Low Buy, No Buy เทรนด์ที่ธุรกิจต้องรู้ปี 2025 ก่อนสายเกินแก้

Text: Neung Cch.


     จากเทรนด์ "YONO" หรือ "You Only Need One" แนวคิดที่ผู้บริโภคเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เน้นการมีสิ่งของที่จำเป็นและมีคุณภาพเพียงไม่กี่ชิ้น ยังแรงต่อเนื่องส่งผลมาจนถึงปี 2025 นี้เกิดเทรนด์การใช้จ่ายแบบ "Low Buy Year" และ "No Buy Year" กำลังมาแรงในต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่าการใช้จ่ายอย่างมีสติไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการเงินส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพจิตอีกด้วย 

    แนวคิดนี้มาจากกลุ่มครีเอเตอร์อเมริกันได้จูงมือกันออกมาทำ "แคมเปญ ‘No Buy 2025’, Low Buy Year กลายเป็นการจุดกระแสเลิกซื้อของฟุ่มเฟือย พร้อมเทรนด์ ‘Project Pan’ ใช้เครื่องสำอางให้หมดจนหยดสุดท้ายที่ทำให้หลายคนนำไปปฏิบัติตาม สองเทรนด์นี้เป็นอย่างไร และส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง มาดูกัน

Low Buy Year คืออะไร?

     Low Buy Year คือการตั้งเป้าหมายลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น จำกัดการซื้อกาแฟ, ไม่ใช้แอปสั่งอาหาร, ไม่ซื้ออุปกรณ์ครัวที่ไม่จำเป็น, ลดการใช้บริการสตรีมมิ่ง หรือเลือกใช้บริการฟรีแทน เช่น ยืมหนังสือจากห้องสมุด โดยยังคงซื้อของที่จำเป็นอยู่

No Buy Year คืออะไร?

     No Buy Year คือการงดซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเป็นเวลาหนึ่งปี โดยจะอนุญาตให้ซื้อเฉพาะของจำเป็นจริงๆ เท่านั้น เช่น ค่าเช่าบ้าน, อาหาร, ค่าเดินทาง, ค่ารักษาพยาบาล 

ทำไมเทรนด์เหล่านี้ถึงได้รับความนิยม?

     ปัญหาค่าครองชีพ: ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้หลายคนหันมามองหาทางลดค่าใช้จ่ายและควบคุมการเงินของตนเอง

     ความเครียดทางการเงิน: หนี้สินและความกังวลเรื่องการเงินเป็นเรื่องที่สร้างความเครียด การลดการใช้จ่ายจึงเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดได้

     การตระหนักถึงผลกระทบต่อจิตใจ: หลายคนเริ่มตระหนักว่าการบริโภคที่มากเกินไปเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความรู้สึกผิด ความวิตกกังวล และการสูญเสียการควบคุม การลดการใช้จ่ายจึงช่วยให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น

     การต่อต้านการตลาด: ผู้บริโภคหลายคนเริ่มตั้งคำถามกับการตลาดที่กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเกินความจำเป็น และต้องการที่จะหลุดพ้นจากวังวนของการซื้อที่ไม่สิ้นสุด

     อิทธิพลโซเชียล เหล่าครีเอเตอร์อเมริกาได้แชร์แนวคิดวิธีการประหยัด อาทิ Elysia Berman: จากที่เคยมีหนี้สินถึง 48,000 ดอลลาร์ เธอได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง และแบ่งปันประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายหันมาใส่ใจการเงินของตนเองมากขึ้น

     Ellen Robinson: ผู้ที่เคยซื้อสินค้าแฟชั่นตามกระแส ตอนนี้เธอวางแผนที่จะซื้อเสื้อผ้าเพียง 12 ชิ้นในปี 2025 โดยเน้นที่คุณภาพและความทนทาน เพื่อให้เสื้อผ้าแต่ละชิ้นสามารถนำไป Mix & Match ได้อย่างหลากหลาย

ผลกระทบต่อธุรกิจ

     เทรนด์ Low Buy Year และ No Buy Year อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในหลายด้าน ดังนี้

     ยอดขายลดลง: ธุรกิจที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าที่ไม่จำเป็นอาจได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง

     การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอาจต้องนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่าและความยั่งยืนมากขึ้น

     โอกาสทางธุรกิจใหม่: เทรนด์เหล่านี้อาจสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจที่ให้บริการซ่อมแซมเสื้อผ้า ธุรกิจให้เช่าสินค้า หรือธุรกิจที่ส่งเสริมการใช้สินค้ามือสอง

ธุรกิจควรทำอย่างไร?

     เข้าใจผู้บริโภค: นำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่าและความยั่งยืน เช่น สินค้าที่มีคุณภาพและทนทาน สินค้ามือสอง หรือบริการเช่าสินค้า

     การตลาด: เน้นการสื่อสารที่จริงใจและสร้างความเชื่อมั่น

     ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด: ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเน้นการสร้างคุณค่าและประโยชน์ของสินค้าและบริการ แทนที่จะเน้นเพียงแค่การกระตุ้นการบริโภค

     เทรนด์ Low Buy Year และ No Buy Year เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคที่ธุรกิจต่างๆ ควรให้ความสนใจ การทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์เหล่านี้ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในยุคที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง