ส่อง 4 นโยบาย “ดีพร้อมแคร์” ทุ่มงบกว่า 500 ล้าน หนุนภาคธุรกิจให้เติบโตและสร้างมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท

 

 

     นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีเมื่อภาครัฐ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม เปิดแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจอุตสาหกรรมผ่านนโยบาย “ดีพร้อมแคร์ : DIPROM CARE” สนับสนุนภาคธุรกิจให้เติบโต ผ่านหลากฟังก์ชัน “ตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง การสร้างเครือข่ายนานาชาติ” พร้อมโกออนทันที  ระบุตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 16,000 ราย และสร้างมูลค่าไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท

     ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 หลายธุรกิจอุตสาหกรรมเริ่มมีการฟื้นตัวและส่งสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น โดยกลุ่มที่สำคัญอย่าง MSMEs พบว่าวิสาหกิจขนาดย่อย (Micro) มีการฟื้นตัวค่อนข้างเร็วประมาณร้อยละ 8 เนื่องด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐ ขณะที่กลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อม (SEs) ยังคงฟื้นตัวได้ช้า โดยมีปัจจัยสำคัญคือขาดเงินทุนหมุนเวียน ส่วนในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง (MEs) ยังคงฟื้นตัวได้แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งมีแรงบวกจากภาคการส่งออก และเงินทุนหมุนเวียนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง

     ทางด้านอุตสาหกรรมในภาพรวมพบว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมสามไตรมาสแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 5.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 7.4 และภาคการผลิตกำลังกลับมาฟื้นตัวเนื่องด้วยตลาดส่งออกขยายตัวจากมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ

     โดยประเภทของอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการผลิตในภาคการเกษตรเนื่องด้วยอัตราความต้องการในการบริโภคที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง

     นอกจากนี้ ดร.ณัฐพล ยังกล่าวว่า จากสองปีที่ผ่านมาจะเห็นเทรนด์เกิดธุรกิจรายเล็กๆ ขึ้นมาใหม่และเติบโตได้ดี เกิดเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากพนักงานที่ลาออกจากออฟฟิศหรือหันมาทำธุรกิจของตัวเอง

     ด้วยสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ที่เปลี่ยนไปทำให้ดีพร้อม เล็งถึงโอกาสในการเร่งฟื้นฟูและพัฒนาผู้ประกอบการหลังจากได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาให้ตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติผ่านแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565 ภายใต้ นโยบาย “DIProm CARE: ดีพร้อม แคร์” ดังนี้

Customization – แคร์…ตรงประเด็น

     การวิเคราะห์ผลกระทบ ความเสี่ยง หรือปัจจัยโดยรวมที่มีผลต่อการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง โดยจะนำศาสตร์ Shindan   ซึ่งเป็นศาสตร์การวินิจฉัยจากญี่ปุ่นมาช่วยในการเจาะลึกต้นตอของปัญหาธุรกิจ พร้อมทั้งช่วยออกแบบหรือสรรหาเครื่องมือเทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับระดับของสถานประกอบการตลอดจนวิเคราะห์ และช่วยทำแผนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเชิงพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามบริบทที่แท้จริง

Accessibility – แคร์…ทุกการเข้าถึง

     เนื่องด้วยการกระจุกตัวของของหน่วยงานด้านความช่วยเหลือภาคธุรกิจ และการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่ในส่วนกลาง ตลอดจนการเริ่มกระจายตัวของผู้ประกอบการที่ขยายไปสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้น ดีพร้อมจึงได้ขยายช่องทางการเข้าถึงทั้งที่เป็นเครื่องมือ บุคลากรในการให้คำปรึกษา รวมถึงโครงการและศูนย์การส่งเสริมไปสู่ระดับภูมิภาคเพื่อให้ทุกกลุ่มธุรกิจ และวิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าถึงการสนับสนุนได้อย่างเท่าเทียม โดยมีตัวอย่างเช่น  Diprom E-service หรือการนำระบบ Online มาใช้ในการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายทั้งในเรื่องการส่งเสริมองค์ความรู้ การให้คำปรึกษาทางไกล ฯลฯ ตลอดจนการจัดมหกรรมในด้านธุรกิจที่จะขยายไปสู่ระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

Reformation – แคร์…ทุกการเปลี่ยนแปลง

    เนื่องด้วยบริบทการดำเนินธุรกิจในยุค New Normal ที่ส่งผลให้การประกอบธุรกิจ
ต้องตระหนักและมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัญหาที่พบเจอของผู้ประกอบการ เช่น เทคโนโลยี การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับแต่ละตลาด หรือแม้แต่กระทั่งความสามารถของแรงงานในแต่ละภูมิภาคที่กลับคืนถิ่น ดีพร้อมจึงตระหนักและได้ปฏิรูปกลไกการดำเนินงานในภาพรวมของทุกโครงการ และการดำเดินงานศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคให้มีรูปแบบการทำงานที่สอดคล้องกับยุค New Normal หรือเศรษฐกิจวิถีใหม่ ตลอดจนเพิ่มบทบาทของศูนย์ฯ เพื่อทำใหHผู้ประกอบการสามารถเข้ามาใช้บริการได้อย่างครบวงจร

Engagement – แคร์…เครือข่ายและพันธมิตร

     เป็นการอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้านทั้งภาครัฐ
และเอกชน มาช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการใหม่ให้มีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้นในรูปแบบแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานเครือข่าย ตลอดจนการเชื่อมโยงพันธมิตรเพื่อจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านรูปแบบการจับคู่ธุรกิจ การทดสอบตลาด อีกทั้งยังได้ดึงความร่วมมือจากนานาชาติมาร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย เช่น สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) รวมถึงมีแผนจะขยายความสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไปประเทศอื่น ๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้ผลผลิตทางอุตสาหกรรมของไทยได้มีโอกาสก้าวสู่ตลาดโลกที่กำลังจะมีการเปิดประเทศมากขึ้น ในอนาคต

    ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้นโยบายดังกล่าวดีพร้อมได้วางรูปแบบและโปรแกรมสนับสนุนภาคธุรกิจ 4 ด้านประกอบด้วย

1. ด้านการสนับสนุนปัจจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบด้วย โครงการ CIV+ การยกระดับสินค้าและบริการในชุมชนท่องเที่ยวให้มีมูลค่าและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศรวมถึงสามารถดึงดูดการจ้างงานได้ โครงการถุงดีพร้อมช่วยธุรกิจชุบชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นการทดสอบตลาดผ่านถุงดีพร้อมและช่วยผู้ได้รับผลกระทบในวิกฤต การส่งเสริม E-Commerce 3.0 ในการยกระดับการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์พัฒนาผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งโครงการ Logistics-for-เกษตรอุตสาหกรรม เป็นการพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทาง อีกทั้งยังจะมีการดึงเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการนดำเนินธุรกิจด้วยการนำ Digital SI-for-SME โดยการเชื่อมโยงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพด้านออโตเมชันมาสนับสนุนการประกอบการของเอสเอ็มอีเพื่อเป็นการสร้างธุรกิจชที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตภายใต้ S curve-for-SME  

2. ด้านการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน จะมีการยกระดับ  ITC-2-OEM ศูนย์ปฏิรูปเกษตรอุตสาหกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ OEM โดยจะเชื่อมโยงผู้รับจ้างผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ผ่านศูนย์ ITC สามารถนำไปผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้จริง รวมถึงการขยายเครือข่าย IDC-2-Thai เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์ทั่วประเทศ ตลอดจนศูนย์ทดสอบคุณภาพมาตรฐานและรับรองแหล่งกำเนิดในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อาหาร สินค้าฮาลาล กาแฟ ผลิตภัณฑ์พืชเศรษฐกิจใหม่ 3ก (กัญชง กัญชา กระท่อม) เครื่องเรือน และเซรามิก

3. การสนับสนุนมาตรฐานและสินเชื่อ ผ่าน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมธุรกิจในไทย ในโครงการ MIT และ SME-GP เพื่อทำให้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมมีโอกาสเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และโครงการ Thailand Textile Tag ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าที่ผลิตในประเทศไทย รวมถึงสินเชื่อดีพร้อมเปย์เพื่อให้ธุรกิจ SME มีเงินทุนหมุนเวียน และปรับปรุงคุณภาพของสินค้าและบริการ และด้านสุดท้ายคือ

4. การสนับสนุนศักยภาพบุคลากร ผ่านการปั้นนักธุรกิจวิถีใหม่ในโครงการNEC วิถีใหม่ โครงการ “ปลูกปั้น” คอร์สอบรมคนดีพร้อม และโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม หรือ คพอ+ : Diprom mini MBA

     ทั้งนี้ ในปี 2565 จะดำเนินงานภายใต้งบประมาณการทำงาน 527.68 ล้านบาท โดยตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 16,000 ราย และคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท ดร. ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี 

RECCOMMEND: TECH

เจ๋งป่ะล่ะ! AI ผู้ช่วยเชฟคนใหม่ เก็บข้อมูลทำเมนูสุดโปรดเสิร์ฟลูกค้า ช่วยสแกนเศษอาหาร ลดต้นทุน ลดขยะ

ปัจจุบันโลกเรามีการนำ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มาใช้พัฒนา ปรับปรุงสิ่งต่างๆ ขึ้นมากมาย ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ ล่าสุดใครจะคิดว่า แม้แต่ถังขยะในครัวของโรงแรมและร้านอาหาร ก็มีการนำ AI เข้ามาใชั

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก จากไอเดียที่ไม่อยากให้น้องป่วย เมื่อผู้บริโภคไม่ได้มีแค่คนเท่านั้น

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก อีกหนึ่งสินค้านวัตกรรมที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์ชาว Pet Parent หรือ การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว

โกเล ไอเดียสแน็กเพื่อสุขภาพจากก้างปลา เปลี่ยน Waste ให้เป็นเงินล้าน ของทายาทโรงงานลูกชิ้นปลา

“โกเล” (Gole Crispy) ปลาทูแท่งอบกรอบแคลเซียมสูง นวัตกรรมจากก้างปลาทะเล เปลี่ยน Waste ให้เป็นเงินล้าน ของทายาทโรงงานลูกชิ้นปลา เพื่อช่วยวิกฤตธุรกิจครอบครัว