Q-Life

เที่ยวล่อง 3 คลอง มองเมืองตราดในมุมใหม่







     เมื่อเอ่ยถึงชื่อจังหวัดตราด หลายคนอาจจินตนาการภาพไปถึงเกาะช้าง เกาะหมาก หรือทะเลสวยๆ ของภาคตะวันออก แต่หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วความสวยงามของเมืองตราดมีมากกว่านั้น ยิ่งในช่วงปลายฤดูร้อนและย่างเข้าสู่ฤดูฝนที่เย็นชุ่มฉ่ำช่วงปลายเดือนมิถุนายนจวบจนถึงช่วงสิงหาคม ธรรมชาติของเมืองตราดยิ่งทวีความงามเป็นเท่าตัว ทั้งต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวขจี ออกดอกออกใบ ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ยืนต้นเรียงรายอยู่คู่กับคลองน้ำใสที่ไหลเย็น

     วิถีชีวิตของผู้คนเมืองตราดมักจะมีความผูกพันกับสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาชีพประมงไปจนถึงการใช้ชีวิตอยู่ริมคลองเพราะตราดเป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศติดกับทะเล อีกทั้งยังมีคลองเล็กคลองน้อยไหลผ่านเพื่อหล่อเลี้ยงชุมชนต่างๆ คนเมืองตราดจึงมีความรักษ์สายน้ำอย่างลึกซึ้ง

     การเดินทางมาตราดครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ ที่เข็มทิศเราได้ตั้งเป้าไว้ที่เกาะช้าง หรือทะเลชื่อดังแบบไม่เบนออกไปไหน แต่ตราดในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่จะไปสัมผัสเมืองตราดในมุมมองใหม่ผ่านวิถีชุมชนที่ใช้ชีวิตติดกับคลองน้ำใสของเมืองตราด 3 สาย 3 ชุมชน
 

ทำข้าวห่อกาบหมาก ล่องเรือชมธรรมชาติที่บ้านห้วยแร้ง





     ปักหมุดแรกของเราคือ บ้านห้วยแร้ง ที่คนในชุมชนรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ภายในชุมชนท่องเที่ยวแห่งนี้จะมีโฮมสเตย์ในสไตล์ต่างๆ เช่น บ้านสมุนไพร ที่เปิดให้คนได้เข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรในชุมชน บ้านวิถีริมคลอง ให้คนเข้ามาใช้ชีวิต สัมผัสวิถีความเป็นอยู่คู่คลอง ทั้งการแทงกุ้งหรือตกกุ้ง ในวันนี้เรามาอยู่ที่บ้านข้าวห่อกาบหมาก ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการทำข้าวห่อกาบหมากสูตรลับเฉพาะที่หาไม่ได้จากที่อื่น คิดค้นด้วยภูมิปัญญาของคุณยายที่ถูกสืบทอดต่อมาให้เราได้เรียนรู้

     ข้าวสวยร้อนๆ ที่ถูกนำไปผัดกับน้ำพริกจนข้าวแห้งร่วน ส่งกลิ่นหอมโชย พร้อมกับส่วนผสมที่ถูกคิดค้นมาให้เข้ากันอย่างลงตัวทั้งแตงกวา สับปะรด ไข่เค็ม และปลากรอบ หลังจากนั้นเราก็ได้ลองนำส่วนผสมที่มีทั้งหมดมาจัดวางในห่อกาบของตัวเอง โดยคุณยายก็ได้เป็นผู้สอนการห่อข้าวกาบหมาก...แม้ว่าจะทุลักทุเลไปบ้างแต่ข้าวห่อกาบหมากของคนมือใหม่ก็ออกมาสวยงาม สามารถหิ้วไปกินระหว่างขึ้นเรือได้ ความพิเศษของกาบหมากที่จะนำมาห่อคือ เทคนิคในการลอก หากลอกไม่เป็นก็อาจจะฉีดขาดได้ง่าย ที่สำคัญข้าวห่อกาบหมากนี้ยังถูกแนบด้วยช้อนกาบหมากขนาดกะทัดรัด เพื่อให้ตักกินได้ง่ายอีกด้วย





     เมื่อทำข้าวห่อกาบหมากเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาไปชมต้นหมากที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำห่อข้าวของเรา หลังจากที่เรือแล่นออกจากท่า สายตาของเราก็ทอดยาวสู่คลองที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ คลองของชุมชนชื่อว่า คลองห้วยแร้ง ในสมัยก่อนมีแร้งมาหากินเป็นจำนวนมาก โดยคลองแห่งนี้นับเป็นคลองที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เนื่องจากเป็นคลองที่เรียกว่า คลอง 3 น้ำ นั่นคือน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม มาบรรจบรวมกัน ทำให้ผืนน้ำแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพเหมาะแก่การทำไร่ ทำนา ทำสวน รวมถึงการทำประมงพื้นบ้านอีกด้วย

     ระหว่างทางล่องเรือท่องลำคลองเราก็เห็นต้นหมากและรากไม้ที่ยาวออกมาปักหลักยืนต้น ดูแล้วน่ายำเกรงอย่างบอกไม่ถูก นอกจากต้นหมากยังมีต้นจาก ต้นมะพร้าว ต้นกระท้อนโบราณ ต้นลำพู ต้นปอน้ำ ต้นหวาย และต้นไผ่ หลากหลายพืชพันธุ์ที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร คอยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเหมือนกับคนในชุมชนแห่งนี้ที่มีการร่วมมือกันอนุรักษ์ต้นไม้และลำคลองของพวกเขา แม้แต่ขยะสักชิ้นก็ไม่มีให้เห็นในคลองน้ำใสแห่งนี้
 

นั่งเรือเที่ยวป่าซาฟารีเมืองตราด ชมลานตะบูนสุดมหัศจรรย์ที่บ้านท่าระแนะ





     ลองนึกภาพในหนังที่ได้นั่งเรือล่องเข้าไปในป่าผ่านสายน้ำขนาดเล็กที่คดเคี้ยวไปมาเพื่อหาสิ่งมหัศจรรย์บางอย่าง ตื่นตาตื่นใจไปกับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่รอบข้าง นี่แหละคือความรู้สึกขณะที่กำลังล่องเรือเพื่อเข้าไปชมลานตะบูน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Unseen ของจังหวัดตราดที่ห้ามพลาด

     โดยท่าระแนะเป็นอีกหนึ่งชุมชนท่องเที่ยวที่มีความเข้มแข็งไม่แพ้กับชุมชนบ้านห้วยแร้ง ผู้คนในชุมชนต่างก็มีอาชีพที่พึงพาอาศัยระบบนิเวศ ทำประมงพื้นบ้าน หาปูหาปลา จับกุ้ง รวมถึงรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราให้เข้าไปสัมผัสป่าชายเลนที่มีอายุกว่า 100 ปีที่มีรากไม้ที่แข็งแรงที่ชื่อว่า ลานตะบูน ซึ่งอยู่ในป่าต้องล่องเรือผ่านถึง 3 ป่ากว่าจะได้เห็นลานตะบูนแห่งนี้





     หลังจากเตรียมความพร้อม ใส่เสื้อชูชีพ เปลี่ยนรองเท้าและสำรวจรอบๆ ชุมชนเรียบร้อยก็ได้เวลากระโดดขึ้นเรือเพื่อพบความน่าตื่นเต้นที่รออยู่ เรือลำเล็กพาเราผ่านป่าชายเลนและสายน้ำที่อุดมสมบูรณ์เข้าสู่ป่าชายเลนที่หนาแน่นมากยิ่งขึ้น สายน้ำยิ่งถูกบีบเล็กลงพร้อมกับทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยว ยิ่งลึกป่ายิ่งทึบแต่ยิ่งทวีความงามและเห็นได้ชัดเลยว่าป่าชายเลนของที่นี่มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มากแค่ไหน หลังจากเรือจอดเทียบท่าก็เดินเท้าบนสะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปในป่าชายเลน เมื่อคุณเพ่งมองดูพื้นดินดีๆ จะได้เห็นปูเจ้าถิ่นที่ผลุบๆ โผล่ๆ ชะเง้อหน้าออกมาดูผู้มาเยือน หลังจากสองเท้าก้าวเดินเข้าไปไม่นานก็พบกับลานตะบูนขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากรากของต้นตะบูนอายุอานามเป็น 100 ปีที่แข็งแรงและเหยียดขยายวงกว้างจนกลายเป็นลานที่สามารถลงไปเดินย่ำได้ คล้ายกับเป็นการนวดเท้าไปในตัว

     นอกจากที่จะได้ตื่นตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ลานตะบูนแห่งนี้แล้ว ยังมีกิจกรรมให้ได้ทำ เช่น การโยนโบว์ลิ่งลานตะบูน นั่งชิงช้าชมลานตะบูน หรือจะชิมชาร้อยรูที่ลือกันว่าดื่มชานี้แล้วจะมีอายุยืนนานเป็น 100 ปีเลยทีเดียว
 

เดินชิวชิวชม Little เชียงคานที่ชุมชนคลองบางพระ





     ออกนอกเมืองสู่ชุมชนรักษ์ธรรมชาติเสร็จก็ได้เวลากลับเข้ามาในตัวเมือง เดินเที่ยวชิวชิวกันที่ชุมชนคลองบางพระ ที่อยู่ใจกลางเมืองตราดถูกขนานนามว่าเป็นเมืองเชียงคานแห่งภาคตะวันออก ด้วยความน่ารักของตึกรามบ้านช่องที่พร้อมใจกันปลูกด้วยไม้ขนาด 2 ชั้น ขนาบถนนสายเล็กที่พาดผ่าน ด้านหลังของชุมชนเป็นคลองสายเล็กชื่อว่า คลองบางพระ ซึ่งเป็นคลองเก่าแก่ของเมืองตราด มีประวัติศาสตร์มานานเป็นร้อยปี ด้วยความที่ภูมิศาสตร์ของคลองแห่งนี้อยู่ใกล้กับปากแม่น้ำตราด ทำให้ในสมัยก่อนคลองนี้จะเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก เต็มไปด้วยพ่อค้าที่นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะมะพร้าว นอกจากนี้ ยังมีท่าเรือสำคัญอยู่ที่คลองบางพระนั่นคือ ศาลาท่าเสด็จ เป็นท่าเรือที่รัชกาลที่ 5 มักจะ เสด็จฯ มาขึ้นเรือเมื่อมาเยือนเมืองตราด  

     ความน่าสนใจของถนนสายเล็กๆ ของชุมชนคลองบางพระก็คือ ร้านกาแฟ ร้านอาหารไปจนถึงบูติกโฮเทลต่างๆ ที่ถูกซุกซ่อนไว้ เช่น ร้านบ้านท่า ร.ศ.112 ที่ถูกตกแต่งในสไตล์วินเทจอยู่ เต็มไปด้วยของเก่าถูกนำมาประดับประดาไว้อย่างลงตัว เดินถัดไปหน่อยจะเจอกับ The Artist's Place โรงแรมขนาดกะทัดรัดที่มีความน่ารักด้วยการใช้ภาพวาดมาตกแต่ง เป็นที่พักสำหรับคนชอบงานศิลปินอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามทางยังได้เห็นจิตกรรมฝาผนังที่ชวนหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปหรือแม้แต่กำแพงบ้านในย่านนี้ยังดูสวยงาม สามารถเดินเล่นได้ทั้งวัน





     จุดไฮไลต์คือ คลองบางพระที่อยู่ด้านหลังชุมชนเป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนหย่อนใจในช่วงยามเย็น ซึ่งจะมีทางเดินที่ร่มรื่น สามารถให้คุณได้เดินเล่นเลียบริมคลอง นั่งพักที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ ทอดสายตามองสถาปัตยกรรมของบ้านเก่าในชุมชน ดูวิถีชีวิตของชาวบางพระที่แสนจะสงบร่มเย็น แล้วคุณจะได้พบว่า...บางทีความสุข อาจจะเกิดขึ้นจากการนั่งเฉยๆ ในที่ที่แสนสงบอย่างริมคลองชุมชนบางพระก็เป็นได้   
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup