PHOTO : เด็กสมบูรณ์
Main Idea
- “เด็กสมบูรณ์” แบรนด์ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรสอื่นๆ ที่อยู่คู่ครัวไทยมานานกว่า 73 ปี จนวันนี้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 อยู่ในตลาด สร้างรายได้มากกว่าหลายพันล้านบาทต่อปี จำหน่ายมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
- จากสูตรซีอิ๊วก้นครัวของครอบครัว สามารถกลายเป็นซีอิ๊วพันล้านในตลาดได้อย่างไร และทำไมถึงต้องเป็นเด็กสมบูรณ์ อยากรู้ ไปติดตามกัน
นึกถึงตอนเป็นเด็ก เวลากินข้าวไม่อร่อย แม่มักจะเหยาะซีอิ๊วขาวรสกลมกล่อมใส่ข้าวให้กินเสมอ เพื่อช่วยเติมรสชาติอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น โตมาเวลาหิวแค่อาหารง่ายๆ อย่างไข่เจียว ไข่ดาวโปะกับข้าวสวยร้อนๆ เหยาะซีอิ๊วลงไปสักหน่อย ก็ทำให้อาหารธรรมดาๆ อร่อยเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง ไม่เพียงเป็นเครื่องปรุงรสอยู่ในครัว แต่ซีอิ๊วยังกลายเป็นเครื่องปรุงเพิ่มรสชาติที่พันผูกกับชีวิตผู้บริโภคคนไทยตั้งแต่เด็กจนโตมาหลายคน ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่นิยมและเป็นที่รู้จักดี คือ “ซีอิ๊วขาว ตราเด็กสมบูรณ์” จากบริษัท หยั่น หวอ หยุ่น สูตรซีอิ๊วจากก้นครัวที่เติบโตเป็นธุรกิจพันล้านขึ้นมาในวันนี้ และดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 73 ปี
ซีอิ๊วขาว ตราเด็กสมบูรณ์ ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2490 โดยเป็นสูตรซีอิ๊วดั่งเดิมของครอบครัว “ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” ซึ่งผลิตขึ้นมาโดย “นายถ่ง แซ่ตั้ง” ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองจีน โดยเริ่มจากโรงงานผลิตเล็กๆ ทำกันเองในครอบครัวย่านสีลม ตั้งแต่หมักปรุงสูตร และบรรจุใส่ขวดขาย ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี การผลิตอย่างใส่ใจ จึงทำให้ได้ซีอิ๊วขาวรสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคคนไทย และบอกต่อกันปากต่อปาก
โดยกระบวนการผลิตซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์นั้น จะเริ่มจากการนำถั่วเหลืองไปนึ่ง หลังจากนั้นจะนำไปผสมกับข้าวสาลี เสร็จแล้วจึงนำไปบ่ม ก่อนที่จะเติมน้ำเกลือลงไป และหมักในถังอีกเป็นเวลา 6 เดือน จึงจะได้รสชาติซีอิ๊วขาวที่กลมกล่อมออกมา ซึ่งภายหลังเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น จึงได้มีการผลิตเต้าเจี้ยวออกมาจำหน่ายด้วย
กระทั่งในปี 2493 จึงได้มีการจดทะเบียนการค้าและใช้ชื่อแบรนด์ “ตราเด็กสมบูรณ์” ขึ้นมา โดยเหตุผลที่เป็นรูปเด็กอ้วนนั่งกอดขวดซีอิ๊วอยู่นั้น เป็นเพราะว่าย้อนไปเมื่อยุค 70 กว่าปีก่อน ยังไม่ค่อยมีนักออกแบบสร้างแบรนด์สินค้าหรือให้คำปรึกษาเรื่องแบรนด์แต่อย่างใด จึงได้มีการว่าจ้างจิตรกรวาดรูปมาช่วยออกแบบให้ โดยให้ข้อมูลตามจริงไปว่า เวลาแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าใช้นั้นจะแนะนำให้เหยาะซีอิ๊วลงไปในข้าวต้มให้เด็กกิน ซึ่งจะช่วยให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ทำให้เด็กกินข้าวได้เยอะและเจริญอาหาร รูปแบบโลโก้ที่ได้ จึงกลายออกมาเป็นเจ้าเด็กตัวอ้วนพีนั่งกอดขวดซีอิ๊วในสุด และเป็นที่มาของชื่อเด็กสมบูรณ์จนถึงทุกวันนี้
โดยหลังจากดำเนินกิจการไปได้ระยะหนึ่ง นายถ่งได้เสียชีวิตลง จึงได้ส่งไม้ต่อให้กับลูกชาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “วิเชียร ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” ทายาทรุ่นที่ 2 ได้เข้ามาบริหารจัดการต่อในปี 2496
ต่อมาหลังจากมีการสร้างแบรนด์ ออกแบบโลโก้ และชื่อสินค้าแล้ว ในส่วนของกระบวนการผลิตเองก็มีการยกระดับให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้นด้วย โดยจากวิธีการผลิตในครัวเรือนแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้ตุ่มในการหมัก ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนจึงทำให้รสชาติไม่คงที่ จึงได้มีการบินไปดูงานการผลิตถึงโรงงานซีอิ๊วที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้แนวทางการผลิตที่ได้มาตรฐานกลับมา
จนนำมาสู่การตั้งโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานแห่งแรกขึ้นในปี 2523 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงพัฒนาระบบองค์กร โดยเปลี่ยนจากระบบครอบครัวเป็นระบบการบริหารแบบมืออาชีพ และนำวิธีตลาดสมัยใหม่มาใช้ และเริ่มส่งออกในปี 2528 จนทำให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดซีอิ๊วขาวและเต้าเจี้ยวของไทยได้ และในปี 2540 จึงได้ก่อตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ขึ้นมาอีกแห่งในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นช่วงที่ทายาทรุ่นที่ 3 ได้เริ่มเข้ามาช่วยสานต่อกิจการพอดี
ซึ่งในยุคนี้เองนั้นที่แบรนด์เด็กสมบูรณ์ ได้เริ่มมีการผลิตสินค้าให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น แตกไลน์เป็นเครื่องปรุงรสอื่นๆ ออกมามากมาย อาทิ ซอสหอยนางรม น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำส้มสายชู ซอสพริก ซอสปลาเค็ม น้ำจิ้มประเภทต่างๆ พริกไทยป่น ฯลฯ มีการแตกไลน์แบรนด์ใหม่อย่าง “ไอ-เชฟ (i-Chef) เครื่องปรุงสำเร็จรูป เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่มีเวลาน้อย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาก้าวข้ามขีดจำกัดความเป็นซีอิ๊วที่จากปกติมักเป็นเครื่องปรุงรสอาหารคาว ไปสู่การผลิตเป็นอาหารหวาน เช่น ไอศกรีมซีอิ๊ว เพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้นด้วย รวมถึงการขยายออกไปยังตลาดต่างประเทศมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
โดยในปี 2561 นั้น บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น จำกัด มีรายได้อยู่ที่ 2,222 ล้านบาท กำไร 117 ล้านบาท ขณะที่บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มีรายได้อยู่ที่ 3,113 ล้านบาท กำไร 337 ล้านบาท รวมแล้วมีรายได้มากกว่าหลายพันล้านบาททีเดียว
และนี่คือ สิ่งที่ซีอิ๊วตราเด็กสมบูรณ์ สินค้าธรรมดาพื้นฐานในครัวเรือนไทย ได้แสดงให้เราเห็นว่าบางครั้งแม้โลกจะเปลี่ยน แต่เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามไปหมดเสียทุกอย่าง เพียงแต่ให้รักษาความดีงามที่มีเอาไว้ และปรับตัวให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละยุคได้บ้าง ก็ทำให้แบรนด์สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของตลาด และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอย่างมากมายมหาศาลด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
