ถอดบทเรียน “แป้งน้ำ Happy” แบรนด์เล็กที่ไม่ยอมจำนนต่อกาลเวลา และการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย

TEXT : นิตยา สุเรียมมา
 




Main Idea
 
  • “แป้งน้ำ Happy” แบรนด์เล็กๆ แบรนด์หนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 60 กว่าปีก่อน จากการเป็นแป้งน้ำรองพื้นแรกๆ ของหญิงไทย
 
  • แม้จะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน และความนิยมการใช้แป้งน้ำของผู้บริโภคในปัจจุบันจะลดน้อยลงไป แต่แป้งน้ำ Happy ก็สามารถดึงจุดยืนการเป็นแบรนด์แป้งน้ำรองพื้นที่มีคุณภาพดี ราคาย่อมเยา ออกมามัดใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้เหมือนเช่นเดิม
 


 

     ย้อนไปเมื่อ 50 – 60 ปีก่อนในช่วงที่เมืองไทยอากาศร้อนย่างเดือนเมษายนเช่นนี้ มีสินค้าชนิดหนึ่งที่เหมาะแก่การคลายร้อน โดยใช้ประชโลมตัวเพื่อเพิ่มความสบายให้กับผิวกาย กลิ่นหอมชื่นใจ สินค้าชนิดดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "แป้งน้ำ"

     แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และการพัฒนาเติบโตขึ้นมากมายของผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มของแป้งและเครื่องสำอาง จากสัดส่วนในตลาดที่มีน้อยอยู่แล้วไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับแป้งชนิดอื่นๆ จึงทำให้ความนิยมใช้แป้งน้ำเริ่มลดน้อยลงจากผู้บริโภคชาวไทย แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแบรนด์เล็กๆ แบรนด์หนึ่งสามารถยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าครึ่งศตวรรษ แถมทำตลาดเจาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ได้สำเร็จ จนกลายเป็นไอเทมสุดคูลใช้ดี ราคาประหยัดของสาวยุคนี้ไปได้





     แป้งน้ำที่ว่านั้นคือ “แป้งน้ำ Happy” ผลิตขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 2498 โดยบริษัท แอดว๊านส์ คอสเมติคส์ จำกัด เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และให้คนไทยได้ใช้ของดีราคาถูก โดยในยุคนั้นแป้งน้ำของไทยมีอยู่ประมาณ 4 – 5 แบรนด์ด้วยกัน อาทิ มองเล่ยะ, สปริงซอง วัตถุประสงค์การใช้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ เอาไว้ทาตัว เพื่อความเย็นสบาย และเพื่อใช้ทดแทนเครื่องสำอาง ทารองพื้นก่อนแต่งหน้า ซึ่งแป้งน้ำ Happy เป็นอย่างหลัง


     ในยุคหนึ่งหลังจากเริ่มได้รับเสียงตอบรับที่ดี แบรนด์ก็เริ่มแตกไลน์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เข้ามาอีกกว่า 30 เอสเคยู อาทิ สบู่ แชมพู แป้ง โดยมุ่งหวังอยากสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง นอกจากการทำโฆษณาสปอตวิทยุให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ยังใช้การตลาดขายตรงแบบเคาะประตูถึงหน้าบ้านกันเลยทีเดียว เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นแม่บ้านได้มากขึ้น





     กระทั่งเมื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่เริ่มเข้ามาบุกตลาดทำสินค้าต่างๆ ออกมาจำหน่ายมากขึ้น จึงทำให้แป้งน้ำ Happy ต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง โดยหันกลับมามุ่งมั่นกับการผลิตและสร้างแบรนด์แป้งน้ำที่ตนถนัด แทนที่จะหว่านผลิตทุกอย่างไปหมด รวมถึงหันมาเจาะตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าแถบประเทศเพื่อนบ้าน หรือตะวันออกกลาง เพื่อลดการแข่งขันที่รุนแรงกับแบรนด์ใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ยังมีการรับจ้างผลิต OEM ให้กับแบรนด์นอกจากยุโรปและอเมริกา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจให้มากขึ้นด้วย


     โดยตลอดระยะเวลากว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา แบรนด์แป้งน้ำ Happy ยังคงดำเนินธุรกิจ และทำตลาดอยู่เรื่อยๆ กระทั่งเมื่อ 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นแบรนด์ได้กลับมารุกตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการลงทุนใช้สื่อโฆษณาโทรทัศน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ รวมถึงการฉายภาพลักษณ์ใหม่ของการเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยเหมาะแก่การใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งด้วยคุณภาพและราคาย่อมเยา จึงทำให้มีการหยิบนำไปรีวิวเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงการบอกต่อกันปากต่อปาก แบรนด์จึงกลับมาเป็นที่รู้จักและพูดถึงอีกครั้ง





     และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแบรนด์แป้งน้ำเล็กๆ แบรนด์หนึ่งที่ไม่ได้มีการทำตลาดหวือหวา แถมหลายคนอาจมองว่าเชย ตกยุค ไม่ทันสมัย ถึงอยู่รอดมาได้จนถึงยุคนี้ และเติบโตมาได้เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง


     นอกจากเรื่องราวในการดำเนินธุรกิจแล้ว อีกสิ่งที่แป้งน้ำ Happy สะท้อนให้เราเห็น คือ การเป็นแบรนด์เล็กที่สู้ไม่ถอย เลือกทำอะไรแต่พอดีตัว รู้ศักยภาพตัวเองที่เอาอยู่ เลือกที่จะเป็นปลาเล็กในบ่อใหญ่ที่มีลูกค้าตัวจริง มากกว่าจะอยู่ในมหาสมุทรเพื่อมุ่งหวังลูกค้าปริมาณมาก




     ในขณะเดียวกันก็ไม่หยุดพัฒนาตนเอง ซึ่งแม้ที่ผ่านมาจะดำเนินธุรกิจมาแบบเงียบๆ ไม่หวือหวา แต่ก็ไม่ยอมให้แบรนด์ล้มหายตายจากไปจากตลาด เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม จนในที่สุดก็สามารถกลับมาสร้างพื้นที่ยืนในตลาดครองใจผู้บริโภคได้อีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้เราค่อนมั่นใจว่าต่อไปในอนาคตหากไม่มีอะไรผิดพลาดถึงขั้นแก้ไขไม่ได้ แบรนด์แป้งน้ำนี้ก็ยังน่าจะคงอยู่ เพราะความเป็นเลือดนักสู้ของแบรนด์นั่นเอง ผู้ประกอบการท่านใดจะลองนำไปปรับใช้กับแนวคิดในการทำธุรกิจของตัวเองดูบ้าง ก็น่าสนใจไม่น้อย ขอเพียงประเมินศักยภาพตัวเองให้ออก มองหาโอกาสที่มีเสมอ และสู้ไม่ถอย ธุรกิจย่อมพบกับความยั่งยืนได้อย่างแน่นอน
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมธุรกิจเพื่อเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จากธุรกิจน้ำผึ้งของครอบครัว สู่ Gisou แบรนด์ Hair Care สุดพรีเมี่ยม ที่ใช้กลยุทธ์ Storytelling จนเป็นไวรัลในโลกออนไลน์

Gisou แบรนด์ Hair Care ที่เกิดจากการนำ “น้ำผึ้ง” วัตถุดิบธรรมชาติจากสวนผึ้งของครอบครัว มาสร้างมูลค่าใหม่ในรูปแบบความงามระดับพรีเมียม ด้วยการเล่าเรื่องและความใส่ใจในรายละเอียด

The Rubik Theory ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว ฉบับ After Yum  

“The Rubik Theory” ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัว คือกลยุทธ์ที่ After Yum นำมาใช้ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ การคิดแบบหลายมิติ รวมถึงการฝึกความอดทนและทดลองทำสิ่งใหม่ๆ จนวันนี้ไม่มีใคร ไม่รู้จักแบรนด์ที่คงความแซ่บได้แบบยืนหนึ่งแบรนด์นี้

บุญช่วยมัทฉะ คาเฟ่ในร้านขายของชำ คอนเซปต์สุดแปลก ที่เปลี่ยนจุดด้อย ให้กลายเป็นเสน่ห์

ตามไปดู "บุญช่วยมัทฉะ" คาเฟ่มัทฉะลับๆ ที่กำลังถูกพูดถึงใน TikTok เพราะไอเดียสุดแปลกเสิร์ฟมัทฉะคุณภาพระดับพรีเมียมจากครัวหลังร้านของชำของแม่ชื่อว่า “บุญช่วยพานิช” จนกลายเป็นเสน่ห์ กิมมิก ที่ทำให้ใครๆ ก็จดจำได้