Text: VaViz
เวลาที่อยากโฟกัสกับงานมากขึ้น วิธีคลาสสิกที่มักผุดขึ้นในหัวของใครหลายคน หนีไม่พ้น เทคนิคอย่าง Pomodoro ที่จะแบ่งการทำงานออกเป็นช่วงสั้นๆ คือ 25 นาที แล้วพัก 5 นาที โดยทำซ้ำแบบนี้ 4 ครั้ง แล้วพักยาว 15 - 30 นาที ซึ่งแม้ว่าจะใช้ได้ดีและถูกใจคนไม่น้อย แต่เมื่อมีการนับถอยหลังให้เห็นกันแบบโต้งๆ กลับสร้างความเครียดและรู้สึกกดดันขึ้นมาแทน
เท่านั้นไม่พอ เมื่อบางงานอาจต้องใช้สมาธิยาวกว่า 25 นาที แต่พอได้ยินเสียงปลุกทีไร สมาธิก็เด้งหลุดไปตามกัน แถมยังต้องพึ่งการเปิดแอปฯ ในมือถือหรือในคอมทิ้งไว้ เพื่อจับเวลาตลอดวัน ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้ Nyckle Sijtsma ผู้ก่อตั้ง New Things Lab สตูดิโอออกแบบในประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำการคิดค้น “ZONE” หรือตัวจับเวลาแบบใหม่ ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีสมาธิ โดยไม่ต้องวอกแวกกับสิ่งรบกวนต่างๆ
แล้วมัน Wow ยังไง? ต้องบอกก่อนว่า ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ตัวช่วยนี้ตัดทุกอย่างที่ดูวุ่นวายออกไป ตัว ZONE เลยมาในลักษณะของลูกบาศก์ขนาดกะทัดรัดหุ้มด้วยซิลิโคน ที่หน้าจอจะโชว์แค่ตัวเลขแบบนาทีเท่านั้น ซึ่งแต่ละด้านจะสามารถตั้งเวลาให้นานเท่าที่เราต้องการได้จากที่เซ็ตมาเป็นมาตรฐานให้ที่ 5, 10, 25 และ 60 นาที
การใช้งานก็สุดจะง่าย แค่หมุน (หรือบางคนอาจจะเรียกว่าพลิก) ไปด้านเวลาที่ต้องการ เจ้านาฬิกาจิ๋วนี้ก็จะนับเวลาถอยหลังให้ทันที เพื่อให้เราโฟกัสกับงานได้อย่างเต็มที่ และเมื่อหมดเวลาก็จะทำการแจ้งเตือนด้วยเสียงอันนุ่มนวล เพื่อป้องกันผู้ใช้สมาธิแตกกระเจิงเมื่อได้ยินเสียงปลุก โดยสามารถปรับความดังได้ถึง 7 ระดับ หรือว่าถ้าออกไปนั่งทำงานนอกบ้านก็สามารถเปลี่ยนเป็นระบบสั่น จะได้ไม่รบกวนคนอื่นได้ด้วย
และที่หลายคนยกนิ้วให้สุดๆ คือ การใช้ “ZONE” ร่วมกับ “Focus Bundle” หรือกระดานไวท์บอร์ดกระจก 4 แผ่นเล็กๆ ที่ใช้ซ้ำได้ไม่รู้จบ แทนการใช้โพสต์อิทหรือสมุดโน้ตแบบใช้แล้วทิ้ง เพื่อลดขยะกระดาษและสนับสนุนแนวคิดความยั่งยืน ซึ่งมาพร้อมกับฐานวางไม้ไผ่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางแผนงาน เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ จด To-Do List หรือวาดเล่น เพื่อพักสมองที่ครบจบในที่เดียว
ความเรียบง่ายของ ZONE ท่ามกลางความวุ่นวายของโลกดิจิทัล สะท้อนให้เห็นว่า บางครั้งสิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่เวลาที่มากขึ้น แต่คือพื้นที่เล็กๆ ที่ให้เราได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น นี่จึงไม่ใช่แค่อุปกรณ์เทคโนโลยีอีกชิ้นหนึ่ง แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรากลับมามีสมาธิและทำงานได้อย่างมีความหมายมากขึ้นในทุกๆ วันนั่นเอง
ที่มา: New Things Lab, Kickstarter, designboom
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี