ถ้าบอกว่าปีนี้เศรษฐกิจน่ากลัวคงไม่ผิดนัก ครึ่งปีแรกของ 2568 คนไทยต้องรับมือกับแรงสั่นสะเทือนรอบด้าน ทั้งแผ่นดินไหวกลางกรุง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น มาตรการกำแพงภาษีสหรัฐฯ ไปจนถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ได้สะท้อนออกมาในพฤติกรรมที่น่าสนใจ:อาทิ คนไทยระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและพฤตกรรม “กุมมือ กุมเงิน” กลายเป็นพฤติกรรมหลัก แม้จะมีช่วงเทศกาลอย่างตรุษจีนหรือสงกรานต์ แต่ก็ยังไม่สามารถปลุกแรงซื้อได้
Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (Thailand) เผยผลสำรวจฉบับที่ 3 เดือนมิถุนายน 2568 ชี้ภาพรวมครึ่งปีแรกของคนไทย: เศรษฐกิจผันผวน แผ่นดินไหวสะเทือนใจ ค่าครองชีพพุ่ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึง "โหมดเอาตัวรอด" ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัยของคนไทย พร้อมข้อแนะนำเชิงลึกสำหรับแบรนด์ที่ต้องการ "จับจริต" และ "กู้ใจ" ผู้บริโภคในภาวะที่ทั่วโลกกำลัง "เซ"
คนไทย "กุมมือ กุมเงิน": ส่องแนวโน้มการใช้จ่ายที่ต้องจับตา
ผลสำรวจชี้ชัดว่า ระดับความสุขของคนไทยยังคง "ทรงตัว" (64 Vs 64 เมื่อเทียบกับปีก่อน) และแนวโน้มการใช้จ่ายก็อยู่ในโหมด "กุมมือ กุมเงิน" สะท้อนจากการลดลงของดัชนีการใช้จ่ายที่ -2% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนที่ผ่านมา (63 Vs 65) บ่งชี้ว่าผู้บริโภคไทยมีความระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้จ่าย เน้นซื้อเฉพาะ "ของจำเป็น" หรือ "ของฮีลใจ" ในขณะที่ยังคงสำรองเงินสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
Key Insight: แม้จะผ่านเทศกาลสำคัญอย่างตรุษจีนและสงกรานต์ แต่แรงกระตุ้นการใช้จ่ายยังไม่กลับมาเต็มที่ การสำรวจชี้ว่าเงินถูกโยกไปใช้สำหรับการดูแลและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งทำให้งาน Mid-month Sale ในเดือนมิถุนายนกลายเป็นเพียง "งานส่อง" มากกว่า "งานสอย" แบรนด์จึงไม่ควรมองข้ามพฤติกรรมนี้ และเตรียมพร้อมสำหรับช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าโมเมนตัมการใช้จ่ายจะกลับมาอีกครั้งจากเทศกาลวันแม่ วันหยุดยาวเดือนตุลาคม และปีใหม่
ถอดรหัสพฤติกรรมคนไทยหลังแผ่นดินไหว สไตล์เอาตัวรอด 5 รูปแบบ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้เผยให้เห็นถึงสไตล์การเอาตัวรอดที่หลากหลายของคนไทย ซึ่งแบรนด์สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
Top 1 - สายเช็กข่าว (31%): นักสืบมือถือ ผู้ที่เชื่อว่าข้อมูลคืออาวุธสำคัญที่สุด
Top 2 - สายโกย (23%): นักวิ่งเอาตัวรอด เน้นความปลอดภัยส่วนบุคคลเป็นอันดับแรก
Top 3 - สายหิ้ว (8%): ผู้ที่เลือกรักษาของรัก ของสำคัญส่วนตัว
Top 4 - สายรวมทีม (6%): หัวหน้าห้องพลังบวก ผู้ที่ต้องการรวมกลุ่มเพื่อความอยู่รอด
Top 5 - สายมึน (5%): ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะช็อก งุนงงกับสถานการณ์
"จับจริต" ผู้บริโภคแต่ละวัย: กลยุทธ์ที่แบรนด์ต้องรู้
อรุณโรจน์ เหล่าเจริญวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้ให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับแบรนด์ในการ "จับใจ" ผู้บริโภคแต่ละวัย ดังนี้:
- วัย 20 - 29 ปี (แพนิคนิดหน่อยแต่ใช้ชีวิตตามเดิม)
สภาพจิตใจ: เพิ่งเริ่มต้นชีวิต อาจกำลังซื้อบ้าน/คอนโดหลังแรก ต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัย
กลยุทธ์แบรนด์: เน้น "ความมั่นใจด้านความปลอดภัย" สำหรับสินค้าอสังหาริมทรัพย์ ควรชูจุดแข็งด้านโครงสร้าง การรับประกัน หรือมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง
- วัย 30 - 39 ปี (ตั้งสติเพราะต้องมีสตางค์):
สภาพจิตใจ: กังวลเรื่องการเงิน ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย
กลยุทธ์แบรนด์: ทำโปรโมชัน "คุณจ่าย เราช่วย" หรือข้อเสนอที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้าและบริการจำเป็น
- วัย 40 - 49 ปี (ติดตามข่าวสารใกล้ชิดเพื่อคลายกังวล):
สภาพจิตใจ: ตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ต้องการใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัว
กลยุทธ์แบรนด์: ออกแคมเปญส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ลุ้นชิงโชคเที่ยวฟรีทั้งบ้าน หรือกิจกรรมที่ช่วยให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน
- วัย 50 - 59 ปี (รุ่นใหญ่ ใจต้องนิ่ง):
สภาพจิตใจ: เน้นการวางแผนชีวิตและการรับมือกับวัยเกษียณ
กลยุทธ์แบรนด์: จัด Workshop วางแผนชีวิตวัยเกษียณ หรือกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้รู้สึกอุ่นใจ ปล่อยวาง และมีความสุขกับชีวิต
แคมเปญ "หน่วยกู้ใจ": ฟื้นฟูความสุขให้คนไทยยิ้มได้
ในภาวะที่คนไทยยังต้องการ "ความสุขที่ใจฟู" ฮาคูโฮโดเสนอแนวคิด "การตลาดแบบ Feel Good" ผ่านแคมเปญ "หน่วยกู้ใจ" เคลื่อนที่ โดยแบรนด์สามารถ Collab กับอินฟลูเอนเซอร์ หรือศิลปิน T-Pop เพื่อจัดทีมเซอร์ไพรส์แฟนคลับหรือคนทั่วไปในพื้นที่ที่มีความเครียดสูง เช่น ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้า หรือสี่แยกไฟแดงที่รถติด
Beyond Entertainment: นอกจากจะสร้างรอยยิ้มแล้ว การจัดกิจกรรม "หน่วยกู้ใจ" ยังสามารถมอบ Voucher หรือ Coupon ส่วนลดพิเศษ ของแบรนด์ไปพร้อมกัน เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้กับผู้บริโภค
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี