Text : Surangrak Su.
Photo : Sunun Lorsomsub
ถ้ามาร้าน Dough A Lot ร้านขนมปังโฮมเมดย่านประชาชื่น แล้วเจอกับป้ายด้านหน้าว่า “ขนมปังหมดแล้ว” (แม้คุณจะคิดว่าไปเร็วแล้วก็ตาม) ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะนี่คือ เรื่องปกติ ที่เห็นกันจนชินตาของร้านนี้ไปแล้ว
“จริงๆ เราอาจไม่ได้ขายดีขนาดนั้น เพราะทำแค่วันละ 70 ชิ้น ทำเท่าที่ไหว ถ้าเป็นร้านใหญ่ๆ เขาขายวันละเป็นร้อยๆ ชิ้นก็ได้”
พิม-ศิริเพ็ญ ปรุงวนิชศิริ และ ดามพ์ ภูมิจิตร เจ้าของร้านขนมปังที่กำลังเป็นกระแสไวรัลขายหมดเร็ว คนต่อคิวแย่งกันซื้อ เป็นที่ชื่นชอบทั้งในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ คนทำงาน ไปจนถึงคนสูงวัย เกริ่นถึงธุรกิจให้ฟัง
…ด้านหลังประตูไม้สีน้ำตาล เมื่อผลักเข้าไปเหมือนพบกับอีกโลกหนึ่ง มีสวนสวยสไตล์อังกฤษ และตัวร้านห้องกระจกตั้งอยู่ด้านล่างของตัวบ้าน หลายคนเรียกที่นี่ว่า “คาเฟ่ขนมปัง”
ชีวิตเริ่มใหม่หลังวัยเกษียณ
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน คุณดามพ์และคุณพิมเคยทำงานอยู่ในสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เมื่อถึงวัยเกษียณก็เหมือนกับคนทั่วไปที่อยากลองใช้ชีวิตอิสระ เดินทาง ท่องเที่ยว พักผ่อน ทำในสิ่งที่ตอนทำงานทำไม่ได้ แต่แล้ววันหนึ่งความว่างเกินไป ก็กลายเป็นความเบื่อ ทำให้ต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรให้มีความสุข และมีความหมาย
“จุดเริ่มต้นของการทำร้านเกิดจากการที่เราสองคนเกษียณออกมาด้วยกันทั้งคู่สักระยะหนึ่ง พี่ดามพ์เกษียณก่อน ส่วนพี่ขอ Early Retire ออกมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งชีวิตคนวัยเกษียณส่วนใหญ่หลังออกมา ก็คือ อยากไปเที่ยว ทำอะไรที่เราทำไม่ได้ตอนทำงาน แต่พอนานไปเริ่มว่างเยอะขึ้น ก็กลายเป็นความเบื่อ เลยคิดกันว่าอยากหาอะไรทำ จังหวะพอดีกับถึงเวลาต้องรีโนเวตบ้าน ซึ่งเดิมคุณแม่ของพี่ดามพ์ท่านเคยอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว เลยคุยกันว่าไหนๆ ถ้าต้องปรับปรุง งั้นลองทำร้านขนมปังเล็กๆ ไหม เพราะแถวบ้านยังไม่มี และเราก็ชอบกินขนมปังกันด้วย ตอนทำงานก็เคยลองทำเบเกอรี่บ้าง เลยเริ่มหัดจากในยูทูป ไปลงเรียนเพิ่มบ้าง จนในที่สุดก็เปิดร้านขึ้นมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา” คุณพิมเล่าที่มาของร้านให้ฟัง
พอดี พอใจ และมีสุข
ถึงจะตัดสินใจเปิดร้านขึ้นมา แต่สิ่งที่ทั้งคู่วางไว้ คือ ต้องอยู่บนพื้นฐานของ “ความพอดี” ไม่เครียด ไม่เสียสุขภาพ และไม่เสี่ยงเกินไป นอกจากร้านที่ไม่ต้องเช่า เพราะทำอยู่ในพื้นที่บ้านตัวเองแล้ว คุณพิมและคุณดามพ์ยังออกแบบการทำงานในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง
เช่น ทำกันเองไม่ได้จ้างใคร เพื่อลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายและการควบคุมคุณภาพ, เปิดแค่ 4 วันต่อสัปดาห์ (อังคาร -ศุกร์), ขาย 09.30 – 15.00 น. เพื่อให้มีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง โดยแบ่งหน้าที่กัน คือ คุณพิมดูแลการทำขนมปัง ส่วนคุณดามพ์ดูแลเรื่องเครื่องดื่ม
“ถึงจะเปิดร้าน แต่เป้าหมายของเราเรื่องธุรกิจไม่ได้มาเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นจะคิดกันไว้เสมอว่า ถ้าทำแล้วต้องไม่กระทบกับตัวเอง ทั้งสุขภาพและการเงิน ซึ่งการทำธุรกิจในวัยนี้ ก็เหมือนการทำงานรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นเราควรกำหนดได้เองว่าขอบเขตแค่ไหนที่พอดีกับตัวเรา ไม่ใช่มุ่งหวังรายได้เกินไป ที่นี่เราทำกันเองแค่สองคน ไม่มีค่าใช้จ่าย Fixed Cost วันไหนเหนื่อย อยากพัก, ต้องไปหมอ, อยากเที่ยว ก็หยุดได้เลย” คุณดามพ์เล่า
ขนมปังแรร์ไอเทมที่ใครๆ ก็อยากมากิน
ขนมปังที่ร้าน Dough A Lot จะมีให้เลือก 2 อย่าง คือ Begle กับ Pretzel โดยแต่ละวันจะกำหนดการทำแค่ประมาณ 70 ชิ้น นอกจากตัวขนมปังที่ทำเองแล้ว ไส้ และครีมต่างๆ คุณพิมก็ยังลงมือทำเองด้วย
ด้วยคุณภาพและราคาที่ย่อมเยา บวกกับบรรยากาศน่ารักของร้าน และความอบอุ่น เป็นกันเองของคุณพิมและคุณดามพ์ ทำให้แม้จะเปิดร้านมาได้ไม่นาน แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนตลอด และบ่อยครั้งที่แย่งซื้อขนมปังไม่ทัน จนกลายเป็นแรร์ไอเทมที่ใครก็อยากลิ้มลอง
“เราเคยขายหมดเร็วสุดในเวลา 1 ชม. เปิดร้านเก้าโมงครึ่ง พอสิบโมงครึ่งขายหมดแล้ว จริงๆ ไม่คิดว่าเสียงตอบรับจะดีขนาดนี้ ช่วงเปิดร้านแรกๆ คิดกันแค่มีลูกค้าเข้ามาวันละ 4-5 คนก็โอเคแล้ว แต่ต้องยอมรับด้วยโลกโซเชียลทุกวันนี้ พอมีคนเอาไปรีวิวเยอะๆ ก็มีคนตามมา ก็ต้องขอบคุณลูกค้าด้วย แต่เราก็ทำได้เท่าเดิม คือ หมดแล้วหมดเลย เลยกลายเป็นสินค้าแรร์ไอเทม ใครๆ ก็อยากมาลองชิม
“ถามว่าทำเยอะกว่านี้ได้ไหม ก็อาจจะได้ แต่เราก็ต้องเหนื่อยเพิ่ม ลงทุนเพิ่ม ทุกวันนี้มีคนติดต่อเข้ามาเยอะนะให้ไปขายที่ห้างบ้าง, ขอซื้อแฟรนไชส์, ทำ Box Set บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไป ถ้าเป็นเมื่อสิบปีที่แล้ว เราอาจจะทำก็ได้ แต่พอมาวันนี้ วัยนี้ รู้สึกไม่อยากให้มันกลายเป็นภาระ ทำตามกำลังทรัพย์ กำลังสุขภาพก็พอ”
โลกใบเล็กที่กว้างขึ้น
นอกจากได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ คุณพิมและคุณดามพ์เล่าว่า ความสุขที่ได้อีกอย่างของการเปิดร้าน ก็คือ การได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ แม้อยู่ในพื้นที่ตัวเอง ก็ได้เรียนรู้ความคิดผู้คน เทรนด์จากโลกภายนอก
“อีกเหตุผลสำคัญของการเปิดร้าน คือ อยากให้มีคนเดินเข้ามาคุย บางทีนั่งอยู่ในบ้านกัน 2 คน ก็เหงา เราสองคนไม่มีลูก การได้เปิดร้านแล้วมีคนเดินเข้ามาหา ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ทำให้มีสังคมอีกอย่างหนึ่ง ได้เจอคนรุ่นใหม่ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองความคิดกัน ได้มองชีวิตคนทุกวันนี้เขาคิดยังไง บางคนมาไกลจากฮ่องกง, ดูไบ, อเมริกา ฯลฯ บางทีมีคนรุ่นเดียวกันมาคุยด้วย เขาเห็นเราเป็นตัวอย่าง เราได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา ก็ดีใจ
“เหมือนเราได้อยู่ในพื้นที่ของเราเอง ไม่เปิดร้าน เราก็มีความสุขประมาณหนึ่ง ได้นั่งมองต้นไม้อะไรไป แต่พอเปิดร้าน ก็เป็นความสุขอีกแบบ คือ อยู่ในที่เดิมแหละ แค่คนละสิ่งแวดล้อม ก็มีทั้งข้อดีและไม่ดี อยู่ที่เราจะมองมุมไหน”
สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจในวัยเกษียณ คุณพิมและคุณดามพ์ได้ฝากแง่คิดไว้ 2- 3 ข้อ คือ
“อันดับหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ สุขภาพ เราอยู่ในวัยนี้แล้ว เรื่องเจ็บป่วยเป็นสิ่งสำคัญ 2.ค่าใช้จ่าย คิดวางแผนให้ดีๆ ไม่ควรทำอะไรให้กลับมาเป็นภาระตัวเอง และ 3.ต้องไม่เครียด เราเคยเครียดกับงานประจำมาพอแล้ว อย่ากลับไปเป็นแบบนั้นอีก เลือกทำในสิ่งที่ชอบ และมีความสุข ถามตัวเองบ่อยๆ ธุรกิจนี้ให้อะไรกับเราในวัยนี้ ถ้าให้ความสุขก็ทำไป แต่ถ้าทุกข์ ก็ควรเลิก เราไม่ควรต้องเสี่ยงกับอะไรแล้ว”
และนี่คือ เรื่องราวของ Dough A Lot ที่ไม่ใช่แค่ร้านขนมปัง แต่เป็นตัวอย่างชีวิตหลังวัยเกษียณที่ลงตัว เรียบง่าย พอดี และมีความสุข
ข้อมูลติดต่อ
โทร. 082 515 1641