Starting a Business

“ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” เน้นเจาะกลุ่มคนรักชาไทย ตีตลาดอีเวนต์ สร้างยอดขาย 3 แสนบาทต่อเดือน!

 

Text : Yuwadi.s

     บางทีถ้าเป้าหมายชัด รู้ว่าชอบอะไรแล้วพุ่งไปข้างหน้าก็อาจจะเจอกับความสำเร็จได้ไม่ยาก เหมือนอย่างสาววัย 25 ปีคนนี้ วิว-พันธ์ทิพย์ ดีเจริญ” เธอมีโอกาสได้เปิดคาเฟ่หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยและลุยธุรกิจนี้เต็มตัว พร้อมทั้งได้แตกแบรนด์ลูกมาจากแพสชันในการดื่มชาเย็น กลายเป็นแบรนด์ “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน by BEAMS CHA” เจาะกลุ่มชาเย็นเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ ที่สำคัญยังเน้นการออกอีเวนต์เพื่อไปเจอกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว สร้างยอดขายต่อเดือนหลายแสนบาท!

 

 

เริ่มต้นจากคาเฟ่สู่การแตกแบรนด์ลูก

     โดยจุดเริ่มต้นก่อนจะเป็นแบรนด์ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน by BEAMS CHA วิวเล่าให้ฟังว่าหลังจากเธอเรียนจบก็ได้มีโอกาสเปิดคาเฟ่ย่านบรรทัดทอง ชื่อว่า Better Beam café โดยมีเมนูซิกเนเจอร์คือชาเย็น

     “ตอนนี้อายุ 25 ปี เราเปิดคาเฟ่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากเรียนจบประมาณช่วงโควิด ตอนที่เริ่มทำเพราะว่าเราได้ทำเลมา ที่บ้านเราทำธุรกิจเสื้อผ้าแถวนี้แล้วตอนนั้นมันยังไม่มีร้านกาแฟที่อร่อยถูกปาก ตรงทาเก็ตกับเรา เราเลยเลือกเปิดคาเฟ่ ณ ตอนนั้น พอเริ่มทำคาเฟ่ก็เริ่มจากไปเรียนเบสิกบาริสต้าและศึกษาการทำกาแฟ ขนมมาเรื่อยๆ พอมาเปิด เราก็เริ่มลองทำตัวซิกเนเจอร์เป็นชาเย็น พื้นฐานเราเป็นคนนครศรีธรรมราช ที่บ้านก็ชอบกินชา เราเลยเริ่มทำชาขายในคาเฟ่ก่อน”

     หลังจากเปิดคาเฟ่ได้ 2 ปี วิวตัดสินใจแตกแบรนด์ลูกออกมานั่นคือตัวชาเย็นที่เป็นเมนูเด็ดของร้าน สร้างให้เป็นโพรดักส์ใหม่เพื่อลุยการตีตลาดในงานอีเวนต์โดยเฉพาะ ในตอนแรกใช้ชื่อว่า BEAMS CHA ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฉันจะกินชาเย็นทุกวันเพื่อให้ลูกค้าเก็ตทันทีตั้งแต่แรกเห็น

     “ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พอจะหมดโควิด เราก็เริ่มทำโพรดักส์เกี่ยวกับชา แตกแบรนด์ลูกออกมาเพื่อที่จะทำตัวชาอย่างเดียวแล้วก็ออกอีเวนต์ แล้วเราก็ตั้งชื่อเป็น ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน เพราะว่าเราเน้นโฟกัสกลุ่มคนชอบกินชาเย็น ตัวเราเองก็ชอบกินชาเย็นด้วย ทีนี้คนที่เขากินชาเย็น ก็จะกินทุกวัน เราเลยเอาคำนี้มาใช้ มันตรงใจคนรักชาเย็นและทัชลูกค้าได้มากกว่า”

     สำหรับจุดเด่นของชาไทย วิวเล่าว่าจะอยู่ตรงที่การเบลนชาซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นเองทำให้ชามีความเข้มข้นและหอมกว่าชาไทยทั่วไป ซึ่งจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบชาไทย

     “ของเราจะเน้นเป็นชาเย็นสูตรพิเศษที่เราเบลนมาอย่างดี จะมีความเข้มข้นกว่าชาปกติทั่วไป มีความหอมมันลงตัว นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ชามะนาว เราจะทำให้ชามะนาวมีความเข้มข้นถึงใจ มีความเปรี้ยวและหวานที่ลูกค้าดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่น แล้วก็มีตัวพุดดิ้งชาไทย จะเป็นตัวชาเบลนที่เป็นซิกเนเจอร์ของเรา กินคู่กับไข่มุกเม็ดเล็ก”

 

 

พาชาไทยบุกตลาดอีเวนต์

     การทำตัวแบรนด์ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน by BEAMS CHA วิวเล่าว่าเป็นการทำขึ้นมาเพื่อลุยอีเวนต์โดยเฉพาะ ซึ่งอีเวนต์แรกที่เธอไปนั่นคือสามย่าน มิตรทาวน์ แต่ปรากฏว่าฟีดแบ็คไม่ดีอย่างที่คิดไว้ เธอจึงเบนเข็มไปยังทำเลที่น่าจะตรงทาเก็ตที่สุดนั่นคือโซนออฟฟิศ

     “เราทำตัวแบรนด์เพื่อลุยอีเวนต์ เริ่มแรกเราไปสามย่านมิตรทาวน์ก่อน แต่ผลปรากฏว่าไม่ค่อยดี เพราะว่ามันหน้าฝนและแบรนด์เราใหม่มาก ขายไม่ดีเลย รอบสองเราจึงลองไปโซนออฟฟิศ ยอดขายถล่มทลาย เราเลยเน้นทาเก็ตที่คิดว่ามันใช่ ตอบโจทย์ นั่นคือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ จริงๆ คนทำงานจะมี 2 ประเภท ประเภทแรกคือดื่มกาแฟอย่างบ้าคลั่ง กับอีกกลุ่มไม่ดื่มกาแฟ แต่ดื่มชา ก็จะมีตัวชาส้มนี่แหละที่เป็นทาเก็ตของกลุ่มนี้ แล้วช่วงนี้ก็อาจจะฮิตขึ้นมาด้วยความที่ว่าเราได้อันดับ 4 ของโลก เครื่องดื่มที่ดีที่สุด เลยมีกระแสบางส่วนเข้ามาแต่ก็มีบางส่วนที่ดื่มเป็นปกติอยู่แล้ว”

     นอกจากนี้วิวยังได้เสริมถึงเคล็ดลับการออกบูธอย่างไรให้ดึงดูดลูกค้า โดยเธอจะเน้นการตกแต่งบูธให้มีหน้าตาสวยงามรวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์ในการโปรโมตเพื่อดึงคนเข้ามาด้วย

     “การจะทำให้ลูกค้าจดจำตัวแบรนด์ได้ บูธเราต้องมีจุดเด่นน่าสนใจ อาจจะมีเวิร์ดดิ้งหรืออะไรให้ลูกค้า เอ๊ะ และเข้าใจว่ารสชาติเป็นประมาณไหน อาจจะด้วยสีของแบรนด์ การจัดร้าน การโชว์สินค้า เรื่องแสงไฟ ภาพรวมต้องสะดุดตาแล้วก็ใช้ช่องทางโซเชียลในการสื่อสารกับลูกค้าว่าเราจะไปออกบูธที่ไหน ให้ตรงประเด็น กระชับ รวมๆ คือตัวบูธต้องสวยงามก่อน ส่วนออนไลน์วิวให้ความสำคัญกับ TikTok เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้ลูกค้ารู้จักเราเยอะที่สุด อาจจะมีการเล่าเรื่อง บ่งบอกตัวผลิตภัณฑ์บ้าง คนใน TikTok ก็จะชอบคลิปที่เห็นแล้วนึกภาพได้เลย ไม่ซับซ้อน”

 

 

     โดยเธอยังเล่าถึงการบริหารงานในรูปแบบที่แตกต่างกันจากประสบการณ์ที่ทำมาทั้งการเปิดคาเฟ่แบบหน้าร้านรวมไปถึงการพาแบรนด์ลูกออกอีเวนต์ ซึ่งจะมีแนวคิดการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

     “วิวว่ายากคนละแบบ คาเฟ่มันจะเป็นการที่เราต้องดูหลายๆ อย่าง หลายองค์ประกอบ มีค่าเช่าที่ สต๊อกสินค้า รายละเอียดค่อนข้างเยอะและวุ่นวาย แล้วก็ต้องเสริมเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว สร้างลูกค้าประจำ ส่วนอีเวนต์จะยากเรื่องแต่ละพื้นที่ แต่ละช่วงเวลาจะไม่เหมือนกัน มันจะท้าทายในการดึงลูกค้าเข้ามาหาเราเร็วที่สุด ต้องคิดไปทีละอีเวนต์ ส่วนคาเฟ่คือการวางแผนระยะยาวให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ”

     วิวได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในแบบของเธอว่าสิ่งสำคัญคือการเข้าใจในตัวสินค้าและแบรนด์ที่ทำให้มากที่สุด

     “เราต้องมีความเข้าใจในตัวสินค้าและตัวแบรนด์ รวมไปถึงเข้าใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญคือการดึงจุดเด่นของตัวสินค้าออกมา”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup