Starting a Business

G.VANA แบรนด์ลิปสติก ที่สร้างคาแร็กเตอร์ของคนทาด้วยแพ็กเกจจิ้งจนครองใจลูกค้า

 

Text : Yosita T. 

     ถ้าพูดถึงแบรนด์ลิปสติกที่มีคุณภาพดีแถมยังมีแพ็กเกจจิ้งอลังการจนกลายเป็นไวรัลใน TikTok ก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์ G.VANA แบรนด์ลิปสติกที่ใส่ใจกับแพ็กเกจจิ้ง จนใครหลายคนเห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องรีบซื้อทันที โดยเจ้าของแนวคิดนี้คือ สเก็ต-ปิยฉัตร บุตรเนียร เจ้าของแบรนด์ G.VANA ที่เชื่อว่าการสร้างแบรนด์นอกจากสินค้าจะดี มีคุณภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อตั้งแต่แรกเห็น ก็คือแพ็กเกจจิ้งซึ่งจะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด

     เมื่อตัดสินใจอยากทำแบรนด์เป็นของตัวเองแล้วสิ่งแรกที่สเก็ตคิดคือ จะขายอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วนึกถึงเธอดี นั่นจึงเป็นที่มาของการขายลิปสติกเพราะเธอมีความมั่นใจว่าปากเป็นจุดเด่นที่สุดในร่างกายที่จะนำมาเป็นจุดขายได้นั่นเอง

 

 

     “เวลาจะทำสินค้ามีหลายอย่าง มีแบบที่ทำเพื่อตอบสนองคนอื่นคือ ดูกระแสว่าตอนนี้คนเขาฮิตอะไรกัน เราก็ทำอันนั้นขาย กับอีกแบบคือ ขายสิ่งที่ตัวเองมี ดูว่าเรามีจุดเด่นอะไร อย่างถ้าเราผิวสวย ขายพวกสกินแคร์ก็มีคนอยากซื้อตาม แต่พอเป็นตัวเราเอง เราคิดว่าปากคือจุดเด่นที่มี เพราะชอบมีคนมาถามว่า ฉีดปากที่ไหน ปากสวยจัง แล้วเวลาที่เราพูดหลายคนก็จะบอกว่าปากมีเสน่ห์ เลยทำให้เราตัดสินใจอยากทำลิปขาย”

     สเก็ตเล่าต่อไปว่า การที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาขายสินค้าที่มีคู่แข่งในตลาดอยู่มากมายแบบนี้ เพราะลิปสติกเป็นสินค้าที่มีขายอยู่เยอะ ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเยอะมาก ดังนั้น สิ่งที่จะดึงดูดให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์ G.VANA ได้นั้น ต้องเป็นแพ็กเกจจิ้งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ต้องโดดเด่นจนใครเห็นก็อดใจไม่ไหวที่จะซื้อ เธอจึงเริ่มออกแบบแพ็กเกจจิ้งด้วยตัวเอง โดยใส่ความเป็นตัวเองลงไปอย่างชัดเจน

 

 

     “ในเรื่องสีลิป โทนสีก็มีอยู่แค่นี้ ในเรื่องคุณภาพความติดทน ความฉ่ำวาว ก็วนอยู่แค่นี้ไม่มีอะไรแตกต่าง ความคิดตอนนั้นคือ เราจะทำยังไงให้คนที่ใช้แบรนด์อื่นอยู่หันมาเลือกเรา เลยคิดมาสร้างจุดเด่นที่แพ็กเกจจิ้ง ต้องแตกต่าง แล้วไม่ใช่แค่กล่องชมพู ส้ม แดง แบบที่คนอื่นเขาทำไปแล้ว อยากให้คนเห็นแล้วรู้ว่านี่คือเรา”

     อย่างที่บอกไปว่าจุดเด่นของแบรนด์ G.VANA คือ แพ็กเกจจิ้งที่ใครๆ เห็นแล้วก็ต้องรู้สึกว้าว แต่ไม่ใช่แค่อลังการอย่างเดียว ทุกดีเทลในแพ็กเกจจิ้งได้ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดีและมีความหมาย สเก็ตเล่าว่า ลิปสติกก็สามารถบอกคาแร็กเตอร์ของคนที่ทาได้ เธอจึงตั้งใจออกแบบแพ็กเกจจิ้งแทนที่จะเป็นกล่องธรรมดาๆ แต่ทำเป็นลวดลายดอกไม้ เพื่อให้ดอกไม้นี้บ่งบอกคาแร็กเตอร์ ทำให้ลูกค้าได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าเวลาทาแล้วจะออกมาเป็นสไตล์ไหน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ลิปสติกแบรนด์ G.VANA ที่เป็นแบรนด์น้องใหม่เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ไม่ยากเลย

 

 

     “เพราะคาแร็กเตอร์คนที่ใช้แต่ละคนไม่เหมือนกัน เราเลยอยากให้ดอกไม้มาแทนคาแร็กเตอร์ เพราะบางคนก็มีคำถามว่าสีชมพู แล้วมันชมพูโทนไหน พอเราใส่คาแร็กเตอร์ลงไปก็ทำให้เขาเห็นภาพชัดขึ้น อย่างดอกป๊อบปี้พิ้งค์ จะเป็นฟีลคุณหนูน่ารัก ทำให้ง่ายขึ้นเราไม่ต้องอธิบายเยอะ ก็พยายามหาดอกไม้ว่าดอกไหนเหมาะกับสีอะไรบ้าง เราก็เลือกมา มีดอกป๊อปปี้พิงค์ (โทนชมพู) ดอกทานตะวัน (โทนส้ม) และดอกรูบี้ทิวลิป (โทนแดง) เราว่า 3 ดอกนี้มันไม่ต้องมาเล่าใหม่เพราะคนส่วนใหญ่รู้จักและเข้าใจ ในเมื่อเราเอาดอกไม้มาแทนคาแร็กเตอร์แล้ว ดอกไม้ก็ต้องตอบให้เราแล้วว่าสีไหนสไตล์ไหน ไม่ใช่ว่าเราไปเอาดอกที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมาแล้วก็ต้องมาเล่าใหม่อีก เลยคิดว่าเอา 3 ดอกนี้แหละคนไทยรับรู้และเข้าใจง่ายดี”

     แน่นอนว่าการจะทำแพ็กเกจจิ้งที่มีดีเทลมากมายแบบนี้ เรื่องขั้นตอนการผลิตและการออกแบบก็ยุ่งยากและซับซ้อนพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นสเก็ตก็พูดอย่างหนักแน่นว่า ณ ตอนนั้นไม่มีอะไรมาขวางความมุ่งมั่นของเธอที่อยากจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการ Cosmetic ได้เลย และกว่าจะมีแบรนด์ G.VANA ในวันนี้ สเก็ตก็ต้องใช้เวลาที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง เพราะการสร้างแบรนด์นี้เป็นการก้าวออกมาจาก Safe Zone ของเธอเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อก้าวออกมาได้เธอก็ทุ่มสุดตัวจน G.VANA เป็นแบรนด์ลิปสติกน้องใหม่ที่สร้างกระแสแพ็กเกจจิ้งสุดอลังการในโลกออนไลน์ ณ วันนี้

IG : g.vanathailand

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup