Game On... คิดแบบ ไผท ผดุงถิ่น เปิดเกมให้ SME สู้ยักษ์ใหญ่ด้วย AI

Text : Ratchanee P.


      “โอกาสไม่ได้อยู่ที่ขนาดธุรกิจ แต่อยู่ที่ความกล้าในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง”

     ในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเคลื่อนไหวเร็วกว่าความคิด การถือกำเนิดของ Generative AI ได้กลายเป็น “สัญญาณเริ่มเกม” ที่เปิดสนามให้ทุกคนลงแข่งขันในเงื่อนไขเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรระดับพันล้านหรือธุรกิจ SME วันนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมือเดียวกันได้ในราคาหลักร้อยเหรียญต่อเดือน  

     ในงานสัมมนา SME Thailand Future Day 2026: Recode Your Game. Reset Your Biz ที่จัดขึ้นโดย SME Thailand ไผท ผดุงถิ่น CEO และผู้ก่อตั้ง Builk One Group ได้ชี้ให้เห็นมุมมองใหม่ของการใช้ AI ในฐานะ “ผู้ช่วย” ที่ยกระดับทั้งประสิทธิภาพและกำไรของธุรกิจ   

โอกาสของ SME ในสงครามธุรกิจยุค AI

     “ไม่มีจังหวะไหนแล้วที่จะแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ได้ดีขนาดนี้ แล้วทุกวันคือวันแห่งโอกาส ซึ่งวันนี้ดีกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วมาก เพราะ Gen AI ที่ทุกคนเข้าถึงได้ในราคาเพียง 200 เหรียญต่อเดือน เหมือนมีเด็กปริญญาโทหรือปริญญาเอกมาช่วยทำงานให้เรา”

     ไผท กล่าวเช่นนั้น ก่อนที่จะอธิบายต่อไปว่า นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้ “ธุรกิจเล็ก” และ “ธุรกิจใหญ่” สามารถใช้เครื่องมือเดียวกันได้ สิ่งที่ต่างกันจึงไม่ใช่ “การเข้าถึง” แต่คือ “วิธีที่เราเลือกใช้ต่างหาก”

     AI จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หากแต่เป็นตัวเร่งที่สามารถผลักดันธุรกิจจากหลักสิบล้านสู่หลักร้อยล้านได้ หากผู้ประกอบการกล้าที่จะเริ่มต้นและเปลี่ยนแปลงก่อนใคร เพราะในสนามธุรกิจยุคใหม่ “คำว่า Game On คือการยิงปืนเริ่มต้น คนที่ก้าวออกไปก่อนย่อมได้เปรียบ และบางคนอาจทิ้งห่างได้ตลอดทาง”

     อย่างไรก็ตาม ไผท กล่าวว่า “ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากผู้นำ และทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีความเจ็บปวดเสมอ คนที่ควรเจ็บปวดก่อนคือ ‘ลูกพี่’ ไม่ใช่ลูกน้อง เพราะถ้าผู้นำไม่เริ่มเปลี่ยน องค์กรก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้”

     นอกจากนี้ ข้อได้เปรียบของ SME คือ “ความคล่องตัวปรับเปลี่ยนได้ง่าย” ซึ่งกลายเป็นอาวุธสำคัญที่สุดในยุคนี้ “เมื่อก่อนเราอาจคิดว่าเราแข่งไม่ได้เพราะเราไม่มี แต่วันนี้มีโอกาส เราจะใช้โอกาสความไม่มีนี่แหละปรับตัวได้ไวกว่า”

วัดระดับการใช้ AI ธุรกิจคุณอยู่ตรงไหนในเกมนี้แล้ว?

     “วันนี้องค์กรของคุณใช้ AI อยู่ในระดับไหน?”
คำถามนี้กำลังกลายเป็นตัวชี้วัดศักยภาพการแข่งขันขององค์กรในยุคใหม่อย่างแท้จริง

     ไผทอธิบายว่า หากแบ่งระดับการใช้ AI ออกเป็น 6 ระดับ แต่ละระดับสะท้อนทั้ง “ความเข้าใจ” และ “การลงมือจริง” ที่ต่างกัน

          - Level 1 Un-Aware คือกลุ่มที่แทบไม่รู้จัก ไม่เคยทดลอง และไม่เคยใช้ AI เลย ซึ่งในยุคนี้แทบจะไม่มีใครอยู่ในระดับนี้อีกต่อไป เพราะ “AI ฟรีก็มีให้ใช้ คนไม่เคยลองแทบจะหาไม่ได้แล้ว” ส่วนคนที่เริ่มจ่ายเงินเพื่อใช้เครื่องมือเหล่านี้ มักเป็นคนที่ “เริ่มเห็นคุณค่า” และรู้ว่า AI ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพจริงๆ

          - Level 2 Aware มือใหม่ที่เริ่มใช้ AI แค่ถามตอบเรื่องง่ายๆ เช่น ใช้ ChatGPT เพื่อถามแทนการค้นหา หรือพิมพ์ถามเวลาขี้เกียจคิดอะไร

          - Level 3 Assistance ใช้ AI เป็นครั้งคราว เช่น ช่วยเขียนอีเมลหรือโพสต์คอนเทนต์ กลุ่มนี้มักจะเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ หรือคนทำงานสายการตลาดที่เริ่มนำ Generative AI มาช่วยในงานสร้างคอนเทนต์ แต่ยังใช้ในระดับส่วนบุคคล ไม่เชื่อมโยงกับระบบงานจริงจัง

          - Level 4 Al-Integrated Workflow ถูกฝังเข้าในระบบงานประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน เช่น งานเอกสาร การตรวจข้อมูล หรือการวิเคราะห์ ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นและคืนเวลาให้คนได้มากขึ้น

          - Level 5 Agent สร้าง Gen Al เหมือนเป็นพนักงาน ทำงานร่วมกับคน “เรามีพนักงานที่ไม่ต้องส่งประกันสังคม แต่ทำงานได้จริง เป็น Agent เฉพาะด้าน เช่น Agent ช่วยงานขาย Agent ตรวจเครดิตลูกค้า หรือ Agent ตรวจเอกสารกฎหมาย”

          - Level 6 Al-Automated Workflow ขั้นสูงสุดที่ระบบ AI หลายตัวสามารถสื่อสารและส่งต่องานกันเองได้ โดยแทบไม่ต้องใช้คนสั่งการอีกต่อไป

AI ผู้ช่วยที่สร้างกำไรและประสิทธิภาพให้ธุรกิจ

     ไผท เปิดมุมมองต่อเทคโนโลยี AI ในฐานะ “ผู้ช่วย” มนุษย์ เขาอธิบายว่า “เราจะแทนคนด้วย AI ทั้งหมดไม่ได้ แต่เราควรให้ AI ทำงานที่ไม่มีคุณค่า แล้วเก็บงานที่มีคุณค่าไว้ให้มนุษย์ เพราะงานที่ต้องอาศัยการสื่อสาร เข้าอกเข้าใจ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ยังคงเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีไม่อาจแทนได้”

     อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องอาศัย “ความพร้อมของมนุษย์” เป็นหัวใจสำคัญถ้ามนุษย์ไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง งานจำนวนมากก็จะถูกแทนที่โดยไม่รู้ตัว

     “ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณจะเลือกอะไร ระหว่างพนักงานเงินเดือน 30,000 บาท ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ที่อาจมีข้อผิดพลาดและดราม่าในออฟฟิศ กับ AI Agent ราคา 200 เหรียญต่อเดือน ทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่เหนื่อย ไม่บ่น และไม่มี Toxic”

      ไผทเชื่อว่าปัจจัยการผลิตในระบบเศรษฐกิจที่เคยมีเพียง 4 อย่างที่ดิน แรงงาน ผู้ประกอบการ และทุน กำลังจะเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง คือ AI

     “ในต่างประเทศ เขาพูดกันเยอะมากเรื่อง AI as a Resource” เขายกตัวอย่างว่าในบริษัทของเขาเอง เริ่มปรับโครงสร้างเป็น H.A.I.R. – Human AI Resource เพื่อสะท้อนแนวคิดการบริหาร “ทรัพยากรมนุษย์” ควบคู่กับ “ทรัพยากร AI” อย่างสมดุล “มนุษย์ต้องถูกฝึกให้ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงศักยภาพของมันออกมาได้สูงสุด”

      จากจุดนี้ เขาอธิบายว่า ทุกองค์กรต้องคิดบน “2 แกนหลัก” ที่เป็นหัวใจของการอยู่รอดในยุค AI ได้แก่

          - Profitability (ความสามารถในการทำกำไร) องค์กรต้องตั้งคำถามใหม่ว่า “เราจะเพิ่มกำไรได้อย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุน” ซึ่ง AI สามารถเข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความแม่นยำ และเปิดช่องทางรายได้ใหม่ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม

          - Productivity (ประสิทธิภาพในการทำงาน) Productivity คือ Output หารด้วย Input  และในโลกที่ AI เข้ามาอยู่ในระบบงานจริง ประสิทธิภาพนี้สามารถเพิ่มขึ้นได้มหาศาล  

     “เมื่อก่อนเราต้องอดหลับอดนอนเพื่อคิดแผน วันนี้ให้ AI สร้างตัวเลือกให้เราตัดสินใจได้เลย แต่สุดท้าย มนุษย์ยังคงเป็น Final Gate ของการตัดสินใจ เพราะ AI ช่วยคิดได้ แต่ยัง ‘ทำ’ ไม่ได้”

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้จริงในหลายด้าน เช่น

          - สายการตลาด (Marketing) ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาด เขียนร่างคอนเทนต์ และวัดผลแบบเรียลไทม์  เช่น Research & Insight ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล ผลคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 20% ขณะที่การทำ Strategy Planning ใช้ AI เสนอแนวทาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 15% ส่วนการวางแผนปรับกลยุทธ์ Measurement ใช้ AI รวบรวมและวิเคราะห์ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพถึง 20%

          - สายงานขาย (Sales) ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังกว่า 20 ปี เพื่อวางกลยุทธ์เฉพาะลูกค้าแต่ละราย รวมถึงสรุปการประชุมอัตโนมัติ ทำให้ทีมขายมีเวลาโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์มากขึ้นถูกใช้วิเคราะห์ข้อมูล เช่น

     การกำหนดเป้ายอดขาย วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง ผลคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 20% การวางกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ ใช้ AI เสนอแนวทางช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 15% เป็นต้น

ให้ AI ทำในสิ่งที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำ

     สุดท้าย ไผทย้ำว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ใช้ AI ได้ แต่ต้องรู้ว่างานไหนควรให้ AI ทำแทน

     “งานซ้ำซาก งานที่ทำทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน งานที่ไม่มีคุณค่าทางความคิด เช่น การเคลมเงิน การคีย์ข้อมูล หรือการย้ายไฟล์จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือการค้นหาข้อมูลจำนวนมากในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ งานแบบนี้ควรให้ AI ทำแทนมนุษย์”

     เพราะเวลาคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในองค์กร

     “การปลดปล่อยคนจากงานซ้ำซาก คือการคืนเวลาให้พวกเขาได้คิดสิ่งใหม่ ทำสิ่งใหญ่ และสร้างความแตกต่าง”

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
  

RECCOMMEND: TECH

ZONE นาฬิกาจับเวลาถอยหลัง ตัวช่วยเพิ่มสมาธิแบบใหม่ ทำงานได้แบบไม่หลุดโฟกัส  

พาไปรู้จัก “ZONE” หรือตัวจับเวลาแบบใหม่ ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีสมาธิ โดยไม่ต้องวอกแวกกับสิ่งรบกวนต่างๆ

ที่คีบบอกความสุก ไอเดียเจ๋งเพื่อคนพิการทางสายตา หมดห่วงกินของไหม้ เนื้อสุกๆ ดิบๆ แบบที่เคย

พาไปรู้จัก “เครื่องวัดอุณหภูมิเนื้อสัตว์สำหรับคนพิการทางสายตา” หรือพูดง่ายๆ ว่าคือ ที่คีบช่วยบอกความสุกว่า เนื้อชิ้นที่กำลังปิ้งหรือย่างอยู่นั้นสุกดีแล้วหรือยัง

มุกป๊อป ไข่มุกจากสมุนไพรไทย ความสนุกใหม่ที่สาวกชานมไข่มุกต้องลอง

ไอเดียเด็ดๆ ที่อยากให้คนไทยไม่ติดหวาน ลดการกินแป้ง จึงนำสารสกัดจากขมิ้นชัน สาหร่ายสีแดง (แอสต้าแซนทีน) พลูคาว เปลือกผลเมล็ดกาแฟ และชาเขียวมาทำเป็นไข่มุกแนวใหม่ในรูปแบบเม็ดมุกป๊อป