ไอเดียเปลี่ยนของเหลือเป็นสินค้าใหม่ เพิ่มยอดขายแต่ไม่เพิ่มต้นทุน จากซีรี่ย์ EMILY IN PARIS

TEXT: Momiim

Main Idea

  • เชื่อว่าการทำธุรกิจต้องพบเจอกับปัญหาของเหลือใช้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรต่อดี ส่วนใหญ่จะทิ้งโดยไม่นำไปทำให้ก่อประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

  • เราได้ไปเจอไอเดียเปลี่ยนของเหลือให้เป็นสินค้าใหม่ จากซีรี่ย์เรื่อง Emily in Paris จึงอยากมาแชร์ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รู้กัน

 

  • โดยในเรื่องเป็นการเปลี่ยนของเหลือใช้จากการผลิตแชมเปญมาทำเป็นสินค้าใหม่ โดยมีสโลแกนที่ว่า “ขวดหนึ่งไว้ดื่มและอีกขวดหนึ่งไว้พ่น”

       Emily in Paris เป็นซีรี่ย์แนวดราม่าโรแมนติกคอมเมดี้ ที่ดำเนินเรื่องโดยเด็กหญิงสาวที่ชื่อว่า “เอมิลี่ คูเปอร์” สาวน้อยชาวอเมริกันที่มีความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย และเธอต้องย้ายมาทำงานที่ปารีสตัวคนเดียว ซึ่งก็ต้องเจออะไรหลายๆ อย่างไม่คาดคิด ทั้งเรื่องการทำงานและความรัก

      โดยวันนี้เราได้ยกเคสตัวอย่างการทำธุรกิจที่น่าสนใจจากซีรี่ย์เรื่อง Emily in Paris ซีซั่น 1 มาฝากเพื่อนๆ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกัน เพื่อเป็นไปไอเดียในการทำธุรกิจต่อไป

      เคสนี้เป็นเคสเพื่อนของเธอที่ชื่อว่า “คามิล” ได้ขอให้เอมิลี่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับธุรกิจครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายแชมเปญ เอมิลี่จึงได้เข้าไปคุยกับคุณแม่ของคามิลเรื่องธุรกิจ แม่ของคามิลได้เล่าถึงวัตถุดิบเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก จึงอยากหาวิธีแก้ไขปัญหาโดยนำกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์

      เมื่อแม่คามิลพูดจบ เอมิลี่จึงเปิดวิดีโอที่เพื่อนของเธอที่ไปเลี้ยงสังสรรค์งานปาร์ตี้ให้ดู แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขวดหนึ่งไว้ดื่มและอีกขวดหนึ่งไว้พ่น” ซึ่งในภาพเป็นวิดีโอที่หญิงสาวกำลังเฉลิมฉลองโดยพ่นแชมเปญ

      เอมิลี่จึงพูดกับแม่ของคามิลว่า คุณสามารถทำเงินได้เท่าเดิมไม่ว่าคุณจะดื่มมันหรือไม่ก็ตาม เราจะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นแชมเปญสำหรับพ่นฉลองในปารีส หรือที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แม่ของคามิลมีความเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียงของแบรนด์เดิมที่มีอยู่ เธอจึงเสนอว่าจะผลิตอีกแบรนด์เพิ่มขึ้นมา เพื่อแคมเปญสำหรับการพ่นฉลอง

      และเมื่อเอมิลี่เจรจากับแม่ของคามิลจบ จึงได้นำแคมเปญการตลาดมานำเสนอให้กับทีมงานที่บริษัทซาวัวร์ โดยก่อนที่จะนำเสนอเธอก็ได้ส่งแชมเปญสำหรับใช้เพื่อการพ่นฉลองไปที่บาร์โปรดที่ชิคาโก เพื่อเป็นการทดลองตลาด ปรากฏว่าผู้คนที่นั่นชอบมาก และก็ได้พูดเสนอแผนไปว่า “เราจะขายแชมเปญเพื่อพ่นฉลอง หรือแม้แต่อาบแชมเปญเองก็ตาม โดยไม่ได้จำกัดแค่นักกีฬามืออาชีพที่ชนะศึกใหญ่เท่านั้น แต่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพราะเราจะทำให้ทุกคนเข้าถึงได้” 

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

1. การนำผลผลิตที่เหลือใช้มาเปลี่ยนให้กลายเป็นสินค้าใหม่ นอกจากช่วยเพิ่มยอดขายแล้ว ยังสามารถประหยัดต้นทุนการในการผลิตได้อีกด้วย เพราะใช้ของที่เหลือใช้จากการผลิตเชมแปญ

2. ได้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้า ซึ่งอาจไม่ได้ต้องการใช้แชมเปญเพียงแค่ดื่มเท่านั้น แต่มีการใช้แชมเปญในการพ่นฉลองเนื่องในโอกาสต่างๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้เกิดสินค้าใหม่ขึ้นมา คือ “แชมเปญเพื่อพ่นฉลอง” นั่นเอง

3. มีการทดสอบตลาด จะเห็นได้ว่าเอมิลี่ได้ส่งแชมเปญสำหรับพ่นฉลองไปที่บาร์โปรดที่ชิคาโก และปรากฏว่าคนที่นั้นชอบมาก เป็นการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะชื่นชอบสินค้านั้นจริงๆ หรือไม่ ก่อนที่จะขายออกสู่ตลาดจริง

      สุดท้ายนี้เราหวังว่าเมื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ ที่จะช่วยแก้ไขให้กับธุรกิจของคุณได้ไม่มากก็น้อย เพราะว่าการทำธุรกิจต้องอาศัยไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อน

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ถึงยุค B2A ครองตลาด ต้องชนะใจอัลกอริทึมก่อนชนะใจลูกค้า เคล็ดลับสุดปัง Crumbl คุ้กกี้หมื่นล้าน

จากร้านคุกกี้ในเมืองเล็กๆ สู่แบรนด์ที่คนทั่วอเมริกาต่อคิวหน้าร้าน อะไรที่ทำให้ร้านคุกกี้เล็กๆ จากยูทาห์ กลายเป็น "คุ้กกี้พันล้าน" ด้วยยอดวิว 3.4 พันล้านบน TikTok และรายได้รวมแตะหลักพันล้านดอลลาร์?

รู้จัก ‘Fast Fashion Food’ เทรนด์ใหม่ธุรกิจอาหาร ไม่เน้นขยายสาขา เน้นเพิ่มแบรนด์ ทางรอดยุคเศรษฐกิจแย่

ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจเติบโตไปต่อได้ แม้ยามเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ชวนมาทำความรู้จักกับเทรนด์ใหม่ธุรกิจร้านอาหาร “Fast Fashion Food” กัน

กระดาษห่อของขวัญรูป “ขนมปัง” ไอเดียแพ็คเกจจิ้งสุดคิ้วท์! กินไม่ได้…แต่ทำให้อยากกินได้

มาดูการเปลี่ยนกระดาษห่อของขวัญธรรมดาให้เป็นก้อนขนมปังน่ากิน เมื่อถูกนำไปห่อเข้ากับสิ่งของต่างๆ กัน