บีโอไอเห็นชอบ 2 มาตรการส่งเสริม SMEs

บอร์ด BOIไฟเขียว 2 มาตรการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถ SMEs/หนุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ครอบคลุมกิจการ 39 ประเภทโดยมีเงื่อนไขต้องยื่นภายในสิ้นปีนี้

รัฐทำแผนส่งออกปี 57 เน้นโปรโมตรายสินค้า

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า แผนส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าไทยในปี 2557 กรมฯ จะสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าไทยเป็นรายกลุ่มสินค้า โดยจะทำการโปรโมตผ่านนิตยสาร แมกกาซีน โทรทัศน์ บิลบอร์ด ในประเทศเป้าหมาย เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก และสร้างการยอมรับต่อสินค้าไทยและประเทศไทย ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยมีการส่งออกได้เพิ่มขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์สินค้าไทยดีขึ้นในสายตาต่างประเทศ “ได้ขอให้ทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศไปดูว่าประเทศที่ประจำอยู่ สินค้าไทยอะไร มีขีดความสามารถในการบุกเจาะตลาด ก็จะเข้าไปพีอาร์สินค้าไทยชนิดนั้นๆ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และโปรโมตผ่านสื่อเฉพาะของสินค้านั้นๆ อย่างเช่น อาหาร ก็จะเน้นหนังสือ นิตยสาร หรือรายการที่เกี่ยวกับอาหาร อัญมณี สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ก็จะใช้หลักการเดียวกันนี้ในการโปรโมต” นางนันทวัลย์กล่าว

DHL เปิดชำระค่าบริการออนไลน์ SMEs ได้ลด 30%

ดีเอชแอลเดินหน้าพัฒนากระบวนการลอจิสติกส์ให้คล่องตัว และสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น รองรับธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มอบส่วนลดค่าบริการ 30% และเปิดรับชำระค่าบริการออนไลน์ ผ่านบัตรเครดิตบนพอร์ทัล MyDHL

ส.อ.ท.ห่วงเปิดค้าเสรี SMEs ชิ้นส่วนยานยนต์สู้ไม่ไหว

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังอาเซียนเปิดการค้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบ อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หันไปนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แทนการนำเข้าจากไทย หรือใช้ไทยเป็นฐานผลิต เพราะการค้าเสรีจะทำให้อาเซียนเป็นเหมือนฐานการผลิตเดียวกัน หากผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไม่มีการปรับตัว ทั้งเรื่องเทคโนโลยี และการลดต้นทุนการใช้แรงงานเพื่อให้แข่งขันได้ อาจทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากการเปิดอาเซียนได้ โดยผู้ประกอบการกลุ่มชิ้นส่วนรายย่อยมีจำนวน 1,700 ราย รายกลาง 500 ราย ที่เหลือเป็นรายใหญ่ที่ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง

นายจ้างขอตรึงค่าแรง 300 บาทไปอีก 2 ปี

นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ กรรมการค่าจ้างฝ่ายนายจ้าง คณะกรรมการค่าจ้างกลาง (บอร์ดค่าจ้าง) กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการค่าจ้างว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีลูกจ้างบางกลุ่มเสนอให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นมาก ที่ประชุมเห็นว่าการปรับค่าจ้างให้สูงขึ้นอาจไม่เป็นประโยชน์ หากไม่สามารถคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการครองชีพได้ ซึ่งสถานประกอบการส่วนใหญ่ต่างคงอยู่ได้ แต่หากมีการปรับขึ้นค่าจ้างอีกก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ จึงอยากให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 300 บาทไปอีกประมาณ 2 ปี ซึ่งเป็นไปตามมติบอร์ดค่าจ้างก่อนหน้านี้ ที่ให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทไปจนถึงปี พ.ศ.2558 หากไม่มีปัจจัยความผันผวนด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยและทั่วโลก หลังจากนั้นใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทเป็นฐาน โดยใช้การปรับค่าจ้างเป็นอัตราลอยตัว ที่เป็นราคาค่าจ้างที่ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้าง ซึ่งค่าจ้างไม่จำเป็นต้องเป็นอัตราเดียวทั่วประเทศ หรือส่งเสริมให้มีเรื่องโครงสร้างค่าจ้างในสถานประกอบการที่กำหนดให้สถานประกอบการที่ลูกจ้า