Starting a Business

RAVIPA แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่เริ่มต้นจากออนไลน์จนยอดขาย 100 ล้าน

 

     น้อยคนที่จะสามารถพลิกเกมได้ไวแล้วกลับมาหยัดยืนได้อีกครั้งเมื่อเจอวิกฤติ หนึ่งในนั้นคือแบรนด์เครื่องประดับที่ชื่อ RAVIPA โดยสาวเก่งและแกร่งอย่าง สา-ธนิสา วีระศักดิ์ศรีที่ธุรกิจช๊อค ปรับตัวไม่ทันในปี 2563 จากสถานการณ์โควิด บริษัทเหลือเงินก้อนสุดท้ายแค่จ่ายเงินเดือนพนักงานเท่านั้น แต่ความเป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทำให้เธอและพนักงานที่มีอยู่เพียง 10 คนตอนนั้นกลับสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคุมเกมส์ธุรกิจ ยืนหยัดได้ใหม่และดีกว่าเดิม  ด้วยตัวเลขความสำเร็จที่เติบโตกว่า 2,000 เปอร์เซ็นต์

     โดยแบรนด์ RAVIPA คือแบรนด์เครื่องประดับเที่เริ่มต้นจากออนไลน์ด้วยความรักความชอบของหญิงสาวคนหนึ่ง จนเติบโตสามารถสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา  ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ได้หยิบฉวยมาง่ายๆ แต่ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเท และทำงานหนักตลอด 9 ปีที่ผ่านมา

     “จุดเริ่มต้น RAVIPA เป็นเพียงร้านเครื่องประดับในอินสตาแกรม ออกบู๊ท ป๊อปอัพ สโตร์ ตอนนี้เรามีหน้าร้าน 9 สาขา แล้วปีนี้ยังเปิด Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิร์ล ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญ เพราะว่าสาอยากให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสแบรนด์ RAVIPA จริงๆ การทำแบรนด์บนออนไลน์จะสัมผัสได้ระดับหนึ่งแต่ออฟไลน์มีครบรูปรสกลิ่นเสียง สาก็อยากเชิญชวนให้ลองไปสัมผัส Ravipa ในโลกออฟไลน์ว่าเป็นยังไง

     นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจมา Ravipa เติบโตขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งมาเจอกับสถานการณ์โควิด ที่ทำให้ธุรกิจเราสะดุด แต่สุดท้ายเราสามารถพลิกสถานการณ์วิกฤตกลับมาได้ จนในปี 2564 ที่ผ่านมา แบรนด์ RAVIPA โตขึ้นเกือบ 2,000 เปอร์เซ็นต์ มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท จากเดิมที่มีพนักงานรวม 10 คนก่อนเจอวิกฤตโควิด ในตอนนี้เรามีพนักงานกว่า 50 คน และยังต้องรับพนักงานเพิ่มมากขึ้นอีก”

     สาได้เล่าย้อนไปถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่บริษัทต้องเจอกับวิกฤติที่หนักหนาสาหัสที่สุดตั้งแต่เปิดมานั่นคือการรับมือกับสถานการณ์โควิด ที่ทำให้หน้าร้านของเธอต้องหยุดชะงักจากการล็อกดาวน์ จมเงินไปกับแต่ละสาขา เหลือเพียงช่องทางเดียวคือออนไลน์

     “ปี 2562 เราขยาย 9 สาขาในปีเดียว ทำให้เงินลงทุนไปจมกับสาขาเยอะมาก จากวิกฤตโควิด เราเจอล็อกดาวน์ ห้างสรรพสินค้าปิด ช้อปของ RAVIPA ก็ต้องปิดทั้งหมด ตอนนั้นเหลือออนไลน์เพียงช่องทางเดียวในการเข้าถึงลูกค้า ซึ่งโชคดีมากๆ ที่ฐานลูกค้าเรามาจากออนไลน์ตั้งแต่เริ่มสร้างแบรนด์ แต่จิวเวลรี่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ในช่วงโควิดจึงขายยากมาก รายได้หายไป สถานการณ์ของบริษัทตอนนั้นลำบากมากเรามีเงินเหลือใช้แค่เดือนชนเดือน สุดท้ายมีเงินแค่พอสำหรับจ่ายเงินเดือนให้พนักงานแค่เดือนเดียวเท่านั้น สาก็คิดว่าเงินก้อนนี้ต้องใช้อย่างฉลาดที่สุด เพื่อที่จะทำให้เราสามารถไปต่อได้ ซึ่งโชคดีที่สาทำคอลเลคชั่น RAVIPA Reminder หรือสร้อยข้อมือ เสริมสิริมงคล ได้รับรางวัล Design Excellence Award (DEmark) สาขา CREATIVE & INNOVATIVE FASHION ปี 2562 โดยตอนนั้นเราทำขึ้นมาแค่จำนวนหนึ่งและขายหมดไปแล้ว สาเลยตัดสินใจว่าลองเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีมาลงทุนทำคอลเลคชั่นนี้ ก็หวังว่าจะถูกใจคนซื้อ”

     จากเงินลงทุนก้อนสุดท้ายนั่นคือตัวพลิกเกมที่ทำให้เธอกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักกับคอลเลคชั่น  RAVIPA Reminder ตอบโจทย์ลูกค้าสายมู

     “ตอนนั้นเป็นโมเม้นต์แบบการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายที่เราเหลืออยู่แล้ว ซึ่งโชคดีมากๆ คือลิซ่า BLACKPINK ใส่สร้อยข้อมือคอลเลคชั่นนี้ช่วงเมษายน 2564 โดยที่แฟนคลับซื้อให้ แล้วก็มีแบมแบม GOT7 ใส่ด้วย ยิ่งช่วยทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ล่าสุดน้องยอร์ช ยงศิลป์ก็ใส่ด้วย  ปรากฏว่า จากสร้อยข้อมือ เสริมสิริมงคล ทำให้เรามียอดขายอันดับหนึ่งทั้งในลาซาด้า ช้อปปี้ ในช่วงสิ้นปี กลายเป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่บริษัทมหาชน ไม่ใช่แบรนด์ต่างชาติ แต่เป็นแบรนด์ไทยรายเล็กๆ ที่ได้ขึ้นไปอยู่ในชาร์จรวมกับพวกเขา ถือว่าเป็นปีที่พลิกกลับมามากๆ  ทั้งๆ ที่ปี 2563 เรายังร่อแร่อยู่เลย”

     แต่กว่าที่จะกลับมาปังได้อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย สาจึงได้แชร์บทเรียนสำคัญที่เธอได้เรียนรู้ในช่วงโควิดที่ผ่านมาให้ฟัง

     “สาตั้งใจทำงานในทุกวัน ที่เห็นว่าทุกวันนี้ RAVIPA ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลังสาทำงานหนักมาก แต่ในการทำงานนั้นสาจะโฟกัสแค่ตัวเองว่าเราจะเดินไปข้างหน้า สาไม่ได้ดูค่าแข่งหรือคนอื่นเลยว่าจะเป็นยังไง สาไม่ได้แคร์ แค่โฟกัสกับสิ่งที่เราทำเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเรามาได้ไกลขนาดนี้ อีกอย่างในช่วงโควิดมันสอนให้เรารู้ว่าการปรับตัวนั้นสำคัญมาก ไม่มี Year Plan, Monthly Plan มีแต่ Daily Plan โชคดีว่าทีมงานของสาพร้อมที่จะปรับตัว สมมติสาบอกว่าต้องเปลี่ยนทุกคนก็รีบแก้ไขปัญหาหรือรีบติดต่อจบได้ในทันที เลยทำให้เรารอดมาได้  มันเหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็กแต่ว่าปลาเร็วจะรอดจากทุกอย่าง ก็เลยคิดว่าเราเป็นปลาเร็วถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้”

     สาได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจและแนะนำถึงใครหลายคนที่อยากกระโดดเข้ามาสู่การเป็นผู้ประกอบการ

     “Core Value ของ RAVIPA คือเป็นจิวเวลรี่ที่มีความหมายทุกชิ้นงาน อย่างสร้อยข้อมือสายมูเพราะเราอยากให้คุณใส่แล้วเป็นกำลังใจให้ตัวเอง มันคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ถ้าตัดเรื่องมูเตลูออกไป มันคือเรื่องความเชื่อมั่นในตัวเอง คนเราไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยถ้าไม่มีความมั่นใจ สร้อยข้อมือนี้จึงเหมือนมาเติมจุดนั้นให้กับใจของเรา”

     “ต้องถามตัวเองว่าจุดมุ่งหมายในการทำธุรกิจคืออะไร  สามีความสุขทุกวันในการทำงานไม่ใช่ว่าเราทำตามเทรนด์หรืออะไร แต่มันมีความสุขทุกวัน ซึ่งสำคัญกว่าปลายทางด้วยซ้ำ เพราะเราไม่รู้ว่าวันไหนจะประสบความสำเร็จ อย่างสายังใช้เวลาเกือบ 10 ปีจนมาถึงจุดนี้ แต่บอกได้เลยว่าตลอดระยะทางมันมีความสุขตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังมีความสุข สาตื่นเช้ามาทำงานแบบที่ไม่รู้สึกว่าเฮ้ยต้องลุกแล้วเหรอ ไม่เคยมีความคิดนั้น สาก็เลยอยากแนะนำว่าทำในสิ่งที่ตัวเองรักมีความสุขก่อน  เวลามันเอากลับคืนมาไม่ได้  ฉะนั้นอยากให้เลือกในสิ่งที่คิดว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาแล้วอยากจะทำ”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup