ขายแพงแต่แรงไม่ตก ล้วงเคล็ดไม่ลับกับแบรนด์ดังลิโพ ทำไมถึงโตในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมากว่า 56 ปี

TEXT : กองบรรณาธิการ





         ขึ้นชื่อว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของไทย แค่ลองเดินเข้าไปที่ตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อสักแห่ง ก็เห็นแล้วว่ามีให้เลือกมากมายหลายสิบยี่ห้อด้วยกัน แถมราคายังใกล้เคียงมีมาตรฐานอยู่ที่ขวดละ 10 บาทเหมือนกันหมด จึงไม่น่าแปลกหากจะมองเห็นอุณหภูมิการแข่งขันที่ร้อนระอุในตลาดแห่งนี้ แม้ตัวสินค้าจะถูกวางอยู่ในตู้แช่เย็นๆ ก็ตาม
               

         ถ้าจะพูดถึงเครื่องดื่มชูกำลังสักยี่ห้อหนึ่งที่มีความแตกต่างออกมาจากเพื่อน “ลิโพ” น่าจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เราอยากหยิบเอามาเล่าให้ฟัง
 


 

ต้นกำเนิดเครื่องดื่มชูกำลังของไทย
 
               
          ความน่าสนใจแรกของแบรนด์ คือ ลิโพ เป็นแบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของไทย มีชื่อเต็ม คือ “ลิโพวิตัน-ดี” เปิดตัวขึ้นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2505 โดยบริษัท ไทโช ฟาร์มาซูติคอล


           ต่อมาเมื่อเห็นว่าเป็นสินค้าใหม่และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่ให้พลังงานและเรียกความสดชื่นได้ในทันที ในปี 2508 จึงถูกนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยโดยกลุ่มบริษัท โอสถสภา ซึ่งในสมัยนั้นยังใช้ชื่อว่า เต็ง เฮง หยู และเป็นร้านขายยาเล็กๆ อยู่ในย่านสำเพ็ง โดยมีภาพสัญลักษณ์เป็นรูปชูสองนิ้ว ซึ่งแทนสัญลักษณ์ของนักสู้ จนทำให้เราจดจำมาจนถึงทุกวันนี้




 
10 บาทไม่ขาย ขาย 12 บาท
 
               
         ความน่าสนใจของแบรนด์ลิโพนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเป็นเจ้าแรกที่เข้ามาทำตลาดอยู่ในเมืองไทย เพราะแม้จะเป็นผู้บุกเบิกตลาด แต่ปัจจุบันหากไล่เรียงอันดับแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยนั้น ลิโพกลับติดอยู่ในอันดับที่ 4 โดยมี M 150 ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือเดียวกันเป็นเจ้าตลาดอยู่เบอร์ 1 ตามมาด้วยคาราบาวแดง และกระทิงแดงเป็นอันดับที่สาม
               

         เหตุผลที่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่เพราะว่าแบรนด์ตกอันดับลงมา แต่เป็นเพราะเลือกที่จะทำในสิ่งที่เชื่อมาตลอดต่างหาก โดยในขณะที่การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของเมืองไทยกำลังดุเดือดหลังจากมีแบรนด์น้องใหม่ต่างทยอยเข้ามาตีตลาด แทนที่จะลงไปแข่งขันเรื่องราคาที่ส่วนใหญ่แล้วตั้งไว้มาตรฐานเดียวกัน คือ 10 บาท ลิโพกลับเลือกที่จะฉีกตัวเองออกมาจากตลาดแมสและขายความเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบบพรีเมียม โดยขายอยู่ในราคาขวดละ 12 บาท ซึ่งนับว่าแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ ในกลุ่มตลาดเดียวกัน


         เนื่องจากตั้งแต่ต้นที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยลิโพก็ชูจุดขายของการเป็นเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพจากญี่ปุ่นอย่าง “ทอรีน” กรดอะมิโนที่มีอยู่ทั่วไปตามกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทในร่างกายที่ช่วยในเรื่องการมองเห็นและช่วยให้กล้ามเนื้อออกแรงได้มากขึ้นอยู่แล้ว โดยมีการระบุไว้ว่าใน 1 ขวดจะมีทอรีนอยู่มากขึ้น 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่ามากกว่าเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้ออื่นๆ


         จากความมุ่งมั่นดังกล่าว ทำให้แม้วันนี้จะไม่ได้เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทย แต่ก็ทำให้ลิโพมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ 300 ล้านขวด แถมถ้าพูดถึงตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแบบพรีเมียม ลิโพ ก็คือ เบอร์ 1 อีกด้วย โดยปัจจุบันศูนย์วิจัยกสิกรได้ประเมินภาพรวมตลาดกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังในปี 2564 ว่ามีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยในมูลค่ากว่าสองหมื่นล้านบาทนั้น แบ่งเป็นตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแบบพรีเมียมสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว



 

แก้ Pain Point เปิดเซ็กเมนต์ตลาดใหม่
 
               
          นับตั้งแต่เข้ามาบุกเบิกทำตลาดอยู่ในเมืองไทย จนวันนี้ก็ 56 ปีแล้วที่ลิโพได้เปิดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคคนไทย แถมวันนี้ยังได้กลับมาสวมบทบาทผู้นำตลาดอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังสำหรับผู้หญิงแบรนด์แรกของไทยในชื่อ “ลิโพ-ไฟน์” ซึ่งถือเป็นสินค้าตัวที่ 3 ของแบรนด์ ถัดมาจากลิโพธรรมดาและลิโพพลัส


          นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 22 ปีของแบรนด์ และยังเป็นการเปิดเซ็กเมนต์ตลาดใหม่ให้กับเครื่องดื่มชูกำลังของไทยด้วย เพื่อเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องทำงานมากขึ้น และต้องการตัวช่วยเพิ่มพลังงานระหว่างวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักซื้อเครื่องดื่มชูกำลังทั่วไปมารับประทาน บางครั้งอาจทำให้รู้สึกเกร็งๆ ไปบ้าง เพราะภาพลักษณ์ส่วนใหญ่จะถูกมองเป็นสินค้าของผู้ชายมากกว่า จึงเป็นเหตุผลให้ลิโพมองเห็นช่องว่างดังกล่าว ซึ่งมีการทดลองเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้แล้วและได้รับเสียงตอบรับที่ดี จึงนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยบ้าง


          โดยสิ่งที่ลิโพ-ไฟน์นำมาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเครื่องดื่มชูกำลังสำหรับผู้หญิงมีอยู่ 2 ส่วนหลักด้วยกัน คือ 1. รูปลักษณ์ภายนอก ตั้งแต่ตัวฉลากเองที่มีการใช้สีชมพูมาใส่ เพื่อสื่อถึงความเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน ไปจนถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์สาวคนรุ่นใหม่เพื่อออกมาเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงความเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ในส่วนที่ 2. ก็คือ การปรับรสชาติให้เข้ากับความชอบของผู้หญิงมากขึ้น มีการปรับกลิ่นมิกซ์เบอร์รีเข้าไป รสชาติออกแนวหวานอมเปรี้ยวตามความชอบของผู้หญิง แถมยังปราศจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้นด้วย
               

          และนี่คือ เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ที่เกิดขึ้นกับเครื่องดื่มชูกำลังสัญลักษณ์รูปสองนิ้ว โดยสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจของลิโพมีอยู่หลายข้อด้วยกัน ตั้งแต่การยืนหยัดเชื่อมั่นในตัวเอง โดยไม่หวั่นไหวไปกับกลไกของตลาด, การเติบโตอยู่ในตลาดเล็กๆ แต่ได้เป็นปลาใหญ่ในบ่อเล็กที่มีคู่แข่งน้อย ดีกว่าไปโตอยู่ในตลาดใหญ่ที่เหมือนมีโอกาสมากมาย แต่ก็กลับเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด และข้อสุดท้าย คือ การเติบโตแบบค่อยไปค่อยไป แต่ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ จนสุดท้ายสามารถสร้างตลาดใหม่และกลับขึ้นมาเป็นผู้นำได้อีกครั้งนั่นเอง
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน