
ทำไมต้องแยกงานกับชีวิตชัดเจน “Work-Life Fluidity” เทรนด์ใหม่ของคนทำงาน ที่อยากมีทั้งงานและชีวิตในแบบของตัวเอง

เรียบเรียง : Phan P.
ในยุคที่ออฟฟิศไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะประจำ เวลาเข้างานไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่ตายตัว ทำให้รูปแบบชีวิตการทำงานแบบเดิมๆ กำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นทุกวัน และ “Work-Life Balance” ที่เคยเป็นสูตรสำเร็จของชีวิตคนทำงาน อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป ในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วอย่างทุกวันนี้ แล้วทางเลือกใหม่คืออะไร? นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด “Work-Life Fluidity” วิธีใช้ชีวิตที่ไม่ต้องแบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวแบบเป๊ะๆ แต่ให้ทั้งสองส่วนไหลไปด้วยกันอย่างมีจังหวะและความยืดหยุ่น
Work-Life Fluidity เป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมในยุคการทำงานสมัยใหม่ โดยเฉพาะหลังการเปลี่ยนแปลงจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยแนวคิดนี้จะมาแทนที่ Work-Life Balance แบบเดิมๆ ซึ่งมองว่าการทำงานและชีวิตส่วนตัวไม่จำเป็นต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่สามารถที่จะยืดหยุ่น ผสานไปด้วยกัน (Fluid) ได้ตามสถานการณ์และความต้องการของแต่ละบุคคล
ความหมายของ Work-Life Fluidity
Work-Life Fluidity หมายถึง การจัดการชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างยืดหยุ่นและผสมผสานกัน โดยไม่ยึดติดกับเวลาทำงานที่แน่นอนหรือสถานที่ทำงานที่ตายตัว แนวคิดนี้เน้นผลลัพธ์ของงานมากกว่าการวัดจากชั่วโมงการทำงานหรือการปรากฏตัวในที่ทำงาน
ทำไมแนวคิด Work-Life Fluidity ถึงเกิดขึ้น?
1. เทคโนโลยีช่วยให้เราทำงานได้ทุกที่ ด้วยเครื่องมือดิจิทัล เช่น Zoom, Slack, Google Drive ทำให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในออฟฟิศ
2. พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนไป พนักงานรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าค่าตอบแทน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มองหาความสมดุลในชีวิตมากขึ้น ประกอบกับ การทำงานจากระยะไกลและการทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นเรื่องปกติ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเลือนลางลง
3. การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างชีวิต แนวคิดชีวิตแบบสามช่วง (เรียน-ทำงาน-เกษียณ) เริ่มไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนมองหาวิธีการใช้ชีวิตและทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ข้อดีของ Work-Life Fluidity
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เมื่อพนักงานมีอิสระในการจัดการเวลาทำงานตามความเหมาะสม จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ที่ต้องการอิสระในการทำงาน
- ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า จากการต้องแบ่งงานกับชีวิตแบบเคร่งครัด การมีความยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานสามารถจัดการกับภาระงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น
- เพิ่มความพึงพอใจและความสุขในการทำงาน พนักงานที่สามารถผสมผสานงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างยืดหยุ่นมักมีความพึงพอใจในชีวิตโดยรวมมากขึ้น และปรับตัวกับชีวิตได้ดีขึ้น
แนวทางการนำ Work-Life Fluidity ไปใช้ในองค์กร
1. ส่งเสริมวัฒนธรรมที่เน้นผลลัพธ์ เปลี่ยนจากการวัดผลจากชั่วโมงการทำงานเป็นการวัดจากผลลัพธ์ที่ได้
2. สนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่กำหนดเวลาทำงานแบบตายตัว แต่ให้พนักงานจัดการเวลาเอง
3. สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง: ส่งเสริมการสื่อสารที่เปิดเผยและการสนับสนุนจากผู้บริหารเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่น เครื่องมือ Collaboration เช่น Microsoft Teams, Notion หรือ Asana
ที่มา : - https://dpglearn.co.uk/blog/professional-development/work-life-balance-vs-work-life-fluidity-whats-the-difference/?utm_source=chatgpt.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี