Starting a Business

“Two Little Feet” แบรนด์รองเท้าเด็กที่ปั้นโดยคุณแม่ผู้ประกอบการในสิงคโปร์



Main Idea
 
  • ดีซุง เหงียน Mompreneur หรือคุณแม่ผู้ประกอบการเชื้อสายเวียดนาม วัย 32 ปี ต้องการหาอาชีพเสริมนอกเหนือจากอาชีพแม่บ้าน จึงตั้งใจทำธุรกิจที่เธอฝันให้กลายเป็นจริง นั่นคือ ธุรกิจเกี่ยวกับเด็ก
 
  • รองเท้าเด็ก Two Little Feet ของเธอเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพและดีไซน์ แบรนด์มียอดขายโตเฉลี่ยเดือนละ 30% และเพิ่มสูงในช่วงเทศกาล เช่น ช่วงตรุษจีน Two Little Feet ทำยอดขาย 100 คู่ในเวลาเพียง 10 วัน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงไม่ถึง 2 สัปดาห์
 


     สำหรับเวิร์กกิ้งวูแมนที่มีครอบครัวแล้วต้องลาออกจากงานเพื่อไปเป็นแม่บ้านเพื่อเลี้ยงลูกแบบเต็มเวลา เชื่อว่าส่วนใหญ่ยังต้องการทำงานหารายได้เหมือนเดิม แต่ทำอย่างไรจึงจะทำงานไปด้วย ดูแลลูกไปด้วยได้  ดีซุง เหงียน  mompreneur หรือคุณแม่ผู้ประกอบการเชื้อสายเวียดนามวัย 32 ปีผู้เคยทำงานในสายการเงินในสิงคโปร์มานาน 7 ปีก็เป็นเหมือนคุณแม่หลายคนที่ต้องการหาอาชีพเสริมนอกเหนือไปจากอาชีพแม่บ้าน และธุรกิจที่เธอฝันอยากทำมานานคือธุรกิจเกี่ยวกับเด็ก

     โชคดีที่ดีซุงคิดออกว่าจะทำอะไรหลังจากมองหารองเท้าให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอแล้วไม่ค่อยเจอที่ถูกใจเนื่องจากเธอต้องการสองคุณสมบัติรวมกันคือสวยงามและใส่สบาย ด้วยมองเห็นโอกาสทางธุรกิจเธอจึงศึกษาข้อมูล ติดต่อกับโรงงานผลิตในจีน และลองสั่งตัวอย่างมาให้ลูกสาวลองใส่เพื่อทดสอบ จนกระทั่งเจอโรงงานที่ใช่ จึงทำสัญญาจ้างผลิต แม้โรงงานในจีนจะมีดีไซเนอร์ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบรองเท้าเด็กมานานกว่า 10 ปี และทางโรงงานเองก็ได้รับความไว้วางใจ ผลิตรองเท้าให้แบรนด์ต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง แต่สิ่งที่ดีซุงเน้นคือคุณภาพเป็นสำคัญ

     รองเท้าเด็กในตลาดสิงคโปร์มีมากมายหลากหลายราคา ตั้งแต่คู่ละ 10 ดอลลาร์ไปจนถึงแพงสุด 150 ดอลลาร์ก็มี ทั้งนี้ ปัจจัยต่าง ๆ อาทิ แบรนด์ คุณภาพ และดีไซน์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อพอ ๆ กับ “ราคา” ก่อนเข้าไปคลุกวงในเต็มตัว ดีซุงได้ตั้งคำถามว่ารองเท้าเด็กแบบไหนที่ผู้ปกครองต้องการ โดยเธอเทียบจากความต้องการของตัวเองว่าน่าจะใกล้เคียงกับที่ผู้ปกครองคนอื่นต้องการ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่จะหาช่องทางไหนเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้

     ท้ายที่สุด ดีซุงก็เปิดตัวรองเท้าเด็กแบรนด์ Two Little Feet เข้าสู่ตลาดโดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพและดีไซน์ เจ้าของแบรนด์กล่าวว่าหากเปรียบแล้ว Two Little Feet ก็เหมือนแบรนด์ยูนิโคล่ของญี่ปุ่นในแง่ที่ว่าอาจจะไม่ใช่รองเท้าเด็กที่ราคาถูกสุดในตลาด แต่คุณภาพที่ลูกค้าจะได้รับนั้นแพงเกินราคาไปมาก 
               
     เนื่องจาก Two Little Feet จำหน่ายทางออนไลน์เท่านั้น ดีซุงยอมรับว่าในช่วงแรกยังลำบากที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักหรือทำให้คนเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าทางเว็บไซต์จนเกิดทราฟฟิกสูง อย่างไรก็ตาม อาศัยการประชาสัมพันธ์ผ่านโฆษณาออนไลน์ และอีเมล์มาร์เก็ตติ้งก็ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งเดือนต่อเดือน โดยยอดขายโตเฉลี่ยเดือนละ 30% และจะเพิ่มสูงในช่วงเทศกาล เช่น ช่วงตรุษจีนปีนี้ Two Little Feet ทำยอดขาย 100 คู่ในเวลาเพียง 10 วัน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงไม่ถึง 2 สัปดาห์
               
     สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ดีซุงเลือกนำมาใช้ประกอบด้วย การกำหนดราคาขายแบบ single pricing หรือทุกคู่จำหน่ายในราคาเดียวยกเว้นคอลเลคชั่นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ การใช้รูปแบบนี้ นอกจากจะง่ายต่อการขายยังทำให้ลูกค้าลดความสนใจเรื่องราคาแล้วไปจดจ่อที่ดีไซน์ ขนาด และการใช้งานแทน นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าที่อุดหนุน Two Little Feet เป็นครั้งแรก จะได้รับส่วนลดทันที 13% แถมส่งฟรีทั่วสิงคโปร์
               
     อีกกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายคือการขายรองเท้าแบบพ่วง เช่น ซื้อ 2 คู่คละรุ่นจะประหยัดและคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับการซื้อคู่ดียว และยังทำให้ประหยัดค่าส่งลงได้ ผลคือภายใน 6 เดือนของการดำเนินธุรกิจ Two Little Feet ก็เข้าสู่จุดคุ้มทุนจากเบื้องต้นที่ลงทุนเป็นตัวเลข 6 หลัก ซึ่งนับจากนี้ไป สิ่งที่ดีซุงต้องทำคือการประคับประคองให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตแบบยั่งยืน
               
     ก่อนหน้าที่จะสร้างแบรนด์รองเท้าเด็ก ดีซุงเคยจับธุรกิจ 2 อย่าง ได้แก่ กระเป๋าหนัง และเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ของเธอเอง ธุรกิจกระเป๋าหนังเกิดขึ้นจากการมีคอนเนคชั่นกับโรงงานผลิตในเวียดนาม และตอนนั้นเธอก็อยากรู้ว่าเธอจะสามารถสร้างแบรนด์กระเป๋าหนังคุณภาพสูง ราคาไม่แพง และขายตรงแก่ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อตัดคนกลางออกไปได้หรือไม่ ส่วนธุรกิจเสื้อผ้า เกิดขึ้นเพราะเธออยากทดสอบว่าการให้บริการคำแนะนำด้านการแต่งกาย และจัดส่งเสื้อผ้าให้เหมาะกับบุคคลิกของลูกค้าแบบในอเมริกาเป็นที่ต้องการในตลาดสิงคโปร์หรือไม่
               
     ทั้งสองธุรกิจทำให้เธอเรียนรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการเพียงลำพังคนเดียว และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นบทเรียนคืออย่าดูแลการผลิตเอง จ้างผลิตจะง่ายกว่า และต้องควบคุมต้นทุนสินค้าให้ได้ แม้จะยุติสองธุรกิจแรกไปแล้ว แต่เธอก็ได้นำประสบการณ์ครั้งนั้นมาปรับใช้กับธุรกิจ Two Little Feet ดีซุงกล่าวว่าการเริ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซอาจเป็นเรื่องง่ายแต่สิ่งที่ท้าทายคือการทำธุรกิจให้ยั่งยืน เทคโนโลยีและระบบโลจิสติกส์เป็นเรื่องสำคัญ บางทีการจ่ายเพิ่มเพื่อสิ่งเหล่านี้ หากช่วยให้ธุรกิจดำเนินราบรื่นขึ้นก็ควรต้องจ่าย ดีซุงเผย Two Little Feet ยังไม่มีแผนเปิดช้อป และจะยังจำหน่ายทางออนไลน์ต่อไป แต่ก็มีแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น อาทิ มาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์                
 
     อ้างอิง : https://vulcanpost.com/664425/two-little-feet-kids-shoes-singapore/
  


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup