจกับความต้องการของลูกค้ารายบุคคลให้มากที่สุด หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “การตลาดแบบรู้ใจ” ซึ่งอาจจะใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือการตลาดเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค จนทำให้รู้สึกอยากอยู่กับแบรนด์ไปนานๆ

    เหมือนอย่างล่าสุดที่ BMW แบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลก สัญชาติเยอรมัน ได้ทดลองผลิตนวัตกรรมรถเปลี่ยนสีได้ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเปลี่ยนสีรถได้ตามอารมณ์ความรู้สึก หรือตัวตนที่อยากแสดงออกมา ณ ช่วงเวลานั้น

     โดยรถยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่า i Vision Dee โดย “DEE” ย่อมาจากคำว่า “Digital Emotional Experience” เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและแปลกใหม่จากการขับรถ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างรถกับเจ้าของ

     นวัตกรรมดังกล่าวเริ่มปรากฏตัวให้เห็นครั้งแรกในงาน Consumer Electronics Show หรือ CES 2022 แต่ครั้งนั้นเป็นทดลองเปลี่ยนได้เฉพาะสีเทากับดำเท่านั้น แต่ล่าสุดในงาน CES 2023 ที่เพิ่งผ่านมา BMW ได้สร้างความว้าว! อีกครั้งด้วยการพัฒนาขึ้นมาให้สามารถเลือกเปลี่ยนได้มากถึง 32 เฉดสีด้วยกัน

     การเปลี่ยนสีรถดังกล่าวสามารถทำได้โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “E-Ink” เป็นแผงกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic paper) แผ่นเล็กๆ ที่นำมาเรียงต่อกัน ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้ โดยชั้นในสุดจะเป็นชั้นผิวของพอลิเมอร์เหลวที่บรรจุไปด้วยแคปซูลขนาดเล็กจำนวนมาก โดยภายในแคปซูลจะมีเม็ดสีต่างๆ ซ่อนตัวอยู่ โดยจะถูกทำให้เปลี่ยนสีได้จากประจุไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งความจริงนวัตกรรมดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 1970 ที่ Palo Alto Research Center ของ Xerox โดย Nick Sheridon ภายหลังจึงได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ปี 2005 กระทั่งถูกดัดแปลงนำมาใช้กับรถยนต์โดย BMW ในที่สุด

     โดยนอกจากจะสามารถเปลี่ยนสีได้ตามความต้องการของเจ้าของแล้ว BMW ยังตอกย้ำทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการทำให้รถสามารถแสดงสีหน้าผ่านไฟหน้าและกระจังหน้าได้ตามที่เจ้าของรู้สึก แถมยังโชว์รูปอวตารของเจ้าของรถที่หน้าต่างข้างขณะเดินมาใกล้เพื่อจะขึ้นรถด้วย เพื่อเป็นการทักทายด้วย ตามแนวคิดของ BMW ที่ต้องการเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดให้กับคุณทั้งในโลกความจริงและเสมือนจริง นอกจากนี้ยังไร้ซึ่งหน้าปัดใดๆ แต่จะโชว์เลขไมล์, ระดับแบตเตอรี่, การนำทางที่หน้ากระจกรถแทน แถมยังสามารถปรับแต่งหน้าจอบรรยากาศน่าเบื่อเวลารถติดให้สนุกสนานยิ่งขึ้นด้วยรูปกราฟฟิกต่างๆ ได้อีกด้วย

     นอกจากการปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของรถแล้ว รถคันดังกล่าวยังออกแบบมาเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนสีรถ โดยสามารถทดแทนการเปลี่ยนสีรถโดยใช้วิธีฉีดพ่นสีเหมือนเดิม เสียทั้งเงิน เวลา แถมยังสร้างมลภาวะ มาเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อทำการเปลี่ยนสีเท่านั้น ไม่ได้ใช้ตลอดเวลาเพื่อให้สีคงตัว หรือยังในช่วงที่อากาศร้อนจัด สามารถเปลี่ยนรถให้เป็นสีขาวเพื่อช่วยในการสะท้อนแสง ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของรถไปในตัว ทำให้รถไม่ร้อน แบตเตอรี่ก็ไม่เสื่อมไวด้วย เป็นต้น

     ถามว่ารถยนต์รุ่นดังกล่าวจะผลิตขึ้นมาให้ใช้กันเมื่อใด ขณะนี้ทาง BMW แจ้งว่ายังอยู่ในช่วงพัฒนาและทดลองอีกหลายอย่างเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานจริง โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มผลิตขึ้นประมาณปี 2025

     จากตัวอย่างของ BMW แสดงให้เห็นแล้วว่า Personalized Marketing สามารถนำมาใช้ได้กับทุกธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ขอเพียงมีลูกค้าไม่ว่าธุรกิจอะไรก็สามารถใช้ได้ ซึ่งจะส่งผลมัดใจผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Epsilon ได้ทำผลสำรวจผู้บริโภค 1,000 รายที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปี พบว่า 80% ชื่นชอบแบรนด์ที่สามารถมอบประสบการณ์ได้ตรงใจ และพบว่าส่วนใหญ่ยินดีที่จะมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้ เพื่อให้แบรนด์นำไปใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดีขึ้น เพื่อโดนใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังเคยมีผลวิจัยเปิดเผยไว้ว่า  63% ของผู้บริโภครู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายกับวิธีการทำตลาดแบบเดิมๆ ที่นำเสนอข้อความโฆษณาแบบซ้ำไปซ้ำมาด้วย เช่น โฆษณาคั่นรายการโทรทัศน์ เป็นต้น

 

ที่มา : https://bit.ly/3HfIGTu

https://ninnygadget.com/tech-talk/how-bmw-ix-can-change-color/

https://www.primal.co.th/th/marketing/what-is-personalized-marketing/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

เสื้อยืดไก่ทอดหาดใหญ่ แฟชั่นอร่อย ไอเดียขายเสื้อสุดครีเอท ใครเห็นก็อยากลองซื้อไปกิน เอ้ย! ลองใส่

ไอเดียเสื้อยืดลายไก่ทอดหาดใหญ่ ที่หยิบเอากระดาษห่อข้าวเหนียวไก่ทอด หมูทอด มาทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสินค้า และเพิ่มความเหมือนอารมณ์ข้าวเหนียวไก่ทอดแท้ๆ ยิ่งเข้าไปอีก ด้วยการปริ้นกระดาษเป็นรูปห่อน้ำจิ้มติดเอาไว้ด้วย

ทำไมผู้ประกอบการไทยถึงสนใจลงทุน ธุรกิจร้านซักผ้าอัตโนมัติ 24 ชม. ไม่มีพนักงาน ไม่มีสต็อก แต่อยู่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ

ร้านซักผ้าหยอดเหรียญอัตโนมัติ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมและถูกยกให้เป็น “อาชีพที่สอง” ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นคือ ไม่ต้องมีสต็อกสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องวันหมดอายุ ไม่ต้องบริหารพนักงาน และสามารถสร้างรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รู้จัก 4 พลังซื้อใหม่ ตัวเปลี่ยนเกมธุรกิจปี 2026 ที่ Hakuhodo เผยให้คุณรู้ก่อนใคร!  

เมื่อปี 2026 กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของโลกธุรกิจ! แบรนด์ไหนที่ยังหลับใหลต้องรีบตื่น เพราะ 4 พลังซื้อใหม่ กำลังจะเปลี่ยนเกมการตลาดแบบไม่ทันตั้งตัว มาฟังเฉลยจาก อรุณโรจน์ เหล่าเจริญวงศ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย)