Text : วันวิสา งามแสงชัยกิจ
 


Main Idea
 

• นักลงทุนมีหลายประเภท และมีเป้าหมายการลงเงินที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากรู้จักนักลงทุนประเภทต่างๆ ดีแล้ว ย่อมช่วยให้เลือกนักลงทุนได้เหมาะกับธุรกิจของตัวเอง

 

• ขอแนะนำนักลงทุน 3 ประเภท ที่จุดประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกัน เพื่อจะได้รู้ว่ากำลังต่อรองเจรจากับใครอยู่

 



     แม้จะมีข้อมูลหรือผู้ให้คำแนะนำมากมายว่า Startup ควรจะทำอย่างไรเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำการระดมทุน รวมไปถึงเคล็ดลับต่างๆ ของการ Pitching การวางเงื่อนไขข้อตกลงและช่วงที่เหมาะสมของการเข้าหาแหล่งเงินทุน แต่กลับมีไม่มากนักที่จะบอกถึงความแตกต่างของ “นักลงทุน” แต่ละประเภทให้ได้รู้กัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะรู้หรือไม่ว่า เจ้าของเงินเหล่านี้นั้นมีเป้าหมายและจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ว่ากำลังต่อรองเจรจากับใครอยู่ โดยเฉพาะกับนักลงทุน 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
 

     1. Strategic Investors
         Strategic Investors เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการลงทุนกับธุรกิจ Startup ที่มีเทคโนโลยีสอดคล้องไปกับทิศทางการทำงานระยะยาวขององค์กร เช่น ธนาคาร ถือว่าเป็น Strategic Investor สำหรับธุรกิจ FinTech เพราะต้องการที่จะให้การสนับสนุนด้านกลยุทธ์ของธุรกิจซึ่งในวันข้างหน้าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารจะนำเสนอลูกค้า เช่นเดียวกับการลงทุนในออนไลน์มาร์เก็ตเพลซใน Startup ที่ใช้ Chatbot หรือธุรกิจเชนร้านอาหารอย่างการส่งอาหารแบบดิลิเวอรี

         ด้วยความที่ Strategic Investors เป็นบริษัทที่มีการจัดตั้งอยู่แล้ว จึงสามารถให้การสนับสนุนด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญแบบเฉพาะทางได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ผู้ประกอบการที่คิดจะร่วมมือกับนักลงทุนประเภทนี้ควรที่จะพิจารณาว่า ธุรกิจที่มีอยู่ในมือนั้นสอดคล้องไปกับเป้าหมายของนักลงทุนประเภทนี้หรือไม่ ถ้าใช่ก็เตรียมตัวที่จะได้รับเงินทุนได้เลย แต่ถ้าไม่แล้วละก็ ควรมองไปที่นักลงทุนประเภทอื่นแทน เพราะจะเป็นการดีต่อการวางกลยุทธ์ของธุรกิจในอนาคตมากกว่า
 

     2. Financial Investors
         Financial Investors เป็นที่คุ้นเคยกันดีใน Ecosystem ของธุรกิจ Startup และเทคโนโลยี ซึ่งต้องการที่จะลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตสูงและมีศักยภาพที่จะให้ผลตอบแทนสูงเป็น 10 เท่าหรือ 100 เท่า ผ่านทางการเข้าซื้อกิจการ หรือ ผ่านการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ดังนั้น ผู้ประกอบการที่อยากจะ Exit ควรร่วมมือกับนักลงทุนประเภทนี้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจไปสู่การมีสภาพคล่องที่ดีได้โดยเร็ว แต่ถ้าใครยังอยากจะเดินหน้าต่อและไม่คิดที่จะ Exit ในเร็ววัน ควรมองข้ามการร่วมมือกับนักลงทุนประเภทนี้ เพราะนอกจากจะต้องเจอแรงกดดันให้ไม่สามารถทำตามวิสัยทัศน์ของธุรกิจเองแล้ว บางครั้งยังลดโอกาสของการเดินหน้ากิจการด้วยตัวเองให้เติบโตอีกด้วย
 
 
     3. Social Impact Investors
         Social Impact Investors จะให้การสนับสนุนธุรกิจที่ช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งอาจกินความหมายได้อย่างกว้างๆ เช่น การสนับสนุนเงินทุนการว่าจ้างและเพิ่มทักษะให้กับแรงงานที่ด้อยโอกาส หรือเฉพาะเจาะจง เช่น การให้การสนับสนุน Startup ที่มีเป้าหมายดำเนินงานตามแผนการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติ ปี พ.ศ.2573

         นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ Social Impact Investors นั้นไม่ได้ลงทุนไปงั้นๆ เพราะพวกเขาต้องการเห็นผลตอบแทนด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการควรแสวงหาการสนับสนุนจากนักลงทุนประเภทนี้ ในกรณีที่พร้อมจะทำตามมาตรฐานของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกทั้งนักลงทุนประเภทนี้จะไม่ค่อยมีส่วนช่วยให้ธุรกิจ Exit ได้ แต่ต้องการที่จะเห็นว่ากิจการมีกำไรและเป็นไปได้ดี เพราะจะช่วยให้การทำกิจกรรมช่วยเหลือทางสังคมนั้นมีความยั่งยืนมากขึ้น



 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup