Tech Startup

รู้จัก “จาง อี้หมิง” ผู้อยู่เบื้องหลัง TikTok แอปฯ ที่ถูกดาวน์โหลดมากถึง 2 พันล้านครั้ง

Text : Vim Viva
 

 
 
Main Idea
 
  • ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียที่กำลังได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานหน้าใหม่มากที่สุดในขณะนี้เห็นจะไม่มีใครเกิน TikTok แอปฯ วิดีโอสั้นที่ตอบโจทย์และโดนใจคนรุ่นใหม่มากมาย
 
  • แม้จะเปิดตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วก็ทำให้ TikTok เป็นที่จับตามอง ปัจจุบันแอปฯ จากจีนดังกล่าวมีสำนักงานใน 50 กว่าประเทศทั่วโลก และให้บริการใน 154 ประเทศ มียอดดาวน์โหลดมากสุดในโลกถึง 2,000 ล้านครั้ง
 
  • แต่มีสักกี่คนที่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ปลุกปั้นแอปฯ จากจีนให้ดังไกลไปทั่วโลกคือสุภาพบุรุษวัย 37 ปีมีนามว่า จาง อี้หมิง มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งลำดับ 10 ของจีนด้วยทรัพย์สินมูลค่า 22,600 ล้านดอลลาร์    
 



     จำนวนการดาวน์โหลดแอปฯ TikTok  1,570 ล้านครั้ง เกือบครึ่งหรือ 689 ล้านครั้งเกิดขึ้นในปี 2019 ทำให้ TikTok กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก และช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด ยอดดาวน์โหลดแอปฯ นี้แตะที่ 2,000 ล้านครั้ง ขึ้นแท่นแอปฯ ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในโลกแซงหน้า WhatsApp ไปเรียบร้อย
 
     ความสำเร็จของ TikTok ส่งผลให้ไบต์แดนซ์ (Bytednce) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขึ้นแท่น Tech Startup ที่มีมูลค่าสูงกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปีที่ผ่านมา ไบต์แดนซ์ทำกำไรสุทธิ 3,000 ล้านดอลลาร์จากรายได้ 17,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนหน้าเกินเท่าตัว
 
     ในขณะที่ชื่อของ TikTok เป็นที่รู้จักและจดจำ แต่มีสักกี่คนที่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ปลุกปั้นแอปฯ จากจีนให้ดังไกลไปทั่วโลกคือสุภาพบุรุษวัย 37 ปีมีนามว่าจาง อี้หมิง มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งลำดับ 10 ของจีนด้วยทรัพย์สินมูลค่า 22,600 ล้านดอลลาร์   
 
     แม้จะกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่จาง อี้หมิงกลับไม่ค่อยเปิดเผยชีวิตส่วนตัวสักเท่าไร เส้นทางความสำเร็จของวิศวกรหนุ่มคนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เขาผ่านการลองผิด ลองถูก ได้มาก็เยอะ สูญเสียก็มาก ไปดูกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาทำได้อย่างไร เหตุใดจึงสามารถก้าวแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่างเท็นเซนต์ โฮลดิ้งส์ และไชน่า คอร์ปอเรชั่นได้



 

     จาง อี้หมิงเกิดเมื่อปี 1983 ที่มณฑลฝูเจี้ยน บิดามารดารับราชการ บิดาเคยเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลดูแลงานด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ก่อนออกมาเปิดโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมารดาเป็นพยาบาล สมัยวัยเด็กเขาได้รับการปลูกฝังในเรื่องของธุรกิจหรือการเป็นผู้ประกอบการ โดยบิดามารดามักเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์บางอย่างอันเป็นความสำเร็จของบุคคลอื่น ทำให้เขาซึมซับเรื่องธุรกิจและนวัตกรรมมาตลอด
 
     ปี 2001 จางเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหนานกายในเมืองเทียนจินโดยเลือกวิชาเอกไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนเปลี่ยนไปเรียนวิศวกรรมซอฟต์แวร์ กระทั่งจบการศึกษาในปี 2005 และได้ทำงานแห่งแรกในฐานะวิศวกรดูแลระบบที่ Kuxun บริษัท Startup เกี่ยวกับการค้นหาตั๋วโดยสาร เจ้านายชื่นชอบผลงานของเขามาก ทำให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคในเวลาเพียงปีเดียว
 
     จางเล่าว่าเขาเรียนรู้และได้ประสบการณ์จากบริษัทแรกที่ทำงานเยอะมาก โดยเฉพาะทักษะด้านการขายเนื่องจากเขาต้องตามฝ่ายขายออกไปพบปะลูกค้าบ่อยๆ ทำให้ทราบว่าการขายที่ดีเป็นแบบไหน นั่นเป็นประสบการณ์ที่เขาเก็บเกี่ยวมาใช้หลังจากที่ออกมาเปิดบริษัทไบต์แดนซ์ของตัวเอง
 
     เสิร์ชเอ็นจิ้นของ Kuxun ก็เหมือนเสิร์ชเอ็นจิ้นอื่นๆ ที่ผู้ใช้งานต้องลงทะเบียนและกรอกข้อมูลทุกครั้งที่ต้องการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ หรือเช็คหาตั๋วโดยสารที่มีคนนำมาขายต่อแบบเรียลไทม์ แต่จางต้องการระบบที่แจ้งเตือนทุกครั้งที่มีตั๋วโดยสารจำหน่ายโดยไม่ต้องเข้าไปค้นหาเอง
 
     ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้เวลาช่วงพักกลางวันลองเขียนโปรแกรมขึ้นมา และพบว่ามันใช้งานได้ดี ระบบแจ้งเตือนเข้ามายังมือถือของเขาว่าตั๋วรถไฟที่เขาต้องการมีขายที่ใดบ้างโดยที่เขาไม่ต้องเฝ้าเช็คหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลังจากวันนั้น จางก็เฝ้าคิดถึงวิธีการที่จะเข้าถึงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ปี 2006 จางลาออกจาก Kuxun ไปทำงานที่บริษัทไมโครซอฟท์ เขาอยากรู้ว่าองค์กรใหญ่ๆ บริหารธุรกิจอย่างไร แต่กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกอึดอัดกับกฎระเบียบต่างๆ และการต้องทำงานซ้ำๆ     
 
     ไม่นานเขาออกจากไมโครซอฟท์ไปเริ่มงานใหม่ที่ Fanfou เป็น Startup ที่ทำโซเชียลมีเดียคล้ายทวิตเตอร์ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่แจ้งเกิด กระทั่งสองปีต่อมา ช่วงปลายปี 2009 มีข่าวว่า Kunux จะขายธุรกิจให้ Expedia ซึ่งเป็น Startup เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเจ้าดัง จางจึงเข้าไปรับช่วงต่อโดยเทกโอเวอร์ธุรกิจค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับตั้งบริษัท 99fang.com ขึ้นมาเป็นบริษัทแรก ระหว่างนั้น เขาเริ่มสังเกตว่าผู้คนเริ่มเปลี่ยนจากคอมพิวเตอร์เป็นการใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น เขาจึงพัฒนา 99fang.com ให้ใช้งานกับระบบมือถือ
 
     ภายในเวลา 6 เดือน เขาก็พัฒนาแอปพลิเคชั่นออกมา 5 แอปฯ รวมถึงแอปฯ เช่าบ้าน แอปฯ ซื้อบ้าน จนในที่สุดแอปฯ ที่พัฒนาขึ้นก็มีผู้ใช้งานทะลุ 1.5 ล้านคน และ 99fang ก็กลายเป็นแอปฯ ด้านอสังหาริมทัพย์ที่ได้รับความนิยมที่สุด แต่จางไม่หยุดแค่นั้น เขาต้องการพัฒนาแพลทฟอร์มที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นโดยมีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (artificial intelligence) เข้ามาเกี่ยวข้อง จางตัดสินใจจ้างซีอีโอให้มาบริหาร 99fang.com แทนเพื่อที่ตัวเขาจะไปทุ่มเทช่องทางอื่น
 
     ปี 2012 เขาตั้งบริษัทไบต์แดนซ์ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อพัฒนาเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนโดยมี AI ทำหน้าที่คัดเลือกให้ว่าผู้ใช้มือถือน่าจะสนใจข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ถือว่าล้ำมาก และปัจจุบันก็ใช้กันแพร่หลายมาก จางได้ระดมทุนจาก VC (venture capitalist) มีทุนไหลเข้ามา 2 รอบรวมเกือบ 17 ล้านดอลลาร์ ในปีเดียวกันนั้น เขาก็เปิดตัวแอปฯ ข่าว  Toutiao ที่มีผู้ใช้งานทุกวันมากกว่า 13 ล้านคน จากนั้นก็มีเงินทุนเข้ามาอีก 100 ล้านดอลลาร์ จางจึงต่อยอดไปยังแอปฯ  Toutiaohao ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ influencer ในสังคมแง่มุมต่างๆ และแอปฯ Toutiao Video ที่เอื้อให้ผู้ใช้งานโหลดคลิปความยาว 2-5 นาที
 
     คราวนี้มาถึงคิวของ TikTok ที่แจ้งเกิดไม่เฉพาะในจีนแต่กลายเป็นกระแสในต่างประเทศ จุดเริ่มต้นมาจากไบต์แดนซ์เข้าไปซื้อ Flipagram สตาร์ทอัพในลอสแองเจลิสซึ่งพัฒนาแอปฯ ที่ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนภาพถ่ายเป็นภาพสไลด์หรือวิดีโอ ช่วงนั้น แอปฯ  Snapchat ของอเมริกากำลังได้รับความนิยม จางจึงพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้าไป เช่น คลิปลิปซิงค์  คลิปตลก และคลิปแสดงความสามารถ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ แอปฯ นี้จะฝัง AI เพื่อจับคู่ผู้ใช้งานกับคอนเทนต์ที่คิดว่าอยู่ในความสนใจของผู้ใช้ 
 
     เพียง 200 วัน แอปฯ  Douyin ก็เปิดตัวครั้งแรกในตลาดจีนเมื่อเดือนกันยายน 2016 ในระยะเวลา 1 ปี จำนวนผู้ใช้เติบโตเข้าสู่ตัวเลข 100 ล้าน โดยมีคลิปถูกเปิดชมวันละกว่า 1,000 ล้านคลิป หลังจากเห็นกระแสตอบรับดี จางจึงตั้งเป้าปั้น Douyin เข้าสู่ตลาดโลก แอปฯ  TikTok ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสากลของ Douyin จึงเปิดตัวในปี 2017 เน้นตลาดเอเชีย และสหรัฐฯ ทั้งนี้ TikTok เป็นแอปฯ ที่ไม่สามารถเล่นในจีนได้ ข้อมูลต่าง ๆ จึงถูกจัดเก็บนอกประเทศจีน  
 
     หลังจากเปิดตัว TikTok ได้เพียง 2 เดือน ไบต์แดนซ์ก็ทุ่มงบสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ซื้อ Startup ชื่อ Musical.ly ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นในสหรัฐฯและยุโรป แอปฯ ดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้แสดงความสามารถด้านการร้องรำทำเพลงผ่านคลิปสั้น แต่จางมองว่าหากต้องการฐานผู้ใช้ที่เป็นวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่เป็นฐานใหญ่ก็ถือว่าคุ้ม เมื่อ TikTok ถูกควบรวมเข้ากับ Musical.ly  ก็กลายเป็นแอปฯ ที่มีคนดาวน์โหลดมากเป็นอันดับ 3 รองจาก WhatsApp และ Facebook Messenger
 
     และในปี 2019 ที่ผ่านมานี่เองที่จู่ๆ TikTok ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก ที่มีจำนวนการดาวน์โหลด 1,570 ล้านครั้ง เกือบครึ่งหรือ 689 ล้านครั้งเกิดขึ้นในปี 2019 และที่มีการระบาดของไวรัสโควิด ยอดดาวน์โหลด TikTok แตะที่ 2,000 ล้านครั้ง ขึ้นแท่นแอปฯ ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในโลกแซงหน้า WhatsApp ไปเรียบร้อย ถือเป็นแอปฯ ที่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้งานอย่างมากระหว่างกักตัวจากโควิด
 
     ในวัย 37 ปี นอกจากไม่วางมือง่ายๆ ดูเหมือนจาง อี้หมิงยังกระหายที่จะขยายอาณาจักรไบต์แดนซ์ให้เป็นผู้นำด้านแพลทฟอร์มคอนเทนต์ ดังจะเห็นได้จากการกว้านซื้อธุรกิจของ Startup ที่น่าสนใจและการเปิดตัวแพลทฟอร์มใหม่อยู่ เรื่อย จางเผยว่าเขามีกูเกิ้ล ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอ็นจิ้นของอเมริกาเป็นแบบอย่าง เนื่องจากกูเกิ้ลเป็นบริษัทไร้พรมแดน สักวันหนึ่งเขาก็อยากให้บริษัทเขาเป็นเช่นนั้น เพิ่มเติมคือความหวังที่จะได้ทำสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup