Tech Startup

ทำไม Khalti ฟินเทคจากเนปาลที่วางกลยุทธ์เจาะกลุ่มผู้หญิงจึงแจ้งเกิดได้ใน 2 ปี

Text : Vim Viva
 

 

Main Idea
 
 
  • ปรากฏการณ์หนึ่งที่มาพร้อมการระบาดของไวรัสโควิดในเนปาลคือการทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสดในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากผู้คนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เหมือนเดิม การถูกกักบริเวณเป็นปัจจัยที่บีบให้ผู้บริโภคต้องหันมาใช้กระเป๋าเงินอีเล็กทรอนิกส์
 
  • ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ในเนปาลมีหลายราย ได้แก่ Prabhu PAY, IME Pay, Fonepay และ eSewa แต่เจ้าที่โดดเด่นและมาแรงสุดในขณะนี้คือ Khalti
 
  • ไปดูกันว่าเหตุใด FinTech ที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 2 ปีจึงเติบโตรวดเร็ว และทำไมการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญของพวกเขา 




     Khalti Digital Wallet เป็น FinTech แดนเทือกเขาหิมาลัยที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 2 ปี แต่ขึ้นแท่นแอปพลิเคชั่นอี-วอลเล็ตอันดับต้นๆ ของเนปาลไปเรียบร้อยแล้ว กลยุทธ์เด็ดของ Khalti คือการรุกฐานผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มผู้หญิงโดยการให้ความรู้ด้านการเงิน และเพิ่มพูนทักษะเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการให้ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ช่วยลดช่องว่างในโลกดิจิทัลระหว่างชายกับหญิงลงได้
 
     นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2017 โดยอามิท อากราวัล หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Khalti แอปฯ น้องใหม่ที่ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ก็อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคในเนปาลได้ชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์อย่างง่ายดาย รวมถึงการจองตั๋วชมภาพยนตร์ และจองห้องพักโรงแรม
 
      “ตอนนี้เรามีร้านค้าและผู้ให้บริการกว่า 2,000 รายที่ใช้ระบบ Khalti คาดว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีร้านค้าเข้าร่วมมากถึง 100,000 รายทั่วประเทศ” อากราวัลซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการ Khalti เปิดเผย   
 
      คำว่า Khalti ในภาษาเนปาลีสหมายถึง “กระเป๋า” ร่วมก่อตั้งโดยหุ้นส่วน 4 คน หลังเปิดบริการได้ 3 ปี ธุรกิจเติบโต มีพนักงานในบริษัท 115 คน และกว่า 50 คนเป็นพนักงานผู้หญิง ปัจจุบัน Khalti มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 1.2 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานอยู่ที่ 150,000 คน ในจำนวนนี้ 70,000 คนเป็นผู้หญิง จำนวนผู้หญิงที่กล่าวมานี้มีนัยยะสำคัญทางธุรกิจ เนื่องจากการวางกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิง
 
     ในช่วงที่เปิดให้บริการใหม่ๆ อากราวัลและทีมงานสังเกตว่าจำนวนผู้ใช้แอพ Khalti ที่เป็นผู้หญิงมีเพียง 17 เปอร์เซนต์เท่านั้น และส่วนใหญ่ลงทะเบียนไว้แต่ไม่ใช้งาน ทำให้ผู้บริหาร Khalti ต้องวางกลยุทธ์ใหม่ ไม่เพียงสร้างฐานผู้ใช้แอปฯ ที่เป็นผู้หญิง หากยังมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนในกิจกรรมทางดิจิทัลด้วย
 
     เนื่องจากผู้หญิงเนปาลมักเผชิญข้อจำกัดทางสังคมอันนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ อาทิ การแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย การเป็นแรงงานระดับล่าง เป็นกลุ่มที่มักเผชิญความรุนแรงในครอบครัว และการปฏิบัติตามประเพณี Chhaupadhi หรือการงดกิจกรรมทางสังคมขณะมีรอบเดือน อุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้หญิงเนปาลยังเป็นรองผู้ชายในแง่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

     ด้วยการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ได้แก่ กองทุนนวัตกรรมฟินเทคของสหประชาชาติ และโครงการ Spring ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุน Startup ในแอฟริกาและเอเชียใต้ที่หนุนหลังโดยหลายองค์กร Khalti ได้จัดทำโครงการขึ้นมา 2 โครงการเพื่อสนับสนุนผู้หญิงเนปาล และให้ความรู้ด้านทักษะดิจิทัล
 
     โครงการแรกที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรฎาคม 2019 คือ "Smart Chori" (Smart Daughter)  ที่มีผู้หญิงเนปาลวัย 15-35 ปีผ่านการอบรมด้านการเงิน และทักษะต่างๆ ผ่านแอปฯ บนโทรศัพท์มือถือ  ทั้งในรูปวิดีโอ การทำข้อสอบ และการบ้านที่มอบหมาย การอบรมทางออนไลน์ของ Khalti เอื้อให้ผู้หญิงเนปาลรู้จักใช้ระบบรับ-จ่ายเงินผ่านแอปฯ ซึ่งอำนวยความสะดวกเป็นอย่างมาก ทำให้มีเวลาไปทำงานอย่างอื่น ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันในการเดินทางไปชำระค่าสาธารณูปโภคถึงสำนักงานหลายที่
 
     อากราวัลกล่าวว่าโครงการที่ทำขึ้นนำมาซึ่งวิวัฒนาการที่เห็นได้ชัดในกลุ่มผู้หญิง จากที่เมื่อก่อน การจ่ายบิลต่างๆ มักเป็นเรื่องของผู้ชาย แต่ความสะดวกของระบบชำระเงินออนไลน์ ทำให้ผู้หญิงก็สามารถทำได้ นอกจากนั้น โครงการ Smart Chori ของ Khalti ยังปลูกฝังค่านิยมที่ว่าผู้หญิงก็สามารถเป็นช้างเท้าหน้าได้ พวกเธอมีศักยภาพในการดูแลครอบครัวและทำงานออฟฟิศที่เชื่อมโยงด้วยระบบดิจิทัล
 
     นอกจากโครงการ "Smart Chori" แล้ว Khalti ยังร่วมมือกับ SABAH Nepal องค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่สนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้หญิงเนปาลทำโครงการส่งเสริมธุรกิจ SME ของผู้ประกอบการหญิงชาวเนปาลราว 3,500 คนเน้นกลุ่มที่อยู่ในชนบทให้รู้จักใช้แอป Khalti ทำธุรกรรมต่างๆ และทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ จำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแอปฯ นี้ จากความสำเร็จของโครงการทั้งสองที่เจาะกลุ่มผู้หญิงเนปาล เป้าหมายต่อไปที่ผู้บริหาร Khalti กำหนดไว้คือการสร้างระบบนิเวศน์แบบดิจิทัลเพื่อรองรับสังคมไร้เงินสด โดย Khalti ต้องการจะเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกสาขาและครบวงจรที่สุดของประเทศ
 
     อนึ่งผลพวงจากการระบาดของไวรัสโควิด และการล็อคดาวน์ประเทศได้ทำให้การทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสดในเนปาลเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากผู้คนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เหมือนเดิม การถูกกักบริเวณเป็นปัจจัยที่บีบให้ผู้บริโภคจำยอมต้องชำระเงินทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ให้บริการชำระค่าสินค้าและบริการทางออนไลน์จากบริษัทต่างๆ อาทิ  Prabhu PAY, IME Pay, Fonepay และ eSewa มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ย 20-40 เปอร์เซนต์
 
     มานิช โมดิ กรรมการผู้อำนวยการ Khalti กล่าวว่าการที่ประชาชนหันมาใช้บริการชำระเงินออนไลน์เพราะความจำเป็นมากกว่า สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ระบบนี้มาก่อน เมื่อลองใช้แล้วก็เริ่มเข้าใจว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไร แถมยังสะดวกสบายอีกด้วย อาจเรียกได้ว่า โควิดเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้คนหันมาใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และนั่นก็ส่งผลดีต่อบรรดาผู้ให้บริการที่ดำเนินธุรกิจนี้
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup