ปั้นน้ำให้เป็นเงิน! รวมแบรนด์ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ ธุรกิจฮอต ขายดีหน้าร้อน

Text : nim.sri


      ต้องยอมรับว่าธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เป็นอีกธุรกิจที่กำลังบูม และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นอีกช่องทางกระจายสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ รวมถึงผู้ที่ต้องการทำธุรกิจหรือมีรายได้เพิ่ม ซึ่งถ้าพูดธุรกิจตู้หยอดเหรียญที่ฮอตที่สุดในฤดูร้อนนี้ ต้องมี “ตู้หยอดเหรียญกดน้ำแข็ง” รวมอยู่ด้วยแน่นอน แล้วถ้าสนใจต้องเตรียมตัว หรือควรรู้อะไรบ้าง ไปดูกัน

อยากลงทุนตู้น้ำแข็งหยอดเหรียญ ต้องรู้อะไรบ้าง?

1. ทำเล ที่ตั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาก่อนว่าทำเลที่จะไปติดตั้งนั้น มีลูกค้าพลุกพล่านมากน้อยแค่ไหน การติดตั้งสามารถติดต่อขอเช่าพื้นที่ เชื่อมต่อระบบน้ำ-ไฟ ได้หรือเปล่า ค่าเช่าประมาณกี่บาทต่อเดือน คุ้มพอกับยอดผู้มาใช้บริการหรือเปล่า ไปจนถึงมองเห็นได้สะดุดตาไหม แวะจอดรถ หรือเดินมาซื้อได้สะดวกหรือเปล่า ซึ่งถ้าจะให้ดีราคาค่าเช่าต่อเดือนไม่ควรเกิน 1,500 บาท

2. เลือกสินค้าที่เหมาะสม เมื่อพอรู้ทำเลที่ตั้ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ในละแวกนั้นแล้ว ก็ต้องมาลองศึกษาเลือกซื้อตู้กดน้ำแข็งที่เหมาะสมกับการลงทุน ทั้งขนาด ปริมาณการทำน้ำแข็งที่ได้ในแต่ละวัน คุณสมบัติ เช่น ระบบกรองน้ำ, ผลิตได้ตลอด 24 ชม.ไหม, ความจุของถังเก็บ, เงื่อนไข บริการหลังการขาย ฯลฯ ไปจนถึงเงินลงทุนที่มีอยู่ เพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

3. การคืนทุน ควรศึกษา หรือปรึกษาผู้จำหน่ายถึงการทำธุรกิจ เช่น ต้นทุนการผลิต การคืนทุน ซึ่งหลายๆ แบรนด์มีการคำนวณต้นทุนตัวอย่าง เช่น ค่าน้ำ-ไฟ ต่อการผลิตน้ำแข็ง 1 กก. หากขายเฉลี่ยต่อวันได้จำนวนกิโลกรัมเท่านี้ จะเสียต้นทุนเท่าไหร่, ได้เงินเท่าไหร่ จุดคุ้มทุน คือ เท่าไหร่ แต่ละแบรนด์มีการคำนวณ และให้ความรู้แก่ลูกค้าที่สนใจเอาไว้อยู่แล้ว

     ซึ่งโดยปกติ น้ำแข็งจากตู้กดหยอดเหรียญจะจำหน่ายอยู่ที่ลิตร หรือกิโลกรัมละ 5 บาท ต้นทุนโดยเฉลี่ยต่อการผลิตน้ำแข็ง 1 กก.อยู่ที่ 1 บาท เท่ากับว่าผู้ขายจะได้กำไร 4 บาทต่อ 1 กิโลกรัม

     โดยนอกจากการจำหน่ายตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญแบบขายขาดแล้ว ก็ยังมีการลงทุนรูปแบบอื่น เช่น บริการของ “DEAL Investment Matching” ที่ให้บริการลงทุนตู้กดอัตโนมัติต่างๆ อาทิ ตู้กดน้ำแข็ง ซึ่งมีทั้งรูปแบบการลงทุนร่วม โดยทางแบรนด์จะเป็นคนหาโลเคชั่น, ดีลกับเจ้าของสถานที่ให้, ติดตั้งและบริหารให้ ผู้สนใจเพียงลงทุนร่วมด้วย และแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ โดยไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์เจ้าของตู้ แต่ถือเป็นผู้ลงทุนร่วม เช่น ลงทุน 35,000 บาท โดยผู้ร่วมทุนจะได้รับสิทธิเป็นเจ้าของ 1 ตู้ ในสัดส่วนกำไร 10% เป็นต้น

ตัวอย่างแบรนด์ตู้กดน้ำแข็งอัตโนมัติที่น่าสนใจ

1. KORI CUBE

     มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่

     1. ไซส์ 150 Kg ผลิตน้ำแข็งได้ 150 กก./วัน หรือ 7.5 กระสอบ ( 1 กระสอบ = 20 Kg) ความจุถังเก็บ 70 กก. ราคา 159,900 บาท

     2. ไซส์ 200 Kg หรือ 10 กระสอบ/วัน ความจุถังเก็บ 70 กก. ราคา 176,900 บาท

     3. ไซส์ 250 Kg หรือ 12.5 กระสอบ ความจุถังเก็บ 90 กก. ราคา 191,900 บาท

     สามารถผลิตได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่ต้องคอยเปิด-ปิดเอง เมื่อน้ำแข็งเต็มถังเก็บความจุ จะหยุดผลิตเองอัตโนมัติ รูปทรงน้ำแข็งสี่เหลี่ยม โดยน้ำที่นำมาใช้ผ่านเครื่องกรองระบบ RO Reverse Osmosis System ความพิเศษ คือ มีระบบกวนน้ำแข็งทุก 1 ชม. เพื่อป้องกันน้ำแข็งติดกัน

     ต้นทุนการผลิตน้ำแข็ง 1 กก. โดยประมาณ = ค่าไฟ 0.66 บ. +ค่าน้ำ 0.35 บ. ติดต่อ www.koricubeice.com

2. MT Water

     ขนาด 185 Kg ผลิตน้ำแข็งได้ 185 กก./วัน ความจุถังเก็บ 65 กก. ราคา 195,000 บาท เป็นเครื่องผลิตน้ำแข็งรูปทรงสี่เหลี่ยม สามารถผลิตต่อเนื่องได้ตลอด 24 ชม. มีระบบเครื่องกรองน้ำ RO Reverse Osmosis System

     ต้นทุนการผลิตน้ำแข็ง 1 กก. โดยประมาณ = ค่าไฟ+ค่าน้ำ 0.65 บ. ติดต่อ www.mtwaterthailand.com

3. Medee Ice

     ขนาด 157 Kg สามารถผลิตน้ำแข็งได้ 157 กิโลกรัม/วัน ความจุถังเก็บ 80 กิโลกรัม ราคา 169,000 บาท สามารถผลิตต่อเนื่องได้ตลอด 24 ชม. เช่นกัน ระบบเครื่องกรองน้ำ RO Reverse Osmosis System เป็นเครื่องผลิตน้ำแข็งรูปทรงสี่เหลี่ยมเสี้ยวพระจันทร์ หัวผลิตน้ำแข็งของ Hosizaki มาตรฐานญี่ปุ่น ความพิเศษ คือ นอกจากระบบหยอดเหรียญ ลูกค้ายังสามารถสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดได้ด้วย

     ต้นทุนการผลิตน้ำแข็ง 1 กก. โดยประมาณ = ค่าไฟ+ค่าน้ำ 0.70 บ. ติดต่อ www.medeeservice.com

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง