Starting a Business

ผักพูนพูนด้วยใจยินดี ร้านอาหารมังฯ ที่หยิบไอเดียปิ่นโตจิ๋วเสิร์ฟลูกค้า ปังจนขายได้หลักพันเถาต่อวัน!

 

Text : Yuwadi.s

      แม้ว่าจะทำอาหารไม่เป็น แต่ด้วยแพสชันที่อยากให้คนไทยมีสุขภาพดี ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำร้านอาหารด้วยใจยินดีกลายเป็นร้านอาหารมังสวิรัติที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ รสชาติอร่อยแถมยังเต็มไปด้วยเมนูที่สร้างสรรค์ ที่สำคัญคือที่ร้านยังใส่ความสนุกลงไปให้ลูกค้ากับ “ปิ่นโตจิ๋ว” ที่ขายดิบขายดีหลักพันเถาต่อวันและนี่คือร้านผักพูนพูนด้วยใจยินดีที่ก่อตั้งโดย ปอย กมลกัญจน์ ทองวัฒนนันท์

เพราะอยากดูแลสุขภาพเลยกลายเป็นธุรกิจร้านอาหารมังสวิรัติ

     ปอยได้เล่าย้อนกลับไปว่าก่อนที่เธอจะเริ่มต้นทำร้านอาหารผักพูนพูนด้วยใจยินดี เธอทำธุรกิจ Flow House Bangkok ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายทางน้ำมาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอยังไม่ได้ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากนัก จนกระทั่งเธอตัดสินใจว่าอยากดูแลตัวเองให้มากขึ้น ทำให้เธอเริ่มหันมากินมังสวิรัติ กินอาหารคลีน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำร้านนี้

     “ก่อนหน้านี้ปอยทำสถานที่ออกกำลังกายทางน้ำ ก็จะเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้รักสุขภาพขนาดนั้น พอหลังจากนั้น เราอยากดูแลตัวเอง เริ่มหันมากินอาหารมังสวิรัติ กินคลีน เป็นจุดเริ่มที่ว่าเราอยากทำอาหารที่เรารู้ว่าเราใส่อะไรลงไป ด้วยความที่เราเป็นคนรักโลกร้อน แล้วการกินเนื้อสัตว์เยอะก็ทำให้โลกร้อนขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นวีแกน 100% แต่ก็จะมี 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ที่เรางดเนื้อสัตว์ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เราทำร้านผักพูนพูนด้วยใจยินดี”

     ด้วยความที่เธอทำอาหารไม่เป็น แต่ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน ทำให้เธอเริ่มต้นด้วยการวางแผน ทั้งการทำงาน เรื่องคน เรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงเมนูต่างๆ โดยเธอใส่ความเป็นตัวเธอลงไปในแต่ละเมนูของที่ร้าน

     “ตอนแรกที่ทำเราไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะ แต่เราก็วางแผน เรามีประสบการณ์ทำธุรกิจมาก่อน เรารู้สึกว่าจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เราต้องวางแผน ทั้งเรื่องคน ค่าใช้จ่าย การทำงาน เราจะดูจากตัวเราว่าเราชอบกินอะไร ใส่สิ่งที่เราอยากกินลงไป จริงๆ ตัวปอยไม่ได้ทำอาหารเป็น แต่เรามีเชฟ มีคนที่ทำอาหารเป็น เรารู้ว่ารสชาติจริงๆ ที่เราต้องการ ต้องการแบบไหน เราใส่ความเป็นเราลงไปในอาหารด้วย ทั้งการสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ออกมา”

     หลังจากนั้นก็กลายเป็นร้านผักพูนพูนด้วยใจยินดี ร้านอาหารมังสวิรัติที่เสิร์ฟอาหารอร่อย หลากหลาย เต็มไปด้วยเมนูที่สร้างสรรค์ มีทั้งอาหารใต้ อาหารอีสาน

     “ร้านผักพูนพูนด้วยใจยินดีจะเป็นเหมือนร้านอาหารมังสวิรัติที่ทำให้คนในครอบครัวกิน เพราะเราก็อยากจะรู้ว่าเราใส่อะไรลงไปแล้วเราอยากให้คนอื่นได้กินในสิ่งที่ดีด้วย เหมือนเราทำให้ครอบครัว ให้พ่อแม่พี่น้องกิน เราอยากส่งมอบสิ่งนี้ให้ลูกค้า เราใส่ใจวัตถุดิบ ใส่ใจทุกกระบวนการทำที่ส่งมอบให้ สิ่งที่ลูกค้าได้รับมันต้องดีกับเขาจริงๆ เมนูอาหารในร้านก็ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งภาคอีสาน ภาคใต้ รวมๆ กัน เราไปที่ไหนแล้วชอบก็จะหยิบจับเอาตรงนั้นมารวมกัน เช่น ร้านเรามีแกงเห็ดเผาะ มีใบเหลียงผัดไข่ ลาบเส้นแก้ว เราก็จะเพิ่มนั้นนี่ลงไปตามที่เราเคยไปกินมาแล้วมันเหมาะกับลูกค้าเรา เราก็จะเอามาปรับเป็นสูตรมังสวิรัติออกมา”

หยิบปิ่นโตจิ๋วเป็นเมนูเรียกรอยยิ้ม กระแสปังจนขายดีหลักพันเถา

     นอกจากเมนูอาหารในร้านแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ขายดีแบบฉุดไม่อยู่แถมยังเป็นกระแสแรงมากบนโลกออนไลน์นั่นคือ “ปิ่นโตจิ๋ว” แม้ว่าจะขนาดเล็กนิดเดียวแต่สามารถกินได้จริง โดยลูกค้าสามารถเลือกเมนูในร้านได้ตามใจชอบ ยกเว้นเมนูต้ม ราคาอยู่ที่เถาละ 39 บาท ปอยเล่าว่าขายได้ต่อวันประมาณ 1,000-2,000 เถา

     “ไอเดียปิ่นโตจิ๋วมาจากตอนที่เรามีโอกาสไปประชุมงานที่เกาหลีมา แล้วคาเฟ่ของคนเกาหลีเขาจะใส่ไอเดียลงไปเป็นตัวตนของตัวเอง มีร้านหนึ่งที่เราไปเจอ เขาทำเป็นครัวซองต์แต่เล็กมากๆ แล้วขายดีมาก เราก็เห้ย! เราต้องหาฮีโร่โพรดักส์ของเราหรือเปล่า เราอยากให้มันมีอะไรที่สนุกสนานขึ้นมาจากร้านเรา เราเลยทำขึ้นมา ช่วงแรกที่ทำก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมาก มีลูกค้าประจำซื้อไปถ่ายรูปแบบขำดี แต่มันเพิ่งจะมาแมสเมื่อไม่นานมานี้ เป็นกระแสจากที่ลูกค้ารีวิวใน TikTok แล้วกลายเป็นที่รู้จักเยอะขึ้นมากๆ ทีนี้ก็จะมีความดราม่านิดหนึ่ง เรื่องขยะ ไหนว่าจะลดโลกร้อน ภาชนะเป็นฟู้ดเกรดไหม เราก็ทำการบ้านของเรา ก็เอาแพ็คเกจจิ้งที่มีไปส่งตรวจให้ทุกคนสบายใจ แต่ปิ่นโตจิ๋วอันนั้นไม่ได้ใช้แล้ว เราเปลี่ยนเป็นกระดาษของร้านเราเองเพราะอยากลดโลกร้อนด้วย”

     แม้ว่าปอยจะมีประสบการณ์ทำธุรกิจมาก่อน แต่ธุรกิจอาหารเป็นครั้งแรกที่เธอลงมือทำ เธอได้แชร์ให้ฟังถึงความยากของการทำร้านอาหารว่าเป็นธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

     “ธุรกิจอาหารมันเป็นธุรกิจที่ใครๆ ก็ทำได้ วันนี้อยากเปิดร้านอาหาร ทุกคนทำได้ แต่จริงๆ มันมีอะไรเยอะกว่านั้น ความยากมันคือเราต้องวางแผนมาดีมากๆ ต้องคุมต้นทุนอาหาร คุมวัตถุดิบเน่าเสีย คุมคุณภาพสินค้า คุมพนักงาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราทำธุรกิจอาหารเหมือนกัน เราก็ต้องเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตลอดเวลา มีช่วงหนึ่งที่มะนาวเปรี้ยวมากๆ เราใช้ปริมาณเท่าเดิมแล้วลูกค้าคอมเพลน หรือบางทีผักก็รสชาติไม่เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เราต้องปรับตลอดเวลา เราก็ยังเรียนรู้กับมันอยู่และคอยแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ”

     โดยเธอได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจให้ฟังว่าสิ่งสำคัญคือการมอบอาหารที่ดีให้ลูกค้าได้กิน เพราะอาหารสำคัญมากในการใช้ชีวิต ถ้าอาหารที่ได้รับเข้าไปในร่างกายดี ก็ส่งผลให้จิตใจดีและเข้มแข็งตามไปด้วย

     “ปอยไม่ได้มองกำไรอย่างเดียวในธุรกิจนี้ สิ่งที่เราต้องการคืออยากให้คนไทยสุขภาพดี พอสุขภาพดี จิตใจก็จะดีไปด้วย สิ่งสำคัญในชีวิตคือสุขภาพและจิตใจที่เข้มแข็ง ชีวิตคนเราประมาณ 70% มาจากอาหารที่เราบริโภคเข้าไป พออาหารที่เรากินเข้าไปมันดี ก็ทำให้เราพร้อมไปเจอกับอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตอีกเยอะมาก”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup