เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร้านไอศกรีม Van Leeuwen ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไม่นาน เกิดปัญหาเนื่องจากมีลูกค้าซื้อมาไอศกรีมสูงมากเกินความความหมาย ไอศกรีมจึงหมดอย่างรวดเร็ว

     Ben Van Leeuwen ในฐานะซีอีโอ รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับข้อความเกี่ยวกับปัญหานี้

     “ตอนนี้ 23.00 น. ในคืนวันเสาร์และไม่มีใครสามารถส่งไอศกรีมนั้นได้”

     จากนั้นเบนในวัย 39 ปีก็ขับรถไปที่โรงงาน Van Leeuwen ใน Greenpoint บรูคลิน เพื่อบรรทุกไอศกรีมในรถบรรทุกตู้เย็น ก่อนที่จะขับรถ 5 ชั่วโมงไปยังดี.ซี. ซึ่งเขาตั้งใจที่จะส่งไอศกรีมทั้งหมดนี้แล้วขับรถตรงกลับนิวยอร์ก เพราะวันถัดไปคือวันจันทร์ที่ต้องทำงาน แต่เมื่อมาถึงและพบว่ามีคนรอคิวอยู่ 100 คน เขาเลยตัดสินใจช่วยแจกไอศกรีมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

     นับตั้งแต่ก่อตั้ง Van Leeuwen ในปี 2008 ไอศกรีมแบรนด์นี้ก้ได้เติบโตขึ้นเป็นแบรนด์ระดับประเทศ Van Leeuwen มีร้านไอศกรีมเกือบ 50 แห่งใน 7 รัฐทั่วประเทศ และยังมีวางจำหน่ายในร้านขายของชำเกือบ 10,000 แห่ง รวมถึง Walmart และ Whole Foods ด้วย

     นี่คือวิธีที่ Van Leeuwen เปลี่ยนจากรถขายไอศกรีมคันเดียวในย่าน Soho มาเป็นธุรกิจมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สามารถทำรายได้มากกว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน

ก่อนจะมาเป็น Van Leeuwen

     ในขณะที่กำลังเรียนอยู่ปี 2 ในวิทยาลัยและต้องการใช้เงิน เบนพบโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ที่เสนอเงิน 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์สำหรับการขายไอศกรีม จากนั้นในไม่ช้าเขาก็อยู่หลังพวงมาลัยรถบรรทุก Good Humor ที่บรรทุก แซนวิชไอศกรีม ไอศกรีมแท่ง และสินค้าแช่แข็งอื่นๆ  

     เบนใช้เงินที่ได้จากการทำงานนั้นไปกับการเดินทางทั่วโลกเป็นเวลา 9 เดือน เขาไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เวลาในสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสมีความสำคัญในการเปลี่ยนความคิดของเขาเกี่ยวกับอาหาร

     “ในฐานะเด็กอเมริกันที่ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากกับสถานที่เหล่านี้ ที่อาหารดีๆ เป็นเพียงสิ่งธรรมดา” เขากล่าว

     เมื่อเบนกลับมาที่วิทยาลัย ความคิดเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2008 เมื่อเขาบังเอิญไปเจอรถขายไอศกรีม Mister Softee ในนิวยอร์กซิตี้

     “นั่นคือเมื่อทุกอย่างคลิกโดยไม่รู้ตัวและรู้ตัว สนใจอาหารดีๆ แต่ก็อยากให้อาหารนั้นเป็นเรื่องปกติและเข้าถึงได้ เลยพูดว่า เรามาสร้างรถไอศกรีมขึ้นมาใหม่กันเถอะ”

เรียนรู้การทำไอศกรีมด้วยตนเอง

     เบนรู้ว่าเขาต้องการก่อตั้งบริษัทไอศกรีม แต่ก็มีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง คือเขาไม่เคยทำไอศกรีมมาก่อน!

     ชายหนุ่มวัย 24 ปีในขณะนั้น เลยจำเป็นต้องถอยกลับไปที่ห้องครัวของอพาร์ตเมนต์ที่เขาใช้ร่วมกับพี่ชายของเขา Pete Leeuwen และเพื่อนสนิท Laura O’Neill และเริ่มศึกษาลองทำไอศกรีมด้วยตนเอง

     เขาทำตามสูตรอาหารจาก "Bouchon" ของเชฟมิชลินสตาร์อย่าง Thomas Keller เพื่อทำไอศกรีมวานิลลา แล้วพบว่ากระบวนการนี้ง่าย ซึ่งสิ่งได้ลายเป็นสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Van Leeuwen คือเรียบง่ายและมีคุณภาพสูง

     เมื่อมีสูตรอาหารอยู่ในมือ เบน ลอร่า และพีท จึงเริ่มสร้างแผนธุรกิจ พวกเขาคำนวณว่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้ปรับปรุงรถบรรทุก ค้นหาโรงงาน และสร้างเว็บไซต์ได้

      อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่พวกเขาก็ระดมทุนได้เพียง 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น จากเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว 15 คน ถึงกระนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะซื้อรถบรรทุกมือสองจาก eBay   

     ซึ่งแน่นอนว่าการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียง 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้พวกเขาต้องลงมือทำเองเกือบทุกอย่าง เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินทุนที่จะสร้างโรงงานผลิตไอศกรีมของตนเอง จึงต้องจ้างโรงงานขนาดเล็กในตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก ผลิตไอศกรีมให้ และทำให้พวกเขาต้องเดินทางไปที่โรงงานเพื่อบรรทุกไอศกรีมในแต่ละครั้ง

     “ในช่วง 10 ปีแรกไม่มีทีมงานของบริษัท เราเป็นคนทำบัญชี เราเป็น CFO, CMO และผู้อำนวยการฝ่ายค้าปลีก เรายังช่วยสร้างร้านค้าและซ่อมรถบรรทุกอีกด้วย”

ความสำเร็จอันหอมหวาน

     ไอศกรีม Van Leeuwen ได้รับความนิยมตั้งแต่วันแรก เมื่อ เบน, ลอร่า และพีท จอดรถที่หัวมุมของ Greene และ Prince ใน Soho ลูกค้าก็เริ่มเข้าแถวที่รถไอศกรีมของ Van Leeuwen  อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากร้าน Whole Foods ในท้องถิ่น ซึ่งเดินเข้ามาหารถบรรทุกคันนั้นและถามเจ้าของว่าพวกเขาขายส่งหรือไม่ ซึ่งเบนก็ตอบตกลงในทันที

     เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนแรกนั้น Van Leeuwen มีรถขายไอศกรีม 3 คันในนิวยอร์กซิตี้ และภายในปี 2010 Van Leeuwen ก็ทำรายได้ถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

     ในปีเดียวกันนั้น Van Leeuwen ได้เปิดร้านแห่งแรกใน Greenpoint ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนวิถีการดำเนินธุรกิจจากรถไอศกรีมมาสู่การเปิดร้าน

     “ภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากเปิดร้านนั้น เราก็พูดว่าเราจะไม่สร้างรถขายไอศกรีมอีกเลย ร้านค้าง่ายกว่ามาก สร้างรายได้มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดมันอยู่ที่เดิมเสมอ” เบน กล่าว

เติบโตไปข้างหน้า

     ในปี 2012 Van Leeuwen สามารถทำการผลิตมาที่บรูคลิน และในปี 2017 Van Leeuwen ก็ได้เริ่มดำเนินการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ซึ่งเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่สะดุดตา และช่วยเพิ่มยอดขายได้ถึง 50% ทีเดียว

     ทุกวันนี้ Van Leeuwen เป็นที่รู้จักไปทั่ว อีกทั้งยังสร้างกระแสบนโซเชียลมีเดียด้วยไอศกรีมรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตโดยความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ เช่น Kraft Mac & Cheese และ Hidden Valley Ranch

     Van Leeuwen ขายได้ประมาณ 50,000 ไพนต์ต่อวันผ่านช่องทางการขายส่ง และให้บริการลูกค้าประมาณ 40,000 รายต่อวันที่ร้าน

     ภายในสิ้นปี 2566 Van Leeuwen จะเปิดร้านไอศกรีมใหม่ 18 แห่ง รวมถึงสาขาต่างประเทศแห่งแรกในสิงคโปร์ และมีการวางแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 25-30 แห่งในปีหน้าอีกด้วย

 

ที่มา : https://www.cnbc.com/2023/08/10/how-van-leeuwen-built-a-300000-a-day-ice-cream-empire.html?&qsearchterm=Van%20Leeuwen%20                     

Photo : Instagram@vanleeuwenicecream

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup