PIN เปลี่ยนกองขยะเป็นขุมทอง

 

 

เรื่อง : enayble

ภาพ : ชาคริต ยศสุวรรณ์ / ปิยชาติ ไตรถาวร

 

       “เมื่อคนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เขาจะเริ่มสนใจที่มาที่ไปของสินค้า ซึ่งถ้าเรามองเป็นขยะก็มองได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่วิธีการจัดการกับขยะเหล่านั้นมากกว่า ปิ่นเชื่อว่าลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อเขามองถึงแนวคิดที่ปิ่นจัดการกับขยะนี้เป็นสำคัญ ปิ่นเชื่อว่าแม้กระแสนี้จะซาไปลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังคงอยู่ ลองคิดดูว่าเรามีการผลิตสินค้าต่างๆ ออกมาทุกวัน ขยะย่อมเพิ่มขึ้น เราน่าจะนำขยะนั้นมาเพิ่มมูลค่าเสียจะดีกว่า ปิ่นอยากให้ลองหันมามองสิ่งที่เรามีอยู่ เพราะมันอาจจะมีคุณค่าก็ได้หากเราจัดการมันดีๆ ”

 
ข้อความด้านบนเป็นคำพูดของ พรพรรณ เกียรติภาคภูมิ หรือ ปิ่น เจ้าของแบรนด์ ‘พริ้งเพรียว’ ที่ได้กล่าวไว้เมื่อ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ถึงมุมมองที่เธอมีต่อธุรกิจ Recycle
 
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาถึงวันนี้ความคิดนั้น ก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงแบรนด์ "พริ้งเพรียว" เท่านั้น ที่ถูกเปลี่ยนเป็น "PIN" เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า "พริ้งเพรียว" เป็นชื่อที่เรียกยาก จำยาก จึงใช้ชื่อเล่นของตัวเองแทน เพราะคนจะจำเธอซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ 
 
 
 
 
 
การหยิบชื่อเล่นมาเป็นแบรนด์ ได้สร้างพลังให้ปิ่นตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้านตัวงานและระบบการคิดอย่างไม่ลดละ โดยเข้าร่วมอบรมกับองค์กรที่ส่งเสริม SME ต่างๆ อยู่เสมอ จนทำให้คุณสมบัติด้านการนำเอาวัสดุเหลือใช้อย่างเศษเหล็กมาออกแบบจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ได้รับการต่อยอดในเชิงความคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบจนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม กลายเป็นสินค้าที่มีตัวตนชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก 
 
“ตอนนี้ปิ่นเน้นสร้างงานชิ้นใหญ่ขึ้น จากเดิมที่เป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆ โคมไฟ เชิงเทียน นาฬิกาแขวน ก็ปรับมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ ถาดวางของ และกระจกเงา เนื่องจากงานชิ้นเล็กกับงานชิ้นใหญ่ใช้ระยะเวลาทำเท่ากัน เหนื่อยเท่ากัน แต่ชิ้นใหญ่ขายได้เงินมากกว่า ต่างจากช่วงแรกที่ทำชิ้นเล็กๆ เพราะคิดว่าการฝากขายต้องขนย้ายสะดวก” 
 
 
 
 
แม้งานชิ้นใหญ่ทำเงินได้มาก แต่ปิ่นยังมีงานเหล็กอีกส่วนหนึ่งในรูปแบบ  Mood & Tone ที่เน้นใช้สีพื้นฐานไม่ฉูดฉาดอย่าง สีขาว เทา ดำ ทอง พร้อมออกแบบลายเหล็กให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนแม้แต่นักออกแบบตกแต่งภายในยังดูไม่ออกว่าเป็นงานจากเศษเหล็ก ส่วนนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้มีคนสนใจอีกด้วย
 
เกี่ยวกับการทำตลาดนั้นปิ่่นพบว่าการออกงานทำให้ได้เจอลูกค้าหลายแบบ และเห็นว่าแต่ละบุคคลมีมุมมอง ความชอบแตกต่างกัน บางคนมองว่ามันคือเศษเหล็ก เป็นขยะ ทำเองก็ได้ ซึ่งคนไทยมีความคิดแบบนี้เยอะ แต่ชาวต่างชาติจะมองว่าเป็นงานที่มีคุณค่า น่าสนใจ เขาจะสั่งทำเป็นเซ็ตเพราะเห็นศักยภาพในการทำงาน ซึ่งงานของปิ่นเน้นกลุ่มคนอายุ 35 – 60 ปีที่มีกำลังซื้อประมาณหนึ่ง ไปแต่งบ้าน เพราะลักษณะงานมีความจริงจังมากขึ้น
 
 
 
 
นอกจากการออกบูธตามงานต่างๆแล้ว ปิ่นก็ไม่พลาดที่จะทำตลาดบนเฟซบุ๊คที่กำลังฮิตเช่นกัน แต่ปิ่นมองว่าช่องทางการตลาดแบบนี้เป็นเหมือนส่วนที่ช่วยทำให้ตนเองมีเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้นมากกว่า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบสัมผัสของจริง และบางคนก็ไม่ชอบซื้อของออนไลน์
 
  “แม้การออกสื่อจะมีส่วนช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องพยายามสื่อสารด้วยว่าแบรนด์ของเราเป็นอย่างไร ต้องพูด ต้องบอก ซึ่งงานของปิ่นนั้นเป็นการมองเห็นความสวยงามอันถูกมองข้าม แล้วหยิบมารังสรรค์เป็นสิ่งใหม่อันมีคุณค่า ทั้งยังช่วยลดมลพิษในการหลอมเหล็กอีกด้วย” 
 
 
ปัจจุบันงานของเธอวางขายอยู่ที่ TCDC Shop, ECO Shop, Museum Siam และร้าน Hallo nimman จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปิ่นได้วางแผนไว้แล้วว่าต่อจากนี้จะทำการตลาดโดยออกบูธอย่างจริงจัง 
 
 
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

สูตรธุรกิจจากทายาทแบรนด์เครื่องหนัง Praco สืบทอดธุรกิจโตให้ทันยุค วางทางออกให้ทันเกม

ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ของแบรนด์เครื่องหนัง Praco ที่ยืนหยัดมากว่า 60 ปี อานันท์ ไม่เพียงรับไม้ต่อจากพ่อ แต่ยังสร้างเส้นทางใหม่ที่ต่างไปจากเดิม กล้าลอง กล้าเปลี่ยน และกล้าพูดความจริงว่า ธุรกิจควรหาทางออกให้ตัวเองด้วย

จากหนี้บัตรเครดิต 3 ใบสู่ร้านโมจิยอดฮิต “ผลเอยผลไม้” จัดการการเงินยังไงให้รอดวิกฤต

บางครั้งความสำเร็จไม่ได้มาพร้อมแผนที่สมบูรณ์แบบ แต่มักเกิดขึ้นจากวันที่เราถูกบีบให้สู้ ในวันที่ไม่มีอะไรจะเสีย และต้องลงสนามเหมือนกับ “นี่คือโอกาสสุดท้ายของชีวิต” เหมือนกับเรื่องราวของ กิติพัฒน์ บุญทัศน์ เจ้าของร้าน “ผลเอยผลไม้”

ละเลียดวิธีคิด สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator ไทย ผู้ยืนหนึ่งเวทีโลก

ละเลียดวิธีคิดของ สุรชัย พุฒิกุลางกูร Illustrator อันดับหนึ่งของโลก CEO แห่ง Illusion CGI Studio ที่พาสตูดิโอขึ้นแท่นเป็น No.1 ของโลกติดต่อกันถึง 11 ปี เขามีวิธีคิดและกลยุทธ์อย่างไร ถึงพาธุรกิจไปได้ไกลขนาดนี้