ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ต้องหายใจรวยรินในวันที่เศรษฐกิจแย่ ยังมีผู้ประกอบการบางรายธุรกิจสามารถโตสวนกระแสเพราะมองเห็น “ทางรอดที่คนอื่นมองไม่เห็น”
ในวันที่คนส่วนใหญ่พูดถึงยอดขายที่หายไป พร้อมๆ กับต้นทุนที่สูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ลังเลทุกครั้งก่อนจะรูดบัตร หนึ่งในคำถามสำคัญของผู้ประกอบการทุกขนาดคือ
“จะโตได้อย่างไร ในวันที่คนไม่อยากใช้เงิน?”
สนามที่รอดเพราะคิดต่าง
ลองนึกภาพ “ดินสอ” ที่เราคุ้นเคย อาจดูเหมือนสินค้าธรรมดาที่ใครก็ขายได้ แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการคิดของแต่ละประเทศ เราอาจพบวิธีขายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อเมริกาคือผู้คิดค้นดินสอ, ญี่ปุ่นพัฒนาดินสอกด, จีนผลิตได้ถูกที่สุด, อิตาลีทำให้สวยที่สุด ขณะที่ไทย...เป็นเพียง ‘ผู้ใช้’ ดินสอเหล่านั้น
นี่คือคำเปรียบเทียบทรงพลังจาก “ซีเค เจิง” ซีอีโอ Fastwork บนเวทีเสวนา “เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2025” ที่ปลุกความคิดคนทำธุรกิจไทยให้เลิกขายแบบเดิม หยุดแข่งขันด้วยราคา แล้วเริ่มถามตัวเองว่า “เราจะขายของเดิม...ด้วยวิธีที่แตกต่างได้อย่างไร?”
และนี่คือ 5 กลยุทธ์ที่แนะนำเหมือเป็นเข็มทิศแม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจ แต่เมื่อการตลาดที่ดีจะยังดันยอดขายให้เติบโตได้เสมอ
1. เจาะกลุ่มเล็ก: “Niche Market ไม่ใช่เล็ก แต่คือแม่น”
คนส่วนใหญ่มักคิดว่า “ตลาดเฉพาะ” เป็นเพียงตลาดเล็กๆ สำหรับสินค้าแปลกๆ แต่ในยุคที่ทุกคนมีความต้องการเฉพาะตัว ตลาด Niche กลับกลายเป็นสนามใหญ่ของแบรนด์ใหม่ที่อยากแซงหน้าแบรนด์เก่า ยกตัวอย่าง
Hoka แบรนด์รองเท้าวิ่งที่ไม่แข่งกับ Nike หรือ Adidas แต่เลือกเป็น “ราชาแห่งรองเท้าเทรล” สำหรับคนรักภูเขา
On พัฒนาเทคโนโลยีสแกนเท้า สั่งตัดรองเท้าตามรูปเท้าแต่ละคน กลายเป็นแบรนด์ดาวรุ่งในยุคผู้บริโภคแสวงหาสิ่งที่ ‘เป็นของฉันโดยเฉพาะ’
แม้แต่ Stanley แบรนด์แก้วน้ำ ที่เคยเจาะตลาดลุยๆ อย่างแคมป์ปิ้ง ก็กล้าปรับเปลี่ยนแนวคิด พลิกแบรนด์ให้ “ขายแรงบันดาลใจในการดูแลตัวเองของผู้หญิง” ด้วยสีพาสเทลและ Storytelling ที่ตีตลาด TikTok จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้บริษัทมีรายได้ถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐ พลิกวิธีการเจาะตลาดสินค้าที่ทุกคนต่างเคยมองว่าเป็น “Red Ocean” ขายยังไงก็ไม่รวย
แง่คิด: เศรษฐกิจไม่ดี แปลว่าคนซื้อเลือกมากขึ้น ถ้ารู้ว่าขายใคร ก็ขายง่ายกว่า
2. รางวัลเล็กๆ ที่คนเต็มใจจ่าย: “Small Luxury
หากเทียบวันนี้กับ 50 ปีที่แล้ว คนยุคใหม่ทำงานมากขึ้น แต่มีความสามารถในการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น บ้าน ลดน้อยลง เพราะหากจะซื้อบ้านหนึ่งหลัง ต้องเป็นหนี้ถึง 30 ปี พร้อมมีดอกเบี้ยต่อเนื่อง ความฝันของคนรุ่นใหม่อาจไม่ใช่บ้าน 30 ปีผ่อนอีกต่อไป แต่เป็น “รางวัลเล็กๆ” ให้ชีวิตตัวเองในแต่ละเดือน มื้อ Fine Dining ครีมกระปุกละหมื่น กระเป๋าเดินทางราคาเครื่องบิน หรือแม้แต่น้ำยาล้างมือราคา 1,200 บาทในช่วงโควิด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย แต่คือ ความสุขแบบจับต้องได้ในโลกที่ความมั่นคงหายากขึ้นทุกวัน
กลยุทธ์นี้เหมาะกับธุรกิจที่อยากเพิ่มมูลค่าให้สินค้าธรรมดา ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษในราคาที่คนรู้สึกว่า “ฉันสมควรได้รับมัน”
3. แค่ขายของยังไม่พอ ต้องขาย ‘ความว้าว’ ด้วย: “Out-of-the-box Product Strategy”
ในวันที่สินค้ามีมากมายคนขายมีทั่วโลก การคิดนอกกรอบจึงกลายเป็นอาวุธของแบรนด์ที่อยากให้คนจำ
Airbnb ไม่รอแค่คนเอาบ้านมาลงประกาศ แต่ลงทุนสร้างบ้านแบบ “หลุดโลก” เอง ทั้งบ้านบาร์บี้ บ้าน Shrek บ้านลอยฟ้า เหมือนในการ์ตูนเรื่อง Up แล้วปล่อยเช่าเพื่อสร้างกระแส
Burger King ออก “ชีสเบอร์เกอร์ที่ไม่มีเนื้อ” มีแต่ชีสล้วนๆ เพื่อกระตุ้น curiosity marketing แบบคนต้องลอง!
อย่าลืมว่า เศรษฐกิจตก แต่คนยังอยากเล่าเรื่องใหม่ๆ บนโซเชียล ใครให้เรื่องให้แชร์ได้ก่อน ย่อมได้ใจผู้บริโภค
4. ทำของน่าเบื่อให้โดดเด่น: “Boring Product ก็ขายดีได้ ถ้ารู้วิธี Present”
หลายคนคิดว่าสินค้าธรรมดาอย่างน้ำยาซักผ้าหรือขวดน้ำดื่มไม่มีอะไรให้เล่น แต่นี่คือกรณีที่พิสูจน์ว่า แบรนด์ไม่ได้เกิดจากสินค้า แต่เกิดจากวิธี ‘เล่า’ สินค้านั้น
Mozi Wash น้ำยาซักผ้าที่ไม่ตะโกนใส่ผู้บริโภคด้วยฉลากใหญ่ แต่ใช้บรรจุภัณฑ์เรียบๆ เงียบๆ วางข้างคู่แข่งแล้วกลับโดดเด่น
Liquid Death น้ำเปล่าธรรมดา แต่ใส่กระป๋องเบียร์สีดำ ใช้ชื่อแบรนด์โหดๆ ขายให้วัยรุ่นที่อยาก ‘ดูเท่แม้แค่ดื่มน้ำ’
การปรับมุมการเล่าเรื่องของสินค้าเก่า อาจสำคัญกว่าการคิดสินค้าใหม่
5. ยุคนี้คนซื้อ “คน” ไม่ใช่แค่ “ของ”: “Personal Brand ขับเคลื่อนธุรกิจให้โต”
Salt Bae ไม่ได้ขายเนื้อ แต่ขาย “ตัวตนของคนโรยเกลือ” เขาคือหลักฐานที่ชัดว่า คนยุคนี้ซื้อความลำเอียง คนไม่จำว่าอาหารอร่อยแค่ไหน แต่จำว่าถูกเสิร์ฟด้วยท่าไหน ท่าทีไหน การสร้าง Personal Brand ไม่ใช่แค่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แต่คือการมี “จุดยืน” ที่คนจำได้และอยากติดตาม
“แบรนดิ้ง คือสิ่งที่สร้างความลำเอียง และคือสิ่งที่คนดูหรือลูกค้ามอบให้กับเรา ตอนขายสินค้า ต้องไม่ขายแค่ฟังก์ชันอย่างเดียว แต่ต้องขายความลำเอียงนี้ให้ได้ด้วย ความลำเอียงจะทำให้เราโดดเด่น และที่สำคัญต้องอย่าทำ แบรนดิ้งเพื่อหวังความดัง คุณต้องมีคอนเทนท์หรือสิ่งที่อยากแก้ปัญหาบางอย่างให้คนดู ถึงจะมีโอกาสสร้างแบรนดิ้งให้ตัวเอง” ซีเค ย้ำทิ้งท้าย
ในวันที่เศรษฐกิจท้าทาย การทำให้ลูกค้าอยากควักเงินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใครที่หากลยุทธ์เฉพาะตัวเจอ นั่นแหละคือโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี