Tech Startup

Kokoonic แบรนด์ไทยผู้สร้างนวัตกรรมผงดักแด้ไหมอีรี่เจ้าแรกของโลก อาหารนี้มีดีที่โปรตีนสูง

 

Text : Yosita T.

     ใครจะเชื่อ รังไหมเป็นอะไรได้มากกว่าการนำไปปั่นเป็นเส้นไหม เพราะสำหรับ แพรวพราย ก้องเกียรติไกร แล้วรังไหมอีรี่จะต้องถูกนำไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และนั่นจึงเป็นที่มาของเครื่องสำอางและผงดักแด้ไหมอีรี่อาหารที่มี โปรตีนสูง  



จากไหมอีรี่สู่ Kokoonic อาหารโปรตีนสูง

     แพรวพราย ก้องเกียรติไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคคูนิก จำกัด ผู้ผลิตอาหารผงดักแด้ไหมอีรี่ Kokoonic เล่าว่าเดิมทีครอบครัวของเธอทำธุรกิจสิ่งทออยู่แล้ว และเมื่อได้มีโอกาสไปเจอไหมอีรี่ (Eri Silk) ซึ่งเป็นไหมป่าชนิดหนึ่ง ที่สามารถผลิตเส้นใยธรรมชาติซึ่งปราศจากสารเคมี และกินใบสำปะหลังเป็นอาหารหลัก จึงนำมาไหมอีรี่มาทดลองทำเป็นเส้นไหมเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จแล้ว จึงคิดต่อยอดสู่การทำเครื่องสำอางและผงดักแด้ไหมอีรี่

     “จริงๆ เรามองในเรื่องของความยั่งยืน และอยากช่วยเหลือชาวเกษตรกรไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะไหมอีรี่มีคุณสมบัติหนึ่งที่ดีมากๆ คือไม่มีสารเคมี และกินใบสำปะหลัง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับทั้งเกษตรผู้เลี้ยงไหมอีรี่และผู้ปลูกมันสำปะหลังด้วย โดยเรามีแนวคิดที่จะนำรังไหมมาใช้ประโยชน์ให้ครบทุกส่วนเท่าที่จะสามารถทำได้ คือนอกจากรังไหมที่นำไปทำเส้นไหมแล้ว ยังมีในส่วนของเครื่องสำอาง ตัวดักแด้ที่อยู่ด้านในยังสามารถนำมาผลิตเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงอีกด้วย”

     โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้น แพรวพรายอธิบายต่อว่า ในกระบวนการที่ต้องเอาเส้นใยไหมไปต้มนั้น เวลาสาวไหมออกมาจะมีน้ำกาวไหม ซึ่งเรียกว่าน้ำกาวไหมจากโปรตีน Sericin หรือโปรตีนจากกาวไหม ในส่วนนี้สามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ ซึ่งข้อดีของน้ำกาวไหม คือเป็นโปรตีนที่ประกอบอยู่ในรังไหม ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 18  มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และอื่นๆ

     สำหรับอาหารนั้น แน่นอนว่าสามารถนำดักแด้รังไหมอีรี่ ไปทำเป็นอาหารได้ ซึ่งเธอพัฒนาอาหารจากดักแด้ไหมอีรี่ภายใต้แบรนด์ Kokoonic คือ ผงดักแด้ไหมอีรี่ ขนมทานเล่นภายใต้แบรนด์ ERI ROCKET และโปรตีนชงดื่มBOLD ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของอาหารที่มีโปรตีนสูง

             
Kokoonic อาหารจากดักแด้ไหมอีรี่รายแรกของโลก

     Kokoonic ถือว่าเป็นรายแรกของโลกที่พัฒนานวัตกรรมนำดักแด้ไหมอีรี่มาใช้ประโยชน์ในส่วนของอาหาร โดยแพรวพรายเล่าว่าเธอเริ่มศึกษาในเรื่องนี้เมื่อปลายปี 2561 และจากการศึกษาเทรนด์ด้านอาหารโลกแล้วพบว่าผู้บริโภคกำลังให้ความสนใจ Future Food อาหารที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อโลก และที่สำคัญจากการสำรวจยังพบว่าไม่มีใครนำดักแด้จากรังไหมอีรี่มาทำเป็นอาหารมาก่อน

     “ในมุมธุรกิจเราก็ดูแล้วว่ามันมีตลาดรองรับอย่างแน่นอนในต่างประเทศ แล้วเราก็รู้ดีว่าวัตถุดิบคือไหมอีรี่มันมีคุณสมบัติที่ดีมากๆ คือนอกจากในเรื่องของโปรตีนสูงแล้ว ตัวไหมจะมีความ sensitive ในเรื่องของสารเคมีมาก ถ้าหนอนอีรี่กินอาหารที่มีสารปนเปื้อนจะตายทันที หรือถ้ามีคนสูบบุรี่ พื้นที่ใกล้เคียงไม่สะอาดมีควัน หรือแม้กระทั่งฉีดน้ำหอมเดินเข้าไปหนอนก็จะตายไม่สามารถทำรังได้ นี่คือกลไกลธรรมชาติที่ไหมตัวนี้ และที่สำคัญ ไหมอีรี่ไม่ผ่าน Red Process ก่อนที่จะมาทำการ คัดแยก บดหยาบ และบรรจุ จึงสะอาดมากๆ ปลอดภัย และ คงคุณค่า สารอาหาร เรียกง่ายๆ ว่าผู้บริโภควางใจได้ว่าปลอดสารพิษแน่นอน”

     ผงดักแด้ไหมอีรี่ ขนม ERI ROCKET และผลิตภัณฑ์โปรตีนชงดื่ม BOLD จึงเป็นอาหารที่มีความโดดเด่นคือมีโปรตีนและปลอดสารเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผงดักแด้ไหมอีรี่มีโปรตีนสูงมากถึง 66% จึงสามารถใช้ทดแทนการใช้เนื้อสัตว์ เพื่อเพิ่มโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการในอาหารได้   



     “ผงดักแด้ไหมอีรี่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายประเภท เช่น นำไปรับประทานกับข้าว โจ๊ก น้ำซุป ไอศกรีม ซอสต่างๆ ทั้งอาหารคาวและหวาน หรือจะนำไปปั่นเป็นสมูตตี้ก็ได้ รสชาติกลมกล่อม ไม่เหม็นคาว ซึ่งเมื่อนำไปรับประทานคู่กันแล้วก็จะได้โปรตีนจากดักแด้อย่างสูงสุด นอกจากนี้ในส่วนของสแน็คหรือขนมทานเล่นก็ตั้งใจที่จะทำเพื่อให้ผู้บริโภครู้จักและเข้าใจดักแด้ไหมอีรี่ รวมถึงกล้าเปิดใจให้กับโปรดักส์ของ Kokoonic มากขึ้นด้วย”

     สำหรับการทำตลาด แพรวพราย บอกว่าตอนแรกที่วางกลุ่มเป้าหมายไว้ว่าเป็นต่างประเทศหรือฝั่งยุโรปเพราะมองถึงการส่งออกและทำตลาดโลก แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัดสินใจกลับมาทำตลาดในเมืองไทยควบคู่ไปด้วย ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีเพราะคนไทยเปิดใจและสนใจในเรื่องของ Future Food มากขึ้น Kokoonic จึงวางแผนที่จะต้องโปรโมทแบรนด์และสินค้าในประเทศไทยมากขึ้น

     แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่มองถึงความยั่งยืนช่วยเหลือเกษตรกรไทย รวมถึงการเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ปลอดสารเคมี  Kokoonic จึงเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่เลยทีเดียว

           
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup