ในแต่ละวันผู้ประกอบการมักต้องจัดการกับปัญหามากมายร้อยแปด ไหนจะธุรกิจที่ต้องคอยโฟกัสอีก บางครั้งจึงทำให้หลุดโฟกัสเอาง่ายๆ ก็มี แต่ทำไมเวลามองไปที่นักธุรกิจระดับโลกหลายคนพวกเขากลับดูสงบนิ่ง แถมยังแก้โจทย์ยากๆ ที่เข้ามาได้ราวกับเป็นแค่เรื่องๆ หนึ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป
ยกตัวอย่างเช่น อีลอน มัสก์ เขาเป็นคนที่มีโฟกัสและสมาธิดีเยี่ยมต่อการทำงานเลย โดยในช่วงเริ่มต้นทำ Tesla ที่เกิดปัญหาขึ้นต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เขาใช้เวลากว่า 75 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการทำมันให้สำเร็จ โดยมุ่งมั่น ไม่วอกแวกกับใคร หรือสิ่งอื่นๆ เมื่อเสร็จงานหนึ่งแล้ว จึงค่อยไปทำอย่างอื่นต่อ นี่คือ วิธีทำให้งานแต่ละชิ้นออกมามีประสิทธิภาพได้ นอกจากนี้ในแต่ละสิ่งที่เขาทำยังมี Passion เสมอ ในแต่ละสิ่งที่ทำเขารู้เหตุผลเสมอว่าทำมันขึ้นมาเพราะอะไร แน่นอนไม่ใช่ยอดเงินสูงๆ อย่างแน่นอน
หรืออย่างผู้พันแซนเดอร์สแห่ง KFC เองกว่ากิจการไก่ทอดของเขาจะประสบความสำเร็จ โด่งดังไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้ เขาเคยถูกปฏิเสธถึง 1,009 ครั้งด้วยกันก่อนที่จะสามารถขายสูตรไก่ทอด KFC ได้สำเร็จ นั่นเป็นเพราะเขามองไปที่เส้นชัยข้างหน้า มากกว่าที่จะมองความผิดหวังในอดีต การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ เราต้องปล่อยให้อดีตกลายเป็นอดีตไป ไม่ใช่นำมาเป็นสิ่งที่กำหนดความสำเร็จในอนาคต
โดยอีกหนึ่งผู้ที่ช่วยยืนยันได้ว่าการมีสมาธิจดจ่อที่ดีจะส่งผลต่อการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือ Bill Gates โดยเขามักฝึกทำสมาธิเป็นประจำ เพื่อช่วยให้จิตใจจดจ่ออยู่กับงานหรือเรื่องที่ทำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเปรียบเหมือนการออกกำลังกายของใจ โดยเขาใช้เวลาทำสมาธิประมาณ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละสั้นๆ เพียงแค่ 10 นาที แค่นี้ก็ทำให้เขาจัดการเรียงลำดับความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ในหัวได้แล้ว และต่อไปนี้ คือ 7 เคล็ดลับที่นักธุรกิจระดับโลกใช้โฟกัสกับงานในแต่ละวันให้ประสบความสำเร็จกัน
จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้
หากคุณไม่สามารถกำหนดสภาพอากาศ เศรษฐกิจ ห้ามคนไม่ให้ป่วย ห้ามท้องไม่ให้หิวได้ฉันใด คุณก็ไม่สามารถจะห้ามปัญหาต่างๆ ไม่ให้เข้ามาได้ฉันนั้น ดังนั้นจึงควรโฟกัสกับสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ ปัจจัยอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุม บางครั้งก็ต้องปล่อยมันไป อย่าไปเสียเวลาทำซะให้ยากเลย
มองไปที่เส้นชัย ไม่สนใจความพ่ายแพ้ในอดีต
ความล้มเหลวในอดีตมักสร้างบาดแผลในใจให้ทุกครั้งที่ย้อนนึกไปถึง แต่ก็เป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว คุณไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ดังนั้นหากจะมองอดีตจึงมองที่ความสำเร็จ หรือเรื่องดีๆ จะดีกว่า สิ่งนั้นจะเป็นกำลังใจ ความมั่นใจให้คุณก้าวไปข้างหน้า เพื่อประสบความสำเร็จอีกครั้ง อย่าลืมว่าคุณกำลังทำเพื่อเส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ความพ่ายแพ้
ค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง
การต้องมีเรื่องให้สะสางมากมาย อาจทำให้คุณทำตัวไม่ถูกว่าควรจะเริ่มต้นจัดการอะไรก่อนดี ลองไล่เรียงลำดับเลือกสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นที่สุดก่อน จากนั้นค่อยๆ ลงมือแก้ไขและทำไปทีละอย่าง การทำแบบนี้จะทำให้คุณมีสมาธิและไม่หลุดโฟกัส ดีกว่าที่ต้องทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมกัน
มุ่งไปที่การแก้ปัญหา ไม่ใช่ข้อแก้ตัว หรือตำหนิ
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำ คือ การหาวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ไม่ใช่การโฟกัสว่าใครถูกใครผิด ใครต้องรับผิดชอบ เพราะนอกจากจะทำให้เสียเวลาไปโดยใช่เหตุแล้ว อาจทำให้เกิดผลเสียตามมาจากความล่าช้าอีกด้วย
ลงมือทำ อย่าวอกแวก
ในวันหนึ่งๆ เราอาจมีเรื่องให้ต้องจัดการมากก็จริง บางเรื่องก็ไม่ใช่งานจริงๆ แต่ก็อาจทำให้คุณหลุดโฟกัสหรือเสียเวลาในการทำงานไปได้ เช่น การเช็คอีเมล การแชทตอบคำถาม หรือมีลูกน้องมาขอคำปรึกษาบ้าง บางครั้งคุณอาจต้องตั้งมั่นในสิ่งที่จะทำก่อน โดยอาจจัดเป็นตารางเวลาสำหรับหนึ่งวันเอาไว้ โฟกัสลงมือทำกับสิ่งที่เป็นเนื้องานจริงๆ ก่อน และใช้ช่วงเวลาระหว่างวันที่เหลือทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้คุณมีสมาธิได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยจัดสรรการใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างลงตัวด้วย ไปจนถึงลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาเองก็จะได้ทำตัวได้ถูกว่าควรเข้ามาขอคำปรึกษาคุณได้เมื่อไหร่