ทำอย่างไรให้สินค้าติดตลาดได้ไว กรณีศึกษา SHEIN ฟาสต์แฟชั่นจีน แบรนด์ที่ขายดี แซงหน้า Zara และ H&M

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

  • “SHEIN” คือ ฟาสต์แฟชั่นดาวรุ่งพุ่งแรงจากจีน ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพียงไม่กี่สิบปีก็สามารถครองใจผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งเอเชีย, ยุโรป, อเมริกา, ตะวันออกลาง ฯลฯ จนแซงหน้ารุ่นพี่อย่าง H&M และ Zara ได้

 

  • ด้วยกลยุทธ์สำคัญ คือ ราคาย่อมเยา, แบบเสื้อผ้าที่มีให้เลือกหลากหลาย ไปจนถึงความสะดวกสบายในการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์

 

     

     เปิดดูหน้าฟีด TikTok ขึ้นมา หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับแบรนด์แฟชั่นขายดีจากเมืองจีน “SHEIN” (ชีอิน) กันมาบ้าง เพราะไม่ว่าจะเลื่อนไปทางไหน ก็เจอแม่ค้านำมาไลฟ์ขายสด บางเจ้าทำคลิปรีวิว บางเจ้าก็ขายแบรนด์เดียวทั้งร้าน แต่รู้ไหมเบื้องหลังความฮอตของ SHEIN ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์แฟชั่นขายดีบนออนไลน์อย่างที่เราเห็นกันเท่านั้น แต่กลับเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงกระจายขายไปกว่า 150 ประเทศทั่วโลก แถมในปี 2022 ที่ผ่านมายังถูกจัดอันดับเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ถูกค้นหามากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าธุรกิจ 100,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่า H&M และ Zara แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรุ่นพี่รวมกันเสียอีก! ทั้งที่ธุรกิจเพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่กี่สิบปี ไปทำความรู้จักกับ SHEIN ให้มากขึ้นกัน

  • ก่อนเป็นแบรนด์ Fast Fashion เคยขายชุดแต่งงานมาก่อน

 

     SHEIN เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2008 ก่อตั้งโดย Chris Xu หรือ YangTian Xu หนุ่มนักธุรกิจชาวจีนในรูปแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยช่วงแรกไม่ได้ขายเสื้อผ้าแฟชั่นอย่างที่เราเห็นกัน แต่เริ่มต้นขึ้นมาจากการส่งออกชุดแต่งงานผลิตในจีนไปยังประเทศฝั่งตะวันตก โดยใช้ชื่อว่า “She Inside” ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี ก็เริ่มเบนเข็มสู่วงการ Fast Fashion ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นตามกระแสมากขึ้น และเปลี่ยนชื่อเป็น SHEIN

     โดยได้ให้นิยามตัวเองว่าเป็นแพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่นนานาชาติ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถใส่ได้ โดยเน้นขายตรงราคาแบบโรงงานมาเองไปถึงมือผู้บริโภค ด้วยราคาย่อมเยา, คุณภาพพอใช้ได้ และมีแบบให้เลือกหลากหลาย สามารถซื้อเปลี่ยนได้บ่อยเท่าที่ต้องการ จึงทำให้ชื่อของ SHEIN เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคทั้งฝั่งเอเชีย อเมริกา ยุโรป และประเทศฝั่งตะวันออกแบบโตพุ่งติดจรวด จนกลางปี 2021 กลายเป็นแอปฯ ช้อปปิ้งที่มียอดดาวน์โหลดผ่าน App Store แซงหน้า Amazon ไปแล้วในสหรัฐอเมริกา

  • ใช้ AI ช่วยออกแบบให้ 3 วันผลิตเสร็จ  

 

     นอกจากกลยุทธ์สำคัญ ราคาประหยัด และมีแบบให้เลือกหลากหลาย การออกแบบเสื้อผ้าแต่ละครั้งของ SHEIN ยังรวดเร็วทันใจชนิดแซงหน้าแชมป์เก่าได้หลายเท่าตัว เพราะมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์ใหม่ๆ และการออกแบบเสื้อผ้า โดย Zara ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ฟาสต์แฟชั่น ยังใช้เวลาในการออกแบบและผลิต จนถึงบรรจุลงหีบห่อพร้อมขาย 3-4 สัปดาห์ แต่ SHEIN กลับใช้เวลาออกแบบและผลิตเพียงแค่ 3 วัน รวมบรรจุภัณฑ์พร้อมสรรพแล้วไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น ว่ากันว่ามีแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นกว่า 2,000 แบบทุกวัน โดยจะผลิตออกมาเป็นตัวอย่างก่อนจำนวนไม่เยอะ และผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น จนนักวิเคราะห์หลายคนขนานนามว่า “Ultra-Fast Fashion” ก้าวขึ้นเป็นขั้นกว่าของ Fast Fashion ไปอีกหนึ่งสเตป เป็นโมเดลการค้าปลีกแบบเรียลไทม์ที่แท้จริง จึงไม่แปลกที่ในเว็บไซต์ SHEIN จะมีรายการสินค้าให้เลือกไม่ต่ำกว่า 600,000 รายการได้

  • TikTok คือ กลยุทธ์เด็ดการตลาดออนไลน์

 

     ไม่ใช่แค่จุดเด่นด้านราคาและการผลิตสินค้าที่รวดเร็วเท่านั้น SHEIN ยังใช้กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ ดัวยการทำการตลาดบน TikTok โดยพยายามสร้างคอมมูนิตี้ขึ้นมา ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัยและราคาคุ้มค่า ผู้ซื้อบางคนบน TikTok จึงมักนำสินค้าจาก SHEIN มาอวดแข่งกัน เช่น ชุดเดรสใส่ออกงานสวยๆ แต่ซื้อมาแค่ในราคาหลักร้อยต้นๆ จนทำให้ วัยรุ่นหญิงหลายคนพากันติดแฮชแท็ก #SHEINhaul เพื่อใช้เป็นเสมือนพื้นที่แสดงคอลเลกชั่นเสื้อผ้าของ SHEIN โดยอัดเป็นคลิปวิดีโอสั้นเริ่มตั้งแต่แกะห่อเสื้อผ้าที่ได้รับจากการสั่งสินค้า ไปจนถึงทดลองนำมาใส่ให้เห็น ว่ากันว่าจากแฮชแท็กเดียวนั้นมีจำนวนผู้ชมวิดีโอรวมกว่า 3,700 ล้านวิวทีเดียว ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมยอดความนิยมของ SHEIN จึงสามารถพุ่งแรงแซงโค้งได้รวดเร็วขนาดนี้

  • ปี 2022 แบรนด์ SHEIN มีมูลค่ามากกว่า H&M และ Zara รวมกัน

 

     ความแรงของ SHEIN ทำให้ในปี 2022 หลังจากระดมทุนเพิ่มได้ บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ 100 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดง่ายๆ คือ 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า H&M และ Zara แบรนด์รุ่นพี่ฟาสต์แฟชั่นรวมกัน โดยในปี 2022 แบรนด์ Zara มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าแบรนด์ H&M อยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหากเทียบกับบริษัท Fast Retailing ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Uniqlo ที่มีสาขามากกว่า 2,300 แห่งใน 25 ประเทศ ก็มีมูลค่ามากกว่าเป็นสองเท่าทีเดียว

  • ครองใจ Gen Y และ Gen Z เฉลี่ยช้อปฯ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน

             

     มาพูดถึงกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ SHEIN กันบ้าง โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียล หรือ Gen Y และ Gen Z จากผลสำรวจกลุ่มผู้บริโภคในอเมริกา แม้ว่ากลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลกับแบรนด์ ช่วยส่งเสริมแบรนด์จะอายุยังน้อย แต่กลุ่มนักช้อปที่เป็นกำลังซื้อสำคัญของแบรนด์กลับมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ปี โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการซื้อสินค้าอื่นๆ ของผู้หญิงในสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ ชุดเดรส, ชุดว่ายน้ำ และเสื้อเชิ้ต

     จากที่กล่าวมา แม้ SHEIN จะกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งของการผลิตสินค้าออกมาปริมาณมาก ก็อาจทำให้หลายคนมองไปถึงปัญหาต่างๆ ตามมาด้วย เช่น การใช้พนักงานการผลิตที่อาจหนักหน่วงเกินไปจนละเมิดสิทธิแรงงานหรือเปล่า ไปจนถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากปริมาณเสื้อผ้าที่ผลิตออกมาใช้และทิ้งอย่างรวดเร็วที่มากเกินความจำเป็น นับเป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่แบรนด์ต้องนำมาขบคิด ป้องกัน และหาวิธีแก้ไข เพื่อให้สมกับเป็นแบรนด์แฟชั่นดาวรุ่งที่ลูกค้ารักได้อย่างหมดใจ โดยไม่มีข้อแม้

ที่มา : https://www.businessinsider.com/what-is-shein-billion-dollar-fast-fashion-company-explained-2023-7

https://www.insider.com/shein-100-billion-value-worth-more-zara-and-hm-combined-2022-4

https://www.statista.com/statistics/1071147/brand-value-comparison-of-handm-and-zara-worldwide/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

มิติใหม่แห่งการย้อมสีผม ใช้ “ใบตอง” แทนฟอยล์ ลดต้นทุน ลดโลกร้อนง่ายๆ แบบ 2 in 1  

ปกติเวลาที่พูดถึงใบตองสด ภาพแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวของเรา ไม่ใช้ห่อขนมไทย ก็คงนึกถึงเทศกาลลอยกระทง แต่วันนี้น้องใบกล้วยสีเขียวคุ้นตานั้นมาในลุคที่เดิร์นกว่าคือ “ใช้ห่อผมเวลาทำสี” แทนฟอยล์กันแล้ว

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น