เปิด 5 เทรนด์โซเชียลมีเดีย 2025 มีอะไรที่ต้องจับตา

    ในโลกการตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวันนี้ การติดตามเทรนด์สังคมต่างๆ มีความสำคัญอย่างมากในการแข่งขันระหว่างแบรนด์ ขณะที่ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โซเชียลมีเดีย ครีเอเตอร์ เพื่อน และครอบครัวกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนค้นพบและตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆประเทศไทยเองก็เช่นกัน โดยจากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด eMarketer เอเชียแปซิฟิกยังคงครองฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกด้วยจำนวนผู้ใช้รวมกว่า 2.3 พันล้านคน นับว่าเติบโตรวดเร็วยิ่งกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก ตอกย้ำจุดยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในฐานะฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก

     Meta แชร์ 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียสำคัญที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญในปี พ.ศ. 2568 เพื่อให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และยังคงความเป็นผู้นำในตลาดอย่างต่อเนื่อง

     1.Generative AI

     ผู้บริโภคและธุรกิจได้สัมผัสถึงประโยชน์ของ Generative AI และมีการนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิในการทำงาน และนำเอไอมาเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างเนื้อหา แนวคิด และโซลูชันใหม่ ๆ ด้าน Meta เองได้พบว่ามีผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์โฆษณาด้วย Generative AI อย่างแพร่หลาย โดยผู้โฆษณามากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลกใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำเพื่อพัฒนาผลงาน ส่งผลให้มีชิ้นงานโฆษณามากกว่า 15 ล้านโฆษณาด้วยเครื่องมือเอไอของ Meta ในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 เพียงเดือนเดียว ทั้งนี้ 30% ของลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Meta ในเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทยได้ใช้เครื่องมือเอไอของ Meta ในการสร้างพื้นหลัง (Background Generation) ของงาน

     นอกจากนี้ ยังพบกว่าแคมเปญโฆษณาระดับโลกที่ใช้ฟีเจอร์การสร้างรูปภาพ (Image Generation) ของ Meta มี Click-through Rate (CTR) กล่าวคือมีผู้คลิกดูโฆษณา โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 11% และ Conversion Rate (CVR) หรือสามารถปิดการขายได้สูงขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ Meta ต้องการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ลงโฆษณาจึงเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ Generative AI ใหม่สำหรับวิดีโอ ได้แก่ การขยายความละเอียดวิดีโอ และการสร้างภาพแอนิเมชันเพื่อสนับสนุนธุรกิจตลอดกระบวนการสร้างโฆษณา

     คำแนะนำสำหรับธุรกิจไทย: ธุรกิจไทยสามารถเริ่มทดสอบหรือใช้เครื่องมือ Generative AI ของ Meta ในแคมเปญโฆษณาเพื่อทดสอบได้เลยว่าองค์ประกอบใดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น

     2.การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging)

     เทรนด์การสื่อสารกับธุรกิจผ่านข้อความเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด เมื่อพวกเขานิยมติดต่อกับธุรกิจผ่านแชทเช่นเดียวกับที่ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น Meta พบว่าเทรนด์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนพูดคุยกับแบรนด์หรือธุรกิจผ่าน Messenger, Instagram และ WhatsApp ทุกสัปดาห์ เห็นได้ชัดในเอเชียแปซิฟิก โดยผู้บริโภคอย่างน้อย 1 ใน 3 แชทกับธุรกิจสัปดาห์ละครั้ง ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในผู้นำในเทรนด์ โดย 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทระหว่างการซื้อสินค้า และ 75% ของผู้บริโภคพิจารณาว่าการส่งข้อความทางธุรกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ

     รายงานเทรนด์โซเชียลล่าสุดจาก eMarketer สะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลที่ว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลและคุยกันผ่านการส่งข้อความส่วนตัวมากกว่าการโพสต์แบบสาธารณะ โดยการแบ่งปันแบบส่วนตัว (private sharing) บนแพลตฟอร์มของ Meta เติบโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลุ่มคน Gen Z เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้เนื่องจากพวกเขายังคงหาวิธีเชื่อมต่อกับผู้อื่นในกลุ่มและชุมชนขนาดเล็กๆ   Meta จึงเปิดตัวแชทบอทสำหรับการส่งข้อความทางธุรกิจและโซลูชัน AI ที่สามารถพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง ตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกด้านการค้าขายกับกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก

     คำแนะนำสำหรับสำหรับธุรกิจไทย: ธุรกิจไทยสามารถจับมือกับพันธมิตรเพื่อเลือกโซลูชันการส่งข้อความที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้แล้ววันนี้

     3.ครีเอเตอร์

     เศรษฐกิจของครีเอเตอร์ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ โดยครีเอเตอร์กลายเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่สร้างโมเดลธุรกิจที่ขยายตัวได้ผ่านการร่วมงานเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ในประเทศและระดับโลก ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการที่ครีเอเตอร์นำเสนอตัวตนพวกเขาอย่างจริงใจ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเชื่อใจได้ และยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย เพราะเหตุนี้ งานวิจัยล่าสุดจากบริษัทการธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs จึงคาดการณ์ว่า มูลค่าของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ระดับโลกอาจแตะถึง 480 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570

     การค้นหาครีเอเตอร์ที่เหมาะกับการเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแคมเปญ จากการสำรวจทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า 53% ของผู้คนมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้นหากสินค้านั้นได้รับการโปรโมทโดยครีเอเตอร์ใน Reels นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นจาก Meta ยังพบว่า 70% ของคนไทยพบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียทุกวัน โดย 75% ในกลุ่มนั้นเปิดเผยว่าคำแนะนำสินค้าจากครีเอเตอร์เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการตัดสินใจซื้อสินค้า

     Meta ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้แบรนด์และนักโฆษณาสามารถนำคอนเทนต์จากครีเอเตอร์มารวมในคอลเลกชันของโฆษณาบน Reels และในพื้นที่อื่นๆ ได้ผ่านทางเครื่องมือเอไอ Advantage+ Catalog โดยที่บัญชีของแบรนด์ และครีเอเตอร์จะแสดงคู่กันบนโพสต์ นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังทดสอบรูปแบบโฆษณาใหม่คือ Creator Testimonials ให้แบรนด์มีทางเลือกเพิ่มขึ้น และสามารถปรับปรุงผลการทำงานของโฆษณาจากแคมเปญที่มีการทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ได้อย่างง่ายและสะดวกมากขึ้น

     ล่าสุด Meta กำลังรวมเครื่องมือโฆษณาพันธมิตรทั้งหมดไว้หน้าเดียวกันใน Ads Manager ที่เรียกว่า Partnership Ads Hub เพื่อให้แบรนด์และนักโฆษณาสามารถนำครีเอเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การโฆษณาได้สะดวกและง่ายที่สุด  เครื่องมือนี้จะช่วยให้แบรนด์ตั้งค่าโฆษณาที่ทำร่วมกัน และจัดการเนื้อหาของพาร์ทเนอร์ได้ รวมถึงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

     คำแนะนำสำหรับสำหรับธุรกิจไทย: ธุรกิจไทยควรหาโอกาสในเป็นพันธมิตรกับครีเอเตอร์อย่างจริงจัง เพื่อเสริมสร้างการเล่าเรื่องแบรนด์ และใช้เครื่องมือช่วยนำครีเอเตอร์มารวมในกลยุทธ์การโฆษณาได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

     4.วิดีโอ

     ผู้คนทั่วโลกกำลังบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นเรื่อยๆ โดย Insider Intelligence คาดการณ์ว่าเวลาที่ใช้ในการรับชมโทรทัศน์และคอนเทนต์วิดีโอในปี 2025 จะมีเพิ่มขึ้น 15% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนเวลาที่ใช้ในการดูวิดีโอบน Instagram และ Facebook ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยจากข้อมูลของ Meta เผยว่า 60% ของเวลาที่ใช้บนทั้งสองแพลตฟอร์มถูกใช้ไปกับคอนเทนต์วิดีโอ เช่น Reels ซึ่งมีผลต่อการซื้อสินค้า โดยงานวิจัยล่าสุดเผยว่า สองในสามของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากดู Reels และ 71% ของผู้บริโภคในประเทศไทยติดตามแบรนด์หลังจากได้รับชม Reel ที่มีความน่าสนใจ

     อีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าจับตามองคือ Livestreaming ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิจัยตลาดของบริษัท Decision Lab พบว่า 73% ของผู้คนเคยดูไลฟ์สตรีมเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดย 66% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่แสดงในไลฟ์นั้น และ 81% ดูไลฟ์เพื่อจะซื้อสินค้า และ 70% ซื้อสินค้าผ่านฟีเจอร์ชอปปิงในไลฟ์ นอกจากนี้ 79% ของผู้บริโภคในประเทศไทย ดูไลฟ์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและ 70% ของผู้ชมกลับมาซื้อสินค้าเดิมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

     การเติบโตของเนื้อหาประเภทวิดีโอในทุกรูปแบบที่หลากหลายนี้ Meta จึงได้เปิดตัวแท็บวิดีโอแบบเต็มหน้าจอใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหา และรับชมวิดีโอที่พวกเขาชอบได้ง่ายขึ้นในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Reels วิดีโอที่ยาวขึ้น หรือไลฟ์ การเปลี่ยนแปลงบน Facebook นี้จะช่วยให้แบรนด์และนักโฆษณายังคงได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ใช้ AI ในการนำส่งโฆษณาและโมเดลการจัดอันดับ ซึ่งช่วยให้สามารถแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องที่สุดให้กับผู้ใช้แพลตฟอร์มแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น

     คำแนะนำสำหรับสำหรับธุรกิจไทย: ผู้ประกอบธุรกิจไทยควรใช้ประโยชน์จากวิดีโอคอนเทนต์ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้มากขึ้น และใช้ประโยชน์จากระบบการนำส่งโฆษณาที่ทันสมัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

     5.การค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping)

     ในปัจจุบัน ผู้คนใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าจากทั่วโลกมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม มีการคาดการณ์ว่าการค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) จะมีมูลค่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 โดยการค้าข้ามพรมแดนออนไลน์จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากกว่าการค้าปลีกในประเทศถึง 2 เท่า จากงานวิจัยประจำปีในช่วงเทศกาลในเอเชียแปซิฟิกพบว่าอย่างน้อย 50% ของนักช้อปในประเทศไทยเคยซื้อสินค้าข้ามพรมแดนช่วงลดราคาตามเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ 59% ของผู้ซื้อข้ามพรมแดนทั่วโลกค้นพบสินค้าที่ถูกใจผ่านแพลตฟอร์มของ Meta และนักช้อป 41% กล่าวว่าพวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์หลังการซื้อสินค้าผ่าน Meta ด้วย

     การซื้อสินค้าข้ามพรมแดนไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นจากราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความต้องการที่จะได้ครอบครองแบรนด์ที่ไม่มีในประเทศของตน และการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า โดยงานวิจัยล่าสุดของ Meta เผยว่า 71% ของผู้ซื้อสินค้าข้ามพรมแดนเปิดกว้างต่อการชอปปิงจากแบรนด์ใหม่ๆ และ 61% ต้องการมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การลงทุนของ Meta ในด้าน AI จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างการเข้าถึงที่ไร้พรมแดน และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการจับคู่สินค้าเข้ากับผู้คนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและทรัพยากรที่กว้างขึ้น รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายภาษามากยิ่งขึ้น

     คำแนะนำสำหรับสำหรับธุรกิจไทย: ผู้ประกอบธุรกิจไทยสามารถคำนึงถึงการออกแบบประสบการณ์สำหรับลูกค้าให้สามารถซื้อสินค้าข้ามพรมแดนที่ไร้รอยต่อ และเพิ่มเข้ามาในกระบวนการดำเนินงาน โดยแก้ไขข้อติดขัดสำคัญและร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการขยายตลาดไปในระดับโลก

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก Chaos Packaging บรรจุภัณฑ์สุดแหวกที่ทำให้แบรนด์ “ปัง” ในพริบตา

เคยเห็นครีมกันแดดในกระป๋องวิปครีมไหม? หรือผ้าอนามัยที่ดูเหมือนไอศกรีม? นี่แหละ Chaos Packaging! กลยุทธ์ที่ทำให้คนงง แต่จำได้ไม่ลืม ถ้าอยากให้สินค้าสร้างกระแส กระตุ้นความอยากรู้ ลองคิดนอกกรอบด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ “แหวกแบบมีแผน”

จิบกาแฟยังไงให้สนุกขึ้น! แก้วน้ำติดแม็กเน็ต เปลี่ยนอารมณ์ได้ตามใจชอบ

จะดีกว่าไหม? ถ้าได้นั่งจิบกาแฟแก้วโปรดทุกวัน แต่สามารถเปลี่ยนอารมณ์บนลวดลายแก้วได้ตามชอบใจง่ายๆ จากแก้วใบเดิม ให้กลายเป็นแก้วใบใหม่

โอกาสธุรกิจแมลง ทางเลือกโปรตีนสุดล้ำสำหรับ SME

โปรตีนแห่งอนาคต ไม่ใช่แค่เนื้อสัตว์ แต่คือ "แมลง" แหล่งโปรตีนที่ยั่งยืน ใช้ทรัพยากรน้อย ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก นี่จึงเป็นโอกาสทองของธุรกิจไทยในตลาดที่กำลังเติบโต