Text: VaViz
ไม่ฝังกลบทำปุ๋ย ก็ใช้เลี้ยงสัตว์ หนักกว่านั้นคือเผาจนเกิด PM2.5 เรียกว่าเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตากับวิธีจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นแกลบ ฟางข้าว หรือชานอ้อย แต่วันนี้มีทางออกที่เจ๋งและดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่านั้น เพราะของเหล่านี้กำลังจะกลายเป็น Material ตัวใหม่สุดล้ำค่าให้แก่วงการจิวเวลรี่โลกก็ว่าได้
โดยความคิดบรรเจิดนี้เป็นของทีมนักศึกษาไทย สาขาวิชาวิศวกรรมเซรามิก สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่ได้ทำการคิดค้นวิจัยทางเคมีเปลี่ยน 3 วัสดุเหลือใช้ทางเกษตรดังกล่าวให้กลายเป็นอัญมณีสุด Wow!
สำหรับใครที่สงสัยว่า มันจะแทนกันได้ยังไง? เด็กๆ เขาเฉลยให้ฟังแล้วว่า แกลบและเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรส่วนมากมักมีปริมาณซิลิก้าสูง ซึ่งเป็นสารประกอบที่พบในอัญมณีธรรมชาติ จึงสามารถนำมาพัฒนาเป็นอัญมณีแก้วเซรามิก ด้วยการคำนวณสูตรเคมีของสารประกอบและสังเคราะห์ตามหลักวิศวกรรมเซรามิกได้
โดยการผลิตนั้นจะเริ่มต้นด้วยการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาเผาแคลไซน์ในเตาที่ควบคุมอุณหภูมิที่ 300, 500 และ 700 องศาเซลเซียส เพื่อเปลี่ยนเป็นเถ้าคุณภาพสูงที่เหมาะสำหรับการผลิตแก้วเซรามิก
จากนั้นจะนำเถ้าที่ได้มาบดละเอียดและผสมกับสารประกอบต่างๆ ที่ช่วยเสริมคุณสมบัติ เช่น เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความวาวของแก้ว โดยส่วนผสมทั้งหมดจะได้รับการคำนวณตามหลักวิศวกรรมเซรามิกและสูตรเคมีที่อ้างอิงจากอัญมณีธรรมชาติ
ถัดมาจะเป็นการนำส่วนผสมดังกล่าวไปหลอมในเตาเผาที่อุณหภูมิ 1,300 องศาเซลเซียส จนกลายเป็นน้ำแก้วคุณภาพสูง โดยน้ำแก้วที่ได้จะถูกเทหล่อในบรรยากาศปกติ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “การเคว้น” ซึ่งจะช่วยให้น้ำแก้วเย็นตัวอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง กระบวนการนี้จะทำให้แก้วมีความใสและมีความแข็งแรง
หลังจากหล่อแก้วสำเร็จแล้ว อัญมณีแก้วเซรามิกจะถูกนำเข้าเตาอบอ่อนที่อุณหภูมิ 550 องศาเซลเซียส เพื่อลดรอยแตกร้าวและเพิ่มความทนทาน โดยกระบวนการนี้จะปล่อยให้อัญมณีค่อยๆ เย็นตัวลงอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงและความเสถียรของแก้ว
เท่านี้ก็จะได้อัญมณีแก้วเซรามิกที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่ง ทนทาน และเหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว
เท่านั้นไม่พอ ยัง Cool! ได้อีก เมื่อสีของอัญมณีจาก Waste ทางการเกษตรเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอุณหภูมิการเผา โดยการเผาที่อุณหภูมิต่ำจะให้สีแดงคล้ำคล้ายโกเมน ขณะที่การเผาที่อุณหภูมิสูงจะได้สีใส นอกจากนี้ สีของอัญมณียังขึ้นอยู่กับแร่ธาตุที่พืชได้ดูดซับไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก นิกเกิล คอปเปอร์ หรือแมงกานีส
นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่ต่อไปเราจะได้เห็นการเปลี่ยนขยะเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีจำนวนมหาศาลในแต่ละปีให้กลายเป็นวัสดุคุณภาพสูง โดยมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับอัญมณีธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลดการเผาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหล่านี้อีกด้วย เช่น แกลบที่ซื้อมาในราคากิโลกรัมละ 4 บาท สามารถนำมาทำเป็นอัญมณีได้ประมาณ 20 เม็ด โดยอัญมณีแต่ละเม็ดสามารถขายได้อย่างน้อย 1,200 บาท หรือคิดง่ายๆ ได้ว่าแกลบ 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาทำเป็นอัญมณีแล้วจะได้ราคาสูงถึง 24,000 บาทเลยทีเดียว
ดังนั้น โอกาสที่จะได้เห็น Material ใหม่ๆ ที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและลด Waste ทางการเกษตรคงมีให้เห็นกันมากขึ้น ซึ่งจะดียิ่งกว่านั้น ถ้าในทุกขั้นตอนของกระบวนการรังสรรค์อัญมณีจะสร้างให้เกิดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และมลภาวะต่อโลกใบนี้ให้น้อยที่สุด
ที่มา: Matichon Online, MGR Online, โคราช...เว้ยเฮ้ย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี