Kaff & Co. สร้างเงินล้านจากจุดเริ่มต้นแชมพู 666 ขวด ขาย 6 ปี มีสินค้าไม่ถึงสิบตัว แต่ลูกค้าประจำนับหมื่น

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

PHOTO : Kaff & Co.




               
     จากการเริ่มต้นเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความคุ้นเคยกับการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมาก่อน แต่วันหนึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับสุขภาพของคนรักกับอาการป่วย SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง) จนทำให้เกิดผมร่วงอย่างหนัก แพ้ง่าย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เดือนสว่าง คุณาพันธ์ จึงได้รับคำแนะนำจากญาติ โดยนำผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกรูดสกัดเย็นที่ทำขึ้นมาเองส่งมาให้ใช้ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรจะเสีย เพราะลองมาหมดแล้วเกือบทุกอย่าง จึงนำไปให้สามีได้ทดลองใช้ ปรากฏได้ผลดีเกินคาด จากที่ใช้เองจึงส่งต่อให้กับเพื่อน ๆ ได้ลองใช้ดูบ้าง เมื่อเห็นว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงคิดการใหญ่ทำเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาขาย แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจขึึ้นมา เธอต้องคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า เพราะเหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่สนใจใช้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรมาก่อนเลย



               

รูปลักษณ์สวย - ผลลัพธ์ดี 2 โจทย์พลิกชนะใจลูกค้า
 
               
     หลังจากตั้งคำถามกับตัวเอง เดือนสว่างก็ได้คำตอบออกมา 2 ข้อ คือ 1. รูปลักษณ์ที่ไม่ตอบโจทย์ เพราะส่วนใหญ่แล้วหากเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ดีก็มักจะอยู่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์สปา หรือไม่ก็ชูขายความเป็นไทยแบบจ๋าๆ กันไปเลย ส่วนเหตุผลข้อที่ 2. คือ เป็นเพราะผลิตภัณฑ์สมุนไพรส่วนใหญ่มักมาในรูปแบบของความเชื่อที่บอกต่อ ๆ กันมา  เช่น รู้ว่าใช้แล้วดียังไง แก้อะไรได้บ้าง แต่ไม่เคยรู้จริงๆ เลยว่า เพราะอะไรถึงดี เพราะอะไรถึงใช้รักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้ และแท้จริงแล้วต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่ จึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นได้
               

     เมื่อรู้ถึง Pain Point ทั้งสองข้อที่เกิดขึ้น เดือนสว่างจึงได้หาวิธีแก้โจทย์ดังกล่าวและสร้างเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ตอบโจทย์ขึ้นมา โจทย์แรกด้วยความที่ร่ำเรียนและทำงานออกแบบดีไซน์เป็นอินทีเรียมาก่อน จึงนำวิชาความรู้ที่มีมาใช้โดยออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรภาพลักษณ์ใหม่ที่มีความพอดีเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ไทยจ๋าเกินไป ขนาดเดียวกันก็ไม่หรูหราเกินไปจนจับต้องได้ยาก เพราะเชื่อว่าด้วยภาพลักษณ์ที่ดีจะทำให้เกิดความอยากทดลองใช้สินค้าขึ้นมาได้


     สำหรับโจทย์ข้อสองเพื่อให้รู้ถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีจริง จึงได้มีการนำไปให้นักวิจัยช่วยทำการวิเคราะห์และคิดสูตรตั้งต้นให้ โดยพยายามค้นหาคำตอบทุกข้อที่ผู้บริโภคสงสัย เช่น ใช้แล้วดียังไง ทำไมถึงดีขึ้นมาได้ และต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ หรือนานแค่ไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา โดยเขียนอธิบายลงในโบว์ชัวร์แนบไปกับผลิตภัณฑ์ จนในที่สุดก็ได้ผลิตภัณฑ์คู่แรกออกมาเป็นแชมพูน้ำมันมะกรูดสกัดเย็นและทรีตเมนต์น้ำมันมะกรูดสกัดเย็น ภายใต้แบรนด์ “Kaff & Co.” เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น ผมร่วง รังแค อย่างเป็นธรรมชาติ



 

พอดี ที่ดีพอ
 
               
     เบื้องต้นได้ทดลองจำหน่ายที่ตลาดนัดเพื่อสุขภาพ ตลาดงานคราฟต์ก่อน ทำออกมาในรูปแบบของชุดของขวัญใส่อยู่ในกล่องไม้ ต่อมาเมื่อได้รับผลตอบรับดีจึงได้ติดต่อนำไปจำหน่ายในร้านขายสินค้าสุขภาพ ร้านขายยา รวมถึงเริ่มทำตลาดออนไลน์ขึ้นมาด้วย
               

      โดยจุดเด่นของแบรนด์ Kaff & Co. คือ ไม่ได้เน้นจำหน่ายแค่สินค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ยังช่วยส่งเสริมผู้บริโภคให้แก้ปัญหาจากภายในด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาด้วย โดยมีความเชื่อว่าหากจะใช้สินค้าให้ได้ผลดี นอกจากผลิตภัณฑ์ต้องดีแล้ว พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคก็ต้องดีควบคู่กันไปด้วย  


      “สิ่งที่เราพยายามบอกเล่าลูกค้ามาตลอด คือ นอกจากใช้ผลิตภัณฑ์ดีแล้ว การดูแลตัวเองก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญเช่นกัน ดังนั้นแล้วนอกจากเขาจะใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา หากเขาได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลตัวเองให้ถูกต้องและเหมาะสมร่วมด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีขึ้นด้วย จึงเป็นข้อความออกไปจากแบรนด์ที่พยายามสื่อออกไปถึงผู้บริโภคเสมอ คือ “พอดี ที่ดีพอ” คือ คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย เพื่อใช้ร่วมกับโปรดักต์ที่เหมาะสม ก็เหมือนกับคุณกินยาดีแล้ว แต่ยังไปวิ่งตากฝน อาการหวัดยังไงก็ไม่หายไปหมดได้


      “ซึ่งเวลาลูกค้าติดต่อเข้ามาก่อนจะขายผลิตภัณฑ์ อย่างแรกเราจะถามเขาก่อนเลยว่าสภาพหนังศีรษะเป็นยังไง ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร เขาใช้ชีวิตและดูแลตัวเองยังไงบ้าง ถ้าเข้าไปหน้าเว็บไซต์จะเห็นแบบทดสอบเบื้องต้นเลย เพราะเราอยากให้เขา “เข้าใจ ใช้เป็น เห็นผล” นี่คือ อีกสิ่งที่เราพยายามมสื่อสารออกไป เพราะเราไม่ได้อยากขายแค่ของ แต่อยากสร้างความเปลี่ยนแปลงดี ๆ ให้เกิดขึ้นกับลูกค้าด้วย”




 

ทำธุรกิจด้วยความสนุก อย่าหมดแพสชั่น
 
               
      ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Kaff & Co. ประกอบด้วย แชมพูน้ำมันมะกรูดสูตรสกัดเย็น, แชมพูสารสกัดเหง้าขิงและน้ำมันมะกรูดสกัดเย็น, ทรีตเมนต์สูตรน้ำมันมะกรูดสกัดเย็น และทรีตเมนต์สูตรเหง้าขิงเข้มข้น และน้ำมันมะกรูดสกัดเย็น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 215 – 690 บาท เดือนสว่างเล่าว่าแม้ธุรกิจจะย่างเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว แต่ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ไม่ถึงสิบชนิดเลย แต่สิ่งที่ทำให้สามารถมัดใจลูกค้าอยู่ได้ นอกจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีความตั้งใจดีทำออกมาแล้ว น่าจะมาจากความจริงใจที่พยายามสื่อไปถึงลูกค้าด้วย


      “Kaff & Co. เราไม่ได้ขายแค่แชมพู แต่อยากสร้างสิ่งดีๆ ในทุก ๆ เรื่องสื่อไปให้ถึงลูกค้าด้วย เราอยากให้คนใช้ Kaff & Co. คือ คนที่หันกลับมาดูแลตัวเอง รวมถึงเรื่องอื่นๆ รอบตัวเขา โดยในแต่ละปีเราจะมีคอนเซปต์ที่คิดขึ้นมาทำควบคุมคู่กับขายสินค้าไปด้วย อย่างที่ผ่านมาเราจะเน้นเรื่อง Recycle Reuse Reduce หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยทำเป็นไซส์รีฟิวออกมาจำหน่าย หรืออย่างเวลาส่งสินค้าไปให้ลูกค้า เราก็จะแถมหัวฉีดฟ็อกกี้เพิ่มเข้าไปให้ด้วย เดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งส่งต้นอ่อนทานตะวันไปให้ คือ เราพยายามสื่อสารออกไปบอกเขาว่านอกจากใช้แล้วทิ้ง ขวด Kaff & Co. คุณสามารถเอาไปทำอะไรได้อีก เราพยายามสอดแทรกสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาตลอด เพื่อให้สามารถเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์เขาได้


      “และทำทุกอย่างด้วยความสนุก ทำให้ผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่ ไม่เบื่อที่จะทำ ซึ่งลูกค้าก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกัน ทำให้ถึงเราจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาไม่กี่อย่าง แต่เขาก็ยังเป็นลูกค้าเราอย่างเหนียวแน่นมาจนทุกวันนี้ เพราะเขาได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เสมอจากเรา และโชคดีลูกค้าใหม่ก็มีเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ด้วย โดยคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของยอดการสั่งซื้อสินค้า ทุกวันนี้เรามีสมาชิกในเว็บไซต์อยู่ราว 7,000 – 8,000 คน สมาชิกในไลน์อีกว่า 7,000 คน ไม่นับรวมที่ติดต่อเข้ามาในช่องทางอื่นอีก ยังจำได้ครั้งแรกที่ทำสินค้าออกมาขาย ตอนนั้นเราทำแชมพูออกมาแค่ 666 ขวดเอง ไม่ได้คิดว่าจะเดินทางมาไกลถึงทุกวันนี้ได้ ตอนนั้นคิดแค่ลองทำออกมาก่อน ยังคุยกับโรงงานเล่น ๆ เลยว่า ขายไม่หมดก็ไม่เป็นไร ให้เป็นของขวัญไปก็ได้ เพราะเราทำออกมาช่วงปีใหม่พอดี”



               

      โดยในอนาคตเดือนสว่างเล่าว่าถึงแม้จะทำสินค้าอะไรออกมาอีกก็ตาม เธอจะยังคงยึดใน  2 แนวทางนี้เป็นสิ่งสำคัญ คือ สมุนไพรไทยและการแก้ปัญหา
               

      “เราหวังให้ Kaff & Co. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใครก็ได้สามารถใช้ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน อยากให้เป็นสินค้าที่มีติดบ้านเอาไว้ เราไม่ใช่ยา ไม่ใช่สินค้าเพื่อความงาม แต่คือ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่เข้าไปช่วยบรรเทา แก้ไขปัญหาด้านสุขภาพเบื้องต้นให้ได้ ซึ่งเราก็คงจะยึดแนวทางนี้ไปตลอด เร็ว ๆ นี้กำลังจะผลิตสบู่สมุนไพรออกมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับสุขภาพผิวเช่นกัน” เดือนสว่างกล่าวทิ้งท้าย
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน