แม้เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่มีหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ยังคงมีพลังซื้อสูงและมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งกลับมาเป็นกำลังสำคัญที่ธุรกิจไทยไม่ควรมองข้ามในปี 2025 นี้
ในไตรมาสแรกของปี 2025 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 1.3 ล้านคน แม้จะลดลงจากช่วงก่อนโควิด แต่ก็ยังคงครองแชมป์อันดับหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปอยู่ที่ 40,000–50,000 บาท/คน (ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์) โดยใช้จ่ายในหมวด ช้อปปิ้งและอาหารสูงถึง 37% หรือประมาณ 20,000 บาทต่อคน ซึ่งมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นถึง 20–30%
เมื่อรวมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ตลาดนี้อาจจะมีมูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท และยังถือเป็น “Blue Ocean Market” ที่มีการแข่งขันไม่สูงนัก เนื่องจากต้องอาศัยความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับ “Digital Journey” และพฤติกรรมออนไลน์ของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งแตกต่างจากตลาดทั่วไปอย่างชัดเจน
Kollective ผู้ให้บริการด้าน Influencer Marketing ในประเทศไทย จึงมาแนะนำเคล็ดลับที่จะพิชิตใจลูกค้านักท่องเทัี่ยวจีนกัน
เจาะลึกอินไซต์นักท่องเที่ยวจีน เตรียมร้านให้พร้อมรับมือ
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลุ่ม FIT (Free Independent Traveler) หรือนักท่องเที่ยวที่วางแผนและเดินทางด้วยตัวเอง กำลังกลายเป็นกลุ่มหลักของตลาด ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 70% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด
1. เที่ยวเอง วางแผนเอง แต่ยัง “จ่ายหนัก” เหมือนเดิม
แม้ไม่ซื้อแพ็คเกจทัวร์ แต่กลุ่ม FIT ยังคงมีกำลังซื้อสูง เพียงแต่พวกเขาเลือกใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เน้นร้านหรือแบรนด์ที่ได้รับ “ความเชื่อถือจากคนจีนด้วยกันเอง” มากกว่าชื่อเสียงหรือความเป็นแบรนด์ดังระดับโลก
2. เชื่อรีวิวจีน > เชื่อแบรนด์
แบรนด์ไม่สำคัญเท่าความน่าเชื่อถือจาก "รีวิวภาษาจีน" โดยเฉพาะรีวิวที่ดูเหมือนมาจากลูกค้าจริง ไม่ใช่ดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง การมีรีวิวจากลูกค้าจีนตัวจริงบนแพลตฟอร์มอย่าง Xiaohongshu, Dianping หรือ Mafengwo จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร้านค้าหรือธุรกิจไทยที่อยากเจาะตลาดนี้
3. ไม่อ่านรีวิวไทย-อังกฤษ ขอแค่ “จีนเท่านั้น”
ถึงแม้ร้านของคุณจะมีรีวิวดีในภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ คนจีนส่วนใหญ่ก็จะมองข้ามทันทีถ้าไม่มีรีวิว “ภาษาจีน” โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มที่พวกเขาคุ้นเคย เช่น Xiaohongshu หรือ WeChat Moments
4. Cashless Society ของจริง: จ่ายผ่าน Alipay / WeChat Pay
มากกว่า 65% ของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนในไทยเกิดขึ้นผ่านระบบ e-payment โดยเฉพาะสองแพลตฟอร์มหลักอย่าง Alipay และ WeChat Pay ร้านที่ไม่รองรับอาจพลาดโอกาสขายแบบไม่รู้ตัว เพราะคนจีนสมัยนี้แทบจะไม่พกเงินสด หรือแม้แต่บัตรเครดิตเลยด้วยซ้ำ
5. “ช้อปในไทย” คือการสร้างภาพลักษณ์ทางสังคม
การซื้อของจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไทย ยังถูกมองว่าเป็น “สัญลักษณ์ของความใส่ใจ” โดยเฉพาะของฝากที่ซื้อกลับไปให้ครอบครัวหรือเพื่อนฝูง การซื้อของในไทยจึงมีมากกว่าความต้องการส่วนตัว แต่ยังรวมถึง “การสร้าง Social Credit” ในกลุ่มเพื่อนอีกด้วย
6. ชอบของที่จัดให้เป็น “เซ็ต” ดูพิเศษและไม่ต้องเลือกเยอะ
นักท่องเที่ยวจีนชอบสินค้า/ของฝากที่มีความเป็น “Exclusive” โดยเฉพาะถ้าเป็นแบบชุดเซ็ต หรือแพ็กเกจพิเศษที่จัดมาให้แล้วเรียบร้อย เพราะพวกเขาไม่ต้องเสียเวลาเลือก และยังได้ภาพลักษณ์ว่าซื้อของที่ “ดูตั้งใจ” และ “ดูพรีเมียม”
5 กลยุทธ์ปั้นร้านให้โดนใจนักท่องเที่ยวจีน
โอกาสใหญ่ของธุรกิจในไทยคือการดึงดูด "นักท่องเที่ยวจีน" ให้เข้ามาจับจ่าย ใช้บริการ และแชร์ประสบการณ์ของร้านเราผ่านโซเชียลมีเดียจีน แต่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่ได้ตัดสินใจจากโบรชัวร์หรือตามกรุ๊ปทัวร์อีกต่อไป พวกเขา "ค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง" และให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ที่จริงใจ” มากกว่าการตลาดแบบฮาร์ดเซลล์
1. Awareness: ปรากฏตัวในโลกของพวกเขาให้เจอ
นักท่องเที่ยวจีนไม่คุ้นกับ Google, Facebook หรือ Instagram แบบคนไทย แต่พวกเขาใช้ Xiaohongshu (小红书), Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) และ Dianping เป็นหลักในการค้นหาสถานที่กิน ช้อป เที่ยว หากร้านของคุณ "ไม่ปรากฏ" บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ เท่ากับ “ไม่มีอยู่” สำหรับพวกเขา โดยโฟกัสคีย์เวิร์ดที่คนจีนใช้จริง เช่น “曼谷必买” (ของที่ต้องซื้อเมื่อมาไทย), “曼谷餐厅推荐” (ร้านอาหารแนะนำในกรุงเทพ)
2. Real User Review: รีวิวจริงใจ น่าเชื่อ ไม่ใช่โฆษณาล้วน
ความน่าเชื่อถือสำคัญมาก คนจีนยุคใหม่แยกออกระหว่าง “รีวิวจริง” กับ “รีวิวที่จ้างมา” รีวิวที่ได้ผล ต้องไม่ Hard Sell เกินไป และควรเป็น “ประสบการณ์ส่วนตัวที่คนอ่านรู้สึกว่าอยากลองตาม” โดยอาจจะเป็นการเชิญชวนลูกค้าจีนรีวิวหลังซื้อหรือใช้บริการ หรือเป็นการให้ Creator ทำรีวิวแนว “ไดอารี่การเดินทาง” หรือ “Unboxing & รีวิวสินค้า” บน Xiaohongshu พร้อมใส่โลเคชันร้าน และรายละเอียดที่ให้ผู้ติดตามสามารถตามรอยได้ง่าย
3. Language Access: สื่อสารภาษาจีนให้ถูกต้อง
การแปลภาษาจีนแบบผิดๆ อาจกลายเป็นมีมตลกในโลกออนไลน์ หรือทำให้ลูกค้าสับสน ดังนั้นการเตรียมเมนู ป้าย แพ็กเกจ หรือคู่มือสินค้าเป็นภาษาจีน (Simplified Chinese) ที่ “แปลถูกต้องตามบริบท” เป็นสิ่งจำเป็น และที่สำคัญที่สุดคือคนจีนอยากที่จะสื่อสารกับพนักงานที่สื่อสารภาษาจีนได้ โดยอาจจะเป็นคำพื้นฐานเกี่ยวกับการชำระเงิน รายละเอียดสินค้า
4. Payment Compatibility: รองรับการจ่ายเงินแบบที่คนจีนใช้
คนจีนพกเงินสดน้อยมาก ส่วนใหญ่ใช้มือถือจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน โดยสองแพลตฟอร์มที่ขาดไม่ได้คือ Alipay และ WeChat Pay ถ้าร้านของคุณรองรับ Alipay/WeChat Pay ได้ ลูกค้าจีนจะสนใจทันที ทั้งนี้อาจจะเริ่มจากการติดป้ายหน้าร้านว่ารองรับการใช้จ่ายในช่องทางนี้ รวมถึงให้มีการระบุลงในคอนเทนต์รีวิวเพื่อให้เป็นอีกจุดสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าจีน
5. Conversion: เปลี่ยนความสนใจเป็นยอดขาย
เมื่อพาลูกค้าจีนมาถึงหน้าร้านแล้ว ต้องมีเครื่องมือเปลี่ยน “ผู้เดินผ่าน” ให้กลายเป็น “ผู้ซื้อ” อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ เช่น การจัดมุมถ่ายรูปที่น่าสนใจ มีการจัดเซตสินค้าเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวจีน เช่น “ของฝากจากไทย” หรือ “Top Pick คนจีนชอบ” โดยเน้นให้เป็น Exclusive set หรือ Premium set
ช่องทางที่ควรใช้หาลูกค้าจีน
1. Xiaohongshu (小红书) = Search Engine ของสาวจีนยุคใหม่
- คนจีนใช้ค้นหาที่เที่ยว ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่ “ต้องถ่ายรูป”
- เหมาะกับร้านที่ขาย Visual เช่น คาเฟ่, ร้านของฝาก, ขนม
- แนะนำให้โพสต์เป็นภาษาจีน + รูปสวย + รีวิวแบบไดอารี่ + Checklist เช่น มี Google Map, รองรับ QR Pay, ราคาชัดเจน
2. Douyin (抖音) = Shoppertainment วิดีโอรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ
- ใช้คลิปสั้นแนว “跟我去曼谷买东西” (ไปซื้อของในกรุงเทพกับฉัน)
- ถ่ายรีวิวร้านจริง, จุดจ่ายเงิน, ชั้นวางสินค้า
- เน้นการทำคอนเทนต์ให้ติดกระแส ใช้เพลงจีนที่ติดเทรนด์ + Subtitle ภาษาจีน
3. Dianping = TripAdvisor + Wongnai ของจีน
- ค้นหาสถานที่จากแอปโดยมี Map และ Review
- คนจีนชอบร้านที่ติดอันดับ “TOP 热门” หรือ “排队店” (ร้านฮอต คนต่อคิวเยอะ)
- มีคำอธิบายที่แปลอย่างมืออาชีพ ไม่ใช้ Google Translate
ร้านค้าที่เข้าใจนักท่องเที่ยวจีนอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องลดราคาแข่งกับใคร เพราะสามารถดึงดูดลูกค้าที่ “พร้อมจ่าย” ได้ด้วยประสบการณ์ที่ตอบโจทย์และเข้าถึงง่าย ตั้งแต่ภาษา การรีวิว ไปจนถึงระบบจ่ายเงิน และช่องทางการสื่อสารที่นักท่องเที่ยวจีนคุ้นเคย
ซึ่งการทำ Localize อย่างถูกต้อง เริ่มตั้งแต่การปรับเนื้อหาภาษาให้อ่านเข้าใจง่ายบนช่องทางจีน เช่น Xiaohongshu ไปจนถึงการใช้ “Influencer จีน” ที่มีกลุ่มผู้ติดตามตรงกับเป้าหมายของร้านค้า ซึ่งไม่ช่วยแค่โพสต์รีวิวให้คนเห็นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือผ่านข้อความที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ถ่ายทอดสิ่งที่กลุ่มคนจีนสนใจให้ตรงใจมากขึ้น จนทำให้ร้านคุณกลายเป็นหนึ่งในลิสร้านน่าสนใจห้ามพลาดที่พวกเขาต้องแวะในประเทศไทย
ที่มา : Kollective
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี