Text: Neung Cch.
เมื่อก่อน คำว่า "เทคโนโลยีชีวภาพ" (Biotechnology) อาจฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัวเกี่ยวข้องกับห้องแล็บและนักวิจัยเท่านั้น แต่วันนี้ โลกได้ขยับมาไกลกว่านั้นมาก
Biotech กำลังหลอมรวมเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ ตั้งแต่อาหารที่กินไปจนถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่และนั่นทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า Consumer Biotech เทคโนโลยีชีวภาพสำหรับผู้บริโภคที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของนวัตกรรม ที่ฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันนี้ Biotech กำลังกลายเป็นของจริงในตลาดไม่ว่าจะเป็น “โปรตีนทางเลือก”, “สกินแคร์เฉพาะบุคคล”, หรือ “แฟชั่นจากวัสดุชีวภาพ” “ตลาดใหม่ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.7 - 6.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2040” ที่ SME ไทยควรรีบคว้า ก่อนที่คู่แข่งจะชิงตัดหน้า
สุขภาพ + ความยั่งยืน = สูตรลับของการเติบโตในยุคนี้
ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้เลือกสินค้าเพียงแค่ถูกและดีอีกต่อไป แต่ต้อง ดีต่อสุขภาพ และ ดีต่อโลก ไปพร้อมกันConsumer Biotech คือคำตอบของโจทย์นี้ เพราะเป็นการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการพัฒนาโปรดักต์ที่ “แม่นยำขึ้น” และ “ยั่งยืนขึ้น” เช่น:
- โปรตีนทางเลือก ที่ใช้พืชหรือการเพาะเซลล์แทนการเลี้ยงสัตว์
- สกินแคร์หรืออาหารเสริมเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบตาม DNA
- วัสดุชีวภาพ จากใบสับปะรด ยางพารา หรือสาหร่าย ที่แทนพลาสติกหรือหนังสัตว์ได้
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องในอนาคต เพราะกำลังเกิดขึ้นจริง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว
ตลาดที่โตเร็ว… และ SME เข้าได้
จากรายงานของ McKinsey Global Institute ตลาด Consumer Biotech ทั่วโลกกำลังขยายตัวแบบก้าวกระโดด โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.7 - 6.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2040 แค่เฉพาะในกลุ่ม “โปรตีนทางเลือก” ปี 2022 ก็มีมูลค่าถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% - 25%
สินค้าที่พัฒนาตาม DNA หรือใช้วัสดุชีวภาพก็กำลังขยับขึ้นเป็นเมนสตรีมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ ตลาดนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่เพราะต้นทุนการเข้าถึงเทคโนโลยีต่ำลงอย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น ราคาการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ (Human Genome Sequencing) ที่เคยสูงถึง 47 ล้านดอลลาร์ในปี 2003 วันนี้เหลือไม่ถึง 200 ดอลลาร์ แล้วในปี 2024 นั่นหมายความว่า SME ขนาดกลางหรือขนาดเล็ก ก็สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาออกแบบโปรดักต์ใหม่ได้ในงบที่จับต้องได้จริง
ตัวอย่าง SME ไทยที่ขยับเข้าสู่ Consumer Biotech
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น นี่คือตัวอย่าง SME ไทยที่กำลังใช้เทคโนโลยีชีวภาพมาออกแบบสินค้าใหม่ ๆ:
บริษัท สไปก์ อาร์ซิ เทคโนนิคส์ จำกัด ที่ผลิต Microspike แผ่นเข็มจิ๋วออกแบบเฉพาะ ถูกคิดค้นเพื่อปลดล็อคขีดจำกัดการผลิตด้วยเทคโนโลยีเดิม ให้มีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยกระบวนการผลิตแผงเข็มที่รวดเร็วกว่า 20 เท่า สามารถใช้ในสกินแคร์และเวชสำอาง สามารถสร้างยอดขายได้ 2 ล้านบาทในปีแรก ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่มาจากหลายพื้นที่ทั่วโลก
Hooray! แบรนด์ไทยแท้เปิดตลาด ‘นมโปรตีนพร้อมดื่ม' ท้าชนยักษ์ใหญ่วงการนม ชิงส่วนแบ่งทางการตลาด พร้อมกับการสร้างพื้นที่ให้คนไทยได้รู้จักกับนมโปรตีนทางเลือกมากยิ่งขึ้นในสังคม และทำรายได้ถึงกว่า 600 ล้านบาทในปี 2566
คนไทยพร้อมรับ – ตลาดไทยพร้อมโต
การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคไทยก็สนับสนุนเทรนด์นี้อย่างชัดเจน จากข้อมูลของ SCB EIC พบว่า คนไทยยินดีจ่ายเพิ่มเฉลี่ย 12% สำหรับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 10% (อ้างอิงจาก PWC) ในขณะเดียวกัน คนไทยก็เริ่มใส่ใจสุขภาพแบบลงลึกมากขึ้นปี 2024 ข้อมูลจาก LINE MAN พบว่า การสั่ง “เมนูไม่หวาน” เพิ่มขึ้นถึง 160% จากปีก่อนหน้าสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมสุขภาพไม่ใช่กระแส แต่กลายเป็นนิสัยของผู้บริโภคไปแล้ว
เมื่อประกอบกับเทรนด์การเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์” และการผลักดันนโยบาย BCG Economy ของรัฐบาลไทยที่เน้น Bio – Circular – Green economy ก็ยิ่งทำให้ Consumer Biotech กลายเป็นแนวทางที่สอดคล้องทั้งในระดับผู้บริโภคและนโยบายรัฐ
โอกาสสำหรับ SME ที่มองไกล
Consumer Biotech ไม่ได้เป็นแค่ “ทางเลือก” แต่น่าจะกลายเป็น “ความจำเป็น” สำหรับ SME ที่ต้องการอยู่รอดในระยะยาวใครเริ่มก่อน = ได้เปรียบก่อน
ลองนึกภาพ SME ไทยที่พัฒนาโปรตีนจากพืชให้ตรงกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่หรือผลิตสกินแคร์ที่ออกแบบมาเฉพาะ DNA ของคนไทยในแต่ละภูมิภาค หรือแบรนด์แฟชั่นที่ใช้วัสดุชีวภาพจากผลผลิตเกษตรในท้องถิ่น
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่ทำได้จริง แต่ยังเป็นโมเดลธุรกิจที่มีคนพร้อมจ่ายและรัฐพร้อมหนุน
ถึงเวลา “เข้าใจก่อน โอกาสจะผ่านไป”
Consumer Biotech กำลังเปลี่ยนวิธีคิดในการสร้างสินค้าและบริการแบบเดิมๆ มันคือพื้นที่ใหม่ ที่มีทั้งเทคโนโลยี ผู้บริโภค และนโยบายรัฐ อยู่ฝั่งเดียวกันสิ่งที่ SME ต้องทำตอนนี้ คือเริ่มศึกษาและมองหาโอกาสเล็ก ๆ ที่เหมาะกับความเชี่ยวชาญของตัวเอง
เพราะในโลกที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน…บางครั้งผู้ชนะอาจไม่ใช่ “คนที่เก่งกว่า”แต่คือ “คนที่เริ่มก่อน”
ที่มา: SCBEIC
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี