แกะรอย Boost Juice แบรนด์สมูทตี้เพื่อสุขภาพของอดีตพนักงานบริษัท ที่ปัจจุบันมีกว่า 640 สาขาทั่วโลก

TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

Main Idea

  • Boost Juice แบรนด์เก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นเมื่อ 23 ปีก่อน จากหญิงสาวที่ไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย และไม่เคยบริหารธุรกิจ

 

  • ในวัย 32 ปีเมื่อเธอต้องเลี้ยงลูก 3 คน จึงอยากเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าลูกจ้าง

 

  • เธอและสามีจึงวางแผนธุรกิจที่ทุกอย่างเหมือนจะพร้อม ขาดอยู่อย่างเดียว ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ

 

  • แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเขาได้ และแล้วในปี 2000 Boost Juice สาขาแรกก็ได้ฤกษ์เปิดบริการที่ออสเตรเลีย ก็ติดลมบน ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

 

     ถ้าพูดถึงแบรนด์น้ำผักผลไม้ซึ่งได้รับความนิยมในบ้านเราชนิดที่ไม่ว่าสาขาไหนก็เห็นต่อคิวยาวแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้น Boost Juice บาร์สมูทตี้สัญชาติออสเตรเลีย ธุรกิจบาร์น้ำผลไม้มีมานานแล้วควบคู่กันมากับกระแสรักสุขภาพ และดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านแฟรนไชส์ หากเคยไปยืนดูคนขายหรือพนักงานจะเห็นว่าหลัก ๆ แล้วก็คือการนำผลไม้และผักมาปั่น หรือคั้นเพื่อให้ได้น้ำเท่านั้นเอง แต่อะไรที่ทำให้ Boost Juice โดดเด่นจากเจ้าอื่นจนทำให้สามารถขยายสาขาไป 640 แห่งในเกือบ 20 ประเทศทั่วโลก 

คุณแม่ลูก 3 ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ

     Boost Juice เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่กำเนิดขึ้นเมื่อ 23 ปีก่อนโดยจานีน อัลลิส สตรีผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของออสเตรเลียทั้งที่ตอนเริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการ เธอเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือน เป็นแม่ของลูก ๆ ไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย และไม่เคยบริหารธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่พอจะเป็นประโยชน์เมื่อจานีนตัดสินใจทำธุรกิจบาร์สมูทตี้ก็เห็นจะเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมจากการเดินสายทำงานในประเทศต่าง ๆ ช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่น เช่น เป็นพี่เลี้ยงเด็กในฝรั่งเศส ทำงานส่งเสริมการขายในโปรตุเกส ทำงานในแคมป์ที่อเมริกา เป็นพนักงานต้อนรับบนเรือยอทช์เดวิด โบวี่ นักร้องชื่อดัง

     จนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัวและมีลูก จานีนก็ยังทำงานเป็นพนักงานบริษัท อย่างไรก็ตาม ในวัย 32 ปีและกำลังเป็นแม่ลูกอ่อนเลี้ยงลูกคนที่ 3 เธอเริ่มไม่อยากเป็นลูกจ้างและอยากเป็นเจ้าของกิจการมากกว่า ปี 1999 จานีนและเจฟฟ์ อัลลีส สามีของเธอเดินทางไปสหรัฐฯ เมื่อปี 1999 และเธอก็สังเกตว่าน้ำผลไม้สดและสมูทตี้เป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายในหมู่คนอเมริกัน ขณะที่ในออสเตรเลีย ทางเลือกของอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยังจำกัดเมื่อเทียบกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่พบเห็นได้มากกว่า

     เมื่อกลับมาถึงออสเตรเลีย จานีนและสามีได้เขียนแผนธุรกิจด้วยกัน และให้นักโภชนาการ และนักธรรมชาติบำบัดช่วยคิดเมนูน้ำผลไม้ และสมูทตี้ที่ไม่แต่งกลิ่น แต่งสี และปลอดสารกันเสีย ทุกอย่างเหมือนจะพร้อม ขาดอยู่อย่างเดียว ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ สองสามีภรรยาลงทุนขายบ้านเพื่อนำเงินมาเริ่มต้นธุรกิจกิจ ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเขาได้ และแล้วในปี 2000 Boost Juice สาขาแรกก็ได้ฤกษ์เปิดบริการที่เมืองแอดิเลด รัฐเซ้าท์ออสเตรเลียเพื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพสูง และออกแบบมาให้มีความอร่อยและดีต่อสุขภาพ

     ไม่นาน Boost Juice ก็ติดลมบน ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น จากกิจการเล็ก ๆ ก็ขยับไปก่อตั้งบริษัท Retail Zoo อันเป็นบริษัทแม่ และแตกไลน์ไปยังธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ แต่ธุรกิจหลักยังคงเป็น Boost Juice ที่แม้จะเน้นขยายสาขาด้วยการทำแฟรนไชส์ แต่ที่ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จนั้น เจฟฟ์ อัลลิส ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจกล่าวว่ามาจากปัจจัยหลักคือการใส่ใจ รับฟังความคิดเห็น และมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีต่อตัวเองที่ได้อุดหนุนสินค้าของแบรนด์

ขึ้นสู่แบรนด์สมูทตี้ท้อป 5 ระดับโลก

     จากแบรนด์ท้องถิ่นในออสเตรเลียที่สามารถสยายปีกไปยังต่างแดนกลายเป็นแบรนด์สมูทตี้ท้อป 5 ระดับโลก บทเรียนธุรกิจที่ได้จาก Boost Juice ประกอบด้วย

     1.ในการเริ่มต้นธุรกิจ ผลิตภัณฑ์และบริการที่แปลกใหม่หรือมีความเฉพาะอาจเป็นข้อได้เปรียบแต่ก็ไม่มีความจำเป็นเสมอไป แม้จะเป็นสินค้าและบริการประเภทเดียวกันที่มีดาษดื่นในตลาด แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสร้างจุดขายหรือ Unique Selling Point (USP) ให้โดดเด่นจากคู่แข่งมากพอที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อ 

     2.สร้างแบรนด์ที่เห็นได้ชัดเจน มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ หนึ่งในนั้นคือภาษาของแบรนด์ที่มองเห็นได้ (visual brand language) นั่นคือการใช้องค์ประกอบการออกแบบโดยเจตนา ไม่ว่าจะเป็นสีสัน ตัวอักษร การจัดวางและอื่น ๆ เช่น โลโก้ของ Boost Juice ที่เจตนาใช้สีสันสดใสมองเห็นเด่นชัดอย่างสีเขียว และสีส้มเพื่อสื่อถึงบุคลิกภาพของแบรนด์ว่าเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพที่มีความสนุกสนานและเปี่ยมด้วยพลัง  

     3.ทำการตลาดแบบหลากหลายและปรับตัว ใช้สื่อทุกช่องทาง ทั้งสื่อดั้งเดิมที่สื่อสารแบบทางเดียว (วิทยุ ทีวี สื่อสิ่งพิมพ์) และสื่อใหม่ประเภทสื่อดิจิทัลที่ลูกค้าสามารถปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ ถ้าสื่อใดสื่อหนึ่งไม่เวิร์กก็ต้องปรับตามการเปลี่ยนแปลงในสังคม และอย่าลืมกางปฏิทินวางแผนการตลาดล่วงหน้าว่าในแต่ละเดือนมีเทศกาลอะไรแล้วทำแคมเปญให้สอดคล้องกับอีเวนต์นั้น ๆ เพื่อให้แบรนด์ได้มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา

     4.การเข้าถึงผู้บริโภค สินค้าและบริการต่อให้ดีแค่ไหน หากเข้าถึงยากก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คู่แข่งที่อยู่ใกล้กว่าแย่งชิงลูกค้าไป กรณีของ Boost Juice นอกจากขยายสาขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การจำหน่ายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์และเดลิเวอรี่ถึงที่ยังเป็นการอำนวยความสะดวกอย่างที่สุดแก่ลูกค้าอีกด้วย

Sources:

https://www.smartcompany.com.au/industries/retail/how-to-succeed-in-retail-four-tips-from-boost-juice-ceo-jeff-allis/

https://www.news.com.au/finance/work/at-work/boost-juice-founder-claims-foreigners-work-harder-than-some-aussies/news-story/0531f9b0dd43bccf367e2442ebf1edc7

https://business.localsearch.com.au/case-study/from-kitchen-table-to-500-stores-the-boost-juice-success-story/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก