Finanace

6 บทเรียนความผิดพลาดด้านการเงินที่ SME ต้องเรียนรู้



 

     สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ


     ความผิดพลาดที่ 1 ใช้จ่ายมากเกินไป
     มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อเรามีเงินมากขึ้นแล้วจะซื้อกาแฟเพิ่มจากวันละ 1 แก้วเป็น 2 แก้ว ไปร้านอาหารบ่อยขึ้น ซื้อของใช้ส่วนตัวให้ตัวเองมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าทุกค่าใช้จ่ายที่เราเสียไป เท่ากับเงินที่เหลืออยู่ค่อยๆ ลดลง แค่เราใช้จ่ายมากขึ้นสัปดาห์ละ 500 บาท ก็เท่ากับเงินเก็บที่หายไปปีละประมาณ 26,000 บาทแล้ว ยิ่งเป็นการทำธุรกิจที่เงินทุกบาทมีความสำคัญต่อความอยู่รอดมากๆ ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะจ่ายเงินออกไป

     
     ความผิดพลาดที่ 2 รายจ่ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด
     ลองดูว่าในธุรกิจของคุณมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและต้องจ่ายตลอดทุกเดือนหรือไม่ เช่น ค่าเคเบิล ค่าสมาชิกต่างๆ ซึ่งจ่ายไปแล้วเหมือนเราจะได้เป็นเจ้าของ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หรือค่าโทรศัพท์รายเดือนที่ใช้จ่ายไม่เคยถึงยอดขั้นต่ำ เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้เราต้องจ่ายไปเรื่อยๆ ทุกเดือน หากจ่ายไปแล้วธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์อะไร ก็ควรพิจารณาตัดรายจ่ายเหล่านั้นออกไป หรืออย่างค่าโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นระบบเติมเงินแทน

     
     ความผิดพลาดที่ 3 นำเงินในอนาคตมาใช้
     ในปัจจุบันการใช้เงินผ่านบัตรเครดิตนั้นเป็นเรื่องปกติมากๆ แต่ถ้าหากว่าเรายังไม่มีความพร้อมในการชำระเงิน และไม่พร้อมที่จะใช้ระบบหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร ก็ไม่ควรใช้บัตรเครดิตเลย เพราะว่าหากชำระไม่ทันหรือค้างชำระ จะพบว่า ดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นโหดร้ายมาก ยิ่งติดไว้หลายๆ เดือน ยิ่งแย่และส่งผลกระทบเชิงลบต่อสภาพการเงินของธุรกิจอย่างแน่นอน

     
     ความผิดพลาดที่ 4 สร้างออฟฟิศหรูเกินไป
     
การมีออฟฟิศขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างหรูหรา ย่อมเป็นภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร แต่ถ้าออฟฟิศมีขนาดใหญ่เกินไป ค่าตกแต่งย่อมสูงตามไปด้วย ไหนจะค่าเช่ารายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาสิ่งของต่างๆ อีก ดังนั้น คิดให้ดีว่าธุรกิจของเราเหมาะหรือจำเป็นที่จะต้องลงทุนขนาดนั้นหรือเปล่า


     ความผิดพลาดที่ 5 ไม่เคยปรึกษาผู้รู้หรือนักบัญชี
     
เรื่องการทำบัญชีเป็นเรื่องน่าเวียนหัวสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีความถนัดด้านนี้ ทั้งๆ ที่ถ้ามีการจัดการด้านบัญชีที่ดี ผลการวิเคราะห์ทางบัญชีอาจช่วยให้เห็นข้อบกพร่องและทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นแล้ว ถ้าธุรกิจของเราเจอปัญหาด้านบัญชีที่ค่อนข้างหนัก หรือไม่มั่นใจในการทำบัญชีของตัวเอง ลองเอางานเหล่านั้นออกไปด้วยการปรึกษามืออาชีพ อย่าคิดว่านี่คือต้นทุนมันเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ  


     ความผิดพลาดที่ 6 ไม่มีแผนและไม่รู้จักอดออม
     ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ขาดการวางแผนที่ดี เช่น ไม่ได้วางแผนว่า จะขยายธุรกิจไปอย่างไร ไม่มีแผนระยะสั้นและระยะยาว เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อวัตถุดิบมาผลิต และนำไปขาย วนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะบางคนเชื่อว่า การนำเงินไปฝากนั้นได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำไม่คุ้มเท่ากับการลงทุนในสินค้าเพื่อนำไปขายต่อ


     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดอกเบี้ยธนาคารในเมืองไทยจะไม่สูง แต่ผู้ประกอบการต้องรู้จักอดออมเพื่อนำเงินไปลงทุน หรือนำเงินไปวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจ ดังนั้น การมีวิสัยทัศน์ วางแผนให้กับธุรกิจ และเก็บรักษาเงิน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน และอีกเหตุผลหลักคือ หากเราไม่มีเงินสะสมเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน ก็จะไม่สามารถรับมือกับเรื่องต่างๆ ได้ เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรือการปรับอัตราเงินเดือนลูกจ้างแบบกะทันหันของรัฐบาล เป็นต้น 
 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี