Tech Startup

สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ดัน Startup ไทยโต แนะก้าวข้าม 2 กับดัก




Main Idea
 
  • ปีนี้จะได้เห็นการเผาจริงของ Startup ซึ่ง Startup ที่แข็งแกร่งจะอยู่รอด ส่วนใครอ่อนแอก็แพ้ไป แต่ถ้าแพ้แล้วก็ควรรีบกลับเข้ามาใหม่ โดยอาจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่หรือกลับมาอยู่ในทีมที่เก่งกว่า
     
 
  • 2 ปัจจัยที่ทำให้ Startup ไทยไม่สามารถได้เงินลงทุนต่อเนื่อง คือ คิดว่าทำธุรกิจแค่ในไทยก็เพียงพอแล้ว และการขาดทักษะการจัดการ
 

 
     “มองภาพรวมทิศทางของ Startup ไทยต้องบอกว่า เราจะได้เห็นการเผาจริงของ Startup ในปีนี้ Startup ที่แข็งแกร่งก็จะอยู่รอดได้ ส่วนใครที่ยังอ่อนแอก็แพ้ไป แต่ถ้าแพ้ไปแล้วควรรีบกลับเข้ามาใหม่ โดยอาจจะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่แล้วกลับเข้ามา หรือกลับมาอยู่ในทีมที่เก่งกว่า”

     นั่นคือสถานการณ์ของ Startup ในมุมมองของ สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท เขาให้เหตุผลด้วยว่า ถึงแม้ว่าภาพรวมจะมีธุรกิจ Startup เกิดใหม่มากขึ้น แต่ในแง่ของการเติบโตและการอยู่รอดน้อยมาก โดยอย่างในปัจจุบันดีแทค แอคเซอเลอเรท มี Startup ในโครงการ 46 ธุรกิจ ซึ่งมีอัตราความสำเร็จของธุรกิจคิดเป็น 70% โดยคิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท และมีปริมาณการระดมทุนคิดเป็นมูลค่า 870 ล้านบาท แต่ถ้าดูภาพรวม Startup ทั้งประเทศปรากฏว่า Startup ที่อยู่รอดไม่ถึง 10% ที่ได้รับการลงทุนจากระดับ Seed ไปถึง Series A อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่น้อยมาก



     สำหรับเหตุผลที่ทำให้ Startup ไทยติดกับดักไม่สามารถได้เงินลงทุนต่อเนื่องได้ สมโภชน์อธิบายว่ามาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

     ประการแรก การมี Global Mindset ซึ่งโดยทั่วไปนักลงทุนในระดับ Series A และ Series B จะดูถึงการเติบโตในตลาดโลกด้วยว่า Startup รายนี้สามารถขยายและเติบโตในต่างประเทศได้หรือไม่ ในขณะที่ Startup ไทย เมื่อเริ่มต้นธุรกิจมักจะเริ่มด้วย Locally Mindset คิดว่าทำธุรกิจแค่ในประเทศไทยก็เพียงพอแล้ว การคิดแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจึงทำให้ทิศทางการทำธุรกิจไปได้แค่นั้น กว่าที่ Startup จะรู้ตัว คิดจะขยายตลาดไปต่างประเทศก็สายเกินไปแล้ว

     ประการที่สอง การมีทักษะการจัดการ อย่างที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจ Startup จะเติบโตอย่างรวดเร็วจาก ณ วันเริ่มต้นธุรกิจในอีก 18 เดือนข้างหน้าต้องเติบโตเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือ 20 เท่า นั่นหมายความว่าการดูแลคน 5 คน ณ วันนี้ จะกลายเป็น 200 คนใน 12 เดือนข้างหน้า ตรงนี้จึงเป็นความท้าทายความสามารถของผู้ก่อตั้งที่หลายคนทำไม่ได้

     “Startup โตเร็ว 10 เท่าใน 10 เดือน ดังนั้น เขาก็ต้องเป็นซีอีโอที่ต้องมีทักษะการจัดการในแบบ 10 เท่าด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนใหญ่ๆ ที่ลง Series A และ Series B จะดูว่าธุรกิจนั้นจะไปสู่ระดับโลกได้หรือไม่ จะเติบโต 10 เท่าหรือไม่ และซีอีโอมีภาวะผู้นำแบบ 10 เท่าด้วยหรือเปล่า เลยทำให้ Startup ไทยตันกับตรงนี้ ไม่ใช่ไม่เก่ง หา Product Fit ไม่ได้”

     การมองเห็นปัญหาของ Startup ไทยที่ไม่สามารถก้าวไปสู่การระดมทุนรับ Series A ดีแทค แอคเซอเลอเรท จึงเปิดหลักสูตร A Academy สำหรับ Startup ในดีแทค แอคเซอเลอเรท ที่จัดอยู่ในกลุ่มการลงทุนระดับ Series A โดยร่วมกับ Google/500 Startup และ VCs กลุ่มนักลงทุนชั้นนำในเอเชีย เป็นการสนับสนุนเส้นทางการหาเงินทุน ที่จะช่วยให้ Startup ได้เงินทุนในมูลค่าถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเขาเชื่อว่าใน 3-5 ปีจะเห็น Startup ไทยได้เป็นยูนิคอร์นอย่างแน่นอน  




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup