OTOP ขยายตลาดขึ้นเหนือหนีม็อบเมืองกรุง

นายพรพล เอกอรรถพร ประธานเครือข่ายโอท็อปแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) มากกว่า 1หมื่นรายทั่วประเทศอย่างมากทำให้ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ ทั้งนี้ผู้ประกอบการได้มุ่งไปขยายช่องทางทำตลาดใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว หรือ ในตลาดต่างจังหวัด ที่มีกำลังซื้อดีอยู่ โดยเฉพาะตลาดในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงมากและชะลอการเข้ามาจัดงานในกทม

เอสเอ็มอีแบงก์ยืนยันลูกค้า SMEs ไร้ผลกระทบ

นายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดกรุงเทพฯ (ชัตดาวน์) โดยกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอียังไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ถึงแม้จะยังไม่ได้รับผลกระทบกับการชัตดาวน์ครั้งนี้ แต่ก็ได้มีการชะลอการปล่อยสินเชื่อไปก่อนจนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากสถานการณ์การชุมนุมมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ก็คาดว่าอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

SMEs ภาคผลิตกังวลชัตดาวน์กทม.ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ ปี 54

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ 7 องค์กรเอกชน เช่น ส.อ.ท. หอการค้าไทย, สมาคมธนาคาร, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงผลกระทบชัตดาวน์กรุงเทพฯ วันที่ 13 มกราคม 2557 ทุกองค์กรเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และเตือนให้แต่ละองค์กรเตรียมแนวทางการปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ไม่ให้การดำเนินธุรกิจสะดุด รวมถึงภายใน 1 - 2 วันนี้ คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) และ 7 องค์กรภาคเอกชนจะเชิญทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ศาลรัฐธรรมนูญ เครือข่ายภาคสังคม และพรรคการเมืองต่างๆ หันหน้าเจรจากันเพื่อจะระดมความคิดเห็นหาทางออกของประเทศ โดยจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด

ค้าออนไลน์บูม SMEs ไม่ปรับตัวเสี่ยงปิดกิจการ

นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ ประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรม ของขวัญอาเซียน เปิดเผยว่า การค้าออนไลน์หรือการค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลังกลาย เป็นช่องทางการขายใหม่ที่เข้ามาแทนช่องขายแบบเดิม ซึ่งนับวันจะมีบทบาทความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ผลลบและผลบวกจากระบบออนไลน์

เงินบาทอ่อนผู้ประกอบการแห่ทำประกันความเสี่ยง

นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าในช่วงนี้ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการนำเข้าทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (เฮดจิ้ง) มากขึ้น เห็นได้จากปริมาณการทำเฮดจิ้งของผู้นำเข้ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับผู้ส่งออก เนื่องจากผู้นำเข้า ส่วนใหญ่เป็นรายใหญ่ และบางรายมีบริษัทแม่อยู่ในต่างประเทศที่ต้องป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามที่บริษัทแม่กำหนด ต่างจากผู้ส่งออกที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ปัจจุบันมีการป้องกันความเสี่ยงน้อยกว่า

เอสเอ็มอีแบงก์เตรียมขายหนี้เสียล็อตแรก 3,000 ล้าน

นายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ภายในเดือน ม.ค. นี้ จะได้ข้อสรุปเรื่องการขายเอ็นพีแอล ล็อตแรกจำนวน 3,000 ล้านบาท กับ บสส. จากปัจจุบันยอดเอ็นพีแอล อยู่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะใช้รูปแบบแบ่งผลกำไร และขาดทุน

ศพจ.นราธิวาสเพิ่มทักษะแรงงานหนุน SMEs ค้าชายแดน

นางทิวาพร กาญจนะกิติกุล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า การที่จังหวัดนราธิวาสมีชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้เป็นจังหวัดการค้า การลงทุน และเมืองท่องเที่ยวเปิดประตูสู่อาเซียนอีกแห่งหนึ่ง สิ่งที่ค้ำจุนให้ปัจจัยเหล่านี้ดำรงอยู่ได้ก็คือการดำเนินการของกลุ่ม SMEs กลุ่ม OTOP กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงการค้าขายของประชาชนในพื้นที่ แต่กำลังแรงงานในกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะฝีมือในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ทำให้คุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐานและไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ และอาจมีผลสืบเนื่องต่อภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัด

ดัชนีเชื่อมั่นต่ำสุดรอบ 2 ปี SMEs ต่ำสุดในประวัติศาสตร์

นายธนวรรธ์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม 2556 พบว่า อยู่ที่ระดับ 73.4 ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 75.0

คงราคาสินค้าควบคุม 43 รายการรอรัฐบาลใหม่พิจารณา

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้คงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2557 ไว้จำนวน 43 รายการเช่นเดิม แต่เป็นการคงไว้ชั่วคราว และเมื่อมีรัฐบาลใหม่ ให้กรมการค้าภายในนำเสนอให้พิจารณาปรับปรุงทบทวนบัญชีใหม่ เพราะไม่ต้องการพิจารณาทบทวนในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ