ในโลกปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ต่างขวนขวายความมั่งคั่งจากการเป็นผู้ประกอบการ บนถนนสู่การสร้างสตาร์ทอัพจึงคลาคล่ำหนาแน่นไปด้วยคนรุ่นใหม่ซึ่งปัจจุบันด้วยความที่ “เพศ” ไม่อาจแบ่งแย่งความสามารถ เราจึงเห็นผู้หญิงจำนวนมากก่อตั้งสตาร์ทอัพและนั่งเก้าอี้ซีอีโอ วันนี้เลยจะชวนดูภาพยนตร์ที่ฉายทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง “The Intern” (โก๋เก๋ากับบอสเก๋ไก๋) ที่แม้จะเป็นหนังตั้งแต่ปี 2015 แต่เนื้อหาไม่ตกยุคเลย
The Intern เป็นเรื่องราวของจูลส์ ออสติน (นำแสดงโดยแอนน์ แฮทธาเวย์) หญิงสาว Gen Y เจ้าของสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มจำหน่ายเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นออนไลน์ บริษัทของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังได้รับทุนสนับสนุนจากบรรดา VC (venture capitalist) จากสตาร์ทอัพเล็ก ๆ ใช้เวลาเพียง 18 เดือนก็ขยายเป็นธุรกิจใหญ่มีพนักงานในการดูแลกว่า 200 คน ทำให้จูลส์ขึ้นแท่น e-entrepreneur ที่ประสบความสำเร็จสูง
แต่นั่นก็แลกด้วยการทุ่มเททำงานหนัก และความกดดันจากปัญหาในครอบครัวที่เริ่มก่อตัวเมื่อจูลส์ออกไปโลดแล่นสร้างรายได้ในฐานะหัวหน้าครอบครัวจนไม่มีเวลาให้ แล้วปล่อยให้สามีทำหน้าที่พ่อบ้านดูแลลูกสาวตัวน้อยแทน วันหนึ่ง ทีมงานของจูลส์ได้ทำโครงการ "Senior Intern" ซึ่งเป็นโครงการ CSR คัดเลือกผู้ฝึกงานวัยเกษียณที่มีอายุเกิน 65 ปีให้เข้ามาทำงานที่บริษัท และหนึ่งในผู้ที่ได้รับคัดเลือกคือเบน วิทเทเกอร์ (โรเบิร์ด เดอ นีโร) พ่อม่ายวัย 70 ปีซึ่งเคยทำงานในบริษัทผลิตสมุดรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์นาน 40 ปี
เบนมาเริ่มงานด้วยภาพลักษ์คนรุ่นเก่าที่ดูเนี้ยบ สวมสูทผูกไทด์พกผ้าเช็ดหน้าและหิ้วกระเป๋าหนัง บุคคลิกสุขุมเนิบช้า แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบรรยากาศในออฟฟิศที่เหล่าพนักงานคราวลูกคราวหลานแต่งตัวตามสบายและวุ่นทำงานในโลกดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก อาจดูเหมือนมี culture shock แต่เบนก็ไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย เขาปรับตัวอย่างรวดเร็ว อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมคอยให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหา ทำให้เบนกลายเป็นขวัญใจของคนในออฟฟิศ
เบนได้รับมอบหมายให้ทำงานกับจูลส์ ช่วงแรกจูลส์เพิกเฉยและไม่ยอมรับ แต่ความสุขุมคัมภีรภาพ ความช่างสังเกต ความใส่ใจในรายละเอียด การเป็นผู้รับฟังและไม่ด่วนตัดสิน และคำแนะนำในฐานะผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนทำให้จูลส์ซึ่งเข้ากับคนได้ยากรู้สึกอุ่นใจ สงบ ละไว้วางใจเบนมากขึ้น กระทั่งเกิดปัญหาแมตต์ สามีของจูลส์นอกใจเธอ จูลส์จึงคิดละจากงานที่รักโดยจ้างซีอีโอให้มาช่วยบริหารองค์กรเพื่อเธอจะได้กลับไปกอบกู้ชีวิตครอบครัว แต่ข้อคิดจากเบนและคำพูดที่ว่าไม่มีใครรู้จักธุรกิจที่ปั้นมากับมือได้ดีเท่าตัวเองก็ทำให้จูลส์ฉุกคิดได้ นำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง