เรียบเรียง : Jitti
จอห์น หลิว (John Liu) วัย 27 ปี คือหนึ่งในตัวอย่างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แต่ลงมือทำอย่างจริงจังจนกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วแบบชวนทึ่ง เขาเริ่มต้น KiuKiu แบรนด์แพนเค้กและวาฟเฟิลสไตล์โมจิที่มีเนื้อนุ่มหนึบที่ทำรายได้แตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเดือนแรกของการเปิดขาย
และนี่คือเส้นทางของเขาตั้งแต่การเก็บเงินจากงานในเทคโนโลยี การทดลองสูตร 80 รอบ ไปจนถึงการลุยดีลกับซูเปอร์มาร์เก็ตระดับประเทศ
อยากให้ “รสชาติบ้านเกิด” อยู่ในครัวของคนอเมริกัน
สำหรับหลายคน ความสำเร็จทางธุรกิจอาจเริ่มจากโอกาสหรือการมองเห็นช่องว่างในตลาดว่าง แต่สำหรับ จอห์น หลิว ชายหนุ่มวัย 27 ปี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KiuKiu แพนเค้กและวาฟเฟิลเนื้อนุ่มหนึบสไตล์โมจิ แรงบันดาลใจกลับเรียบง่ายกว่านั้นมาก มันคือความคิดถึง “ความเหนียวนุ่ม” ของอาหารที่เขาเติบโตมาในบ้านเกิดที่ไต้หวัน
หลิว โตขึ้นท่ามกลางวัฒนธรรมการกินที่ให้ความหมายกับ “QQ” ซึ่งเป็นคำเรียกสัมผัสแบบหนึบๆ เด้งๆ ในภาษาไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นโมจิ ขนมจากแป้งข้าว หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ล้วนมีรากฐานมาจาก “ข้าว”
เมื่อย้ายไปสหรัฐฯ เขากลับพบว่ารสชาติและสัมผัสแบบ QQ ที่คุ้นเคยแทบไม่พบในซูเปอร์มาร์เก็ตเลย ยกเว้นเพียงโมจิไอศกรีม ในขณะที่แป้งทางเลือกอื่นอย่างอัลมอนด์ คาสซาวา หรือโอ๊ตได้รับความนิยมมาก ทั้งที่ “ข้าว” คือธัญพืชที่มีคนกินมากที่สุดในโลก
ช่องว่างนี้เองทำให้เขาเห็นโอกาสครั้งใหญ่
อย่างไรก็จามหลิว รู้ดีว่าสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินทุนสูงและต้องมีแทร็กเรคคอร์ดที่น่าเชื่อถือถึงจะเข้าถึงนักลงทุน ซึ่งด้วยเพราะเขาทำงานในตำแหน่งผู้นำทีมผลิตภัณฑ์ของ TikTok อยู่ในทีมก่อตั้ง TikTok Shop และช่วยพัฒนา TikTok GenAI สำหรับสร้างวิดีโอด้วย AI จึงทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องอีคอมเมิร์ซ การเล่าเรื่อง และการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่กลายเป็นอาวุธสำคัญเมื่อเขาตัดสินใจออกมาสร้างแบรนด์อาหารของตัวเอง
หลิวมีความตั้งใจเดิมอยู่แล้วว่า สักวันหนึ่งเขาจะสร้างแบรนด์อาหารที่สะท้อนตัวตนและวัฒนธรรมของเขาให้ได้ จึงเริ่มเก็บเงินอย่างจริงจังตลอดเวลาที่อยู่ในวงการเทค และปี 2025 คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เขาเริ่มทำ R&D อย่างจริงจัง ทดสอบสูตรแพนเค้กและวาฟเฟิลจากแป้งข้าว ทำใหม่แล้วทำอีก ปรับสัดส่วนของน้ำตาล ผงฟู และรสชาติครั้งแล้วครั้งเล่า มากกว่า 80 ครั้ง และชวนเพื่อนฝูงมาให้ชิมจนเกือบทุกบ้านรู้จัก “โมจิแพนเค้กฝีมืหลิว”
เขาเปิดให้ผู้ติดตามมีส่วนร่วมตั้งแต่เลือกชื่อแบรนด์ เลือกรสชาติ ไปจนถึงทดสอบดีไซน์บรรจุภัณฑ์ ถือเป็นการ “สร้าง community” ตั้งแต่ก่อนจะมีสินค้าออกวางจำหน่ายด้วยซ้ำ
เพียงไม่กี่เดือนหลังจากเริ่มต้น เขาตัดสินใจลาออกจากงานเต็มเวลา เพื่อทุ่มแรงทั้งหมดให้ KiuKiu และในเดือนสิงหาคม 2025 เขาก็เปิดตัวสินค้าแรก มิกซ์แพนเค้กและวาฟเฟิลสไตล์โมจิ 3 รสชาติ ได้แก่ อูเบะ ใบเตยมะพร้าว และงาดำ
ทั้งหมดผลิตจากแป้งข้าวที่ปลูกในแคลิฟอร์เนีย และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากกลูเตนโดยธรรมชาติ
การเริ่มต้นนี้ไม่ได้มีแค่แรงบันดาลใจและทักษะด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่หลิวยังลงทุนเงินเก็บของตัวเองกว่า 65,000 ดอลลาร์ ใช้ในการพัฒนาแบรนด์ ผลิตสินค้า ชำระค่าผู้ผลิต และจัดการต้นทุนทั้งหมดสำหรับล็อตแรก และการตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นจุดพลิกชีวิต เพราะเพียงเดือนแรกหลังเปิดตัว KiuKiu ทำยอดขายได้ 100,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 3.6 ล้านบาท ทำให้เขามั่นใจว่าตลาดพร้อมแล้วสำหรับ “แพนเค้กเนื้อนุ่มหนึบแบบเอเชีย” แบรนด์นี้
การเติบโตจากกลยุทธ์แบบ Omnichannel
หลังจากเปิดตัวผ่านช่องทาง Direct-to-Consumer (D2C) ในเดือนสิงหาคม 2025 ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วทำให้ หลิวตัดสินใจขยายไปสู่ช่องทางค้าปลีกทันที
แม้จะเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ แต่เขาเข้าใจดีว่าการวางสินค้าในร้าน ไม่ได้หมายความว่าการขายจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะสินค้าอาจไม่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง และบางครั้งอาจวางกลับด้าน ซึ่งส่งผลต่อยอดขายโดยตรง ดังนั้น หลิวจึงใช้เวลาอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้จัดการร้านและทีมงานหน้าร้าน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าถูกจัดวางอย่างถูกต้อง
ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน KiuKiu ก็ได้เข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้ากว่า 80 แห่งในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ รวมถึงร้านใหญ่ระดับรัฐอย่าง Safeway และ Andronico’s พร้อมแผนขยายไปยังร้านค้าอื่นทั่วสหรัฐฯ ภายในปี 2026
แม้สินค้าในร้านค้าจะเติบโตเร็ว แต่หลิวยังมองว่าการทำ D2C เป็นจุดเริ่มที่สำคัญเพราะได้ข้อมูลลูกค้าจริง ตั้งแต่พฤติกรรมการซื้อ ความถี่ในการกลับมาซื้อซ้ำ ไปจนถึงการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปปรับสูตรสินค้าในอนาคต
อย่างไรก็ตาม KiuKiu ไม่ได้หยุดแค่เว็บไซต์ของตัวเอง ปีถัดไปหลิวเตรียมนำสินค้าเข้า Amazon, TikTok Shop และเพิ่มการลงทุนในโซเชียลมีเดียเพื่อเล่าเรื่องราวของแบรนด์ให้เข้าถึงคนวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจสินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนวัฒนธรรมเอเชีย
ทั้งหมดนี้คือการสร้างแบรนด์ด้วยแนวคิดที่ว่า “ทำอย่างไรให้ KiuKiu ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นวัฒนธรรมที่คนอยากมีในครัว”
การสร้างแบรนด์ที่เติบโตจากรากวัฒนธรรม คือความสุข
เมื่อถามว่าอะไรคือความสุขที่สุดในการสร้างแบรนด์ หลิวตอบทันทีว่าการได้เห็นผู้คนลองกินแพนเค้กของเขาครั้งแรก และยิ้มกว้างก่อนรีบส่งต่อให้เพื่อนและครอบครัว นั่นคือช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่า “KiuKiu ไม่ใช่แค่อาหาร แต่มันคือความทรงจำและความผูกพันที่เขาแบ่งปันให้คนอื่นได้”
เขายังชอบความหลากหลายของงานที่ทำในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับซัพพลายเออร์ในเอเชีย การเจรจากับผู้ซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ต การสร้างคอนเทนต์ หรือการพัฒนาเนื้อหาวิดีโอ ทุกกระบวนการทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่กว่าตอนอยู่ในโลกเทคเสียอีก
ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์อาหารรุ่นใหม่ Liu มีคำแนะนำที่ชัดเจนมากอย่างหนึ่ง
“ชนะในตลาดที่คุณสามารถดูแลได้ ก่อนจะขยายไปตลาดที่ใหญ่กว่านั้น”
หลายแบรนด์รีบเข้าสู่เชนใหญ่ทันที แม้ต้องจ่ายค่าสล็อตหรือจัดส่งสินค้าให้ฟรี แต่หากยอดขายไม่ดีพอในช่วงแรก ร้านเหล่านั้นก็พร้อมจะถอดสินค้าออกทันที ซึ่งอาจทำให้แบรนด์เสียทั้งเงินและชื่อเสียง
ดังนั้นก่อนบอกว่า “ใช่” กับร้านค้าใดร้านค้าหนึ่ง ผู้ประกอบการควรรู้ชัดว่า จะสร้างยอดขายที่นั่นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการจัดชิม การทำคอนเทนต์ การสร้างคอมมูนิตี้ หรือการเข้าไปดูแลร้านด้วยตัวเอง
สุดท้ายหลิว กล่าวว่าเขาเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า “การครองตลาดแค่ 20 ร้าน ดีกว่ากระจาย 200 ร้านแล้วไม่มีใครเห็น”
KiuKiu ยังเป็นแบรนด์อายุน้อย แต่ถ้าคุมคุณภาพและจังหวะการเติบโตได้ดี วันหนึ่งเป้าหมายที่ใหญ่กว่า การเป็นแบรนด์ที่สร้างหมวดหมู่ใหม่ของสินค้าอาหารจากแป้งข้าว ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
ที่มา : www.entrepreneur.com
Photo Credit : Instagram@eatkiukiu
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี