Tech Startup Q-Life

มาเช็คกัน! 4 ไสตล์ผู้นำ Startup คนแบบไหนที่จะพาธุรกิจสู่ฝัน

 

Text : Methawee T.

   ผู้นำดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ยิ่งองค์กรที่เพิ่งเริ่มตั้งไข่แบบ Startup ด้วยแล้ว ศักยภาพของผู้นำคือหัวใจที่จะช่วยส่งเสริมให้ Startup บางแห่งสามารถเติบโตและกลายเป็นยูนิคอร์นได้ ในขณะเดียวกันก็มี Startup หลายแห่งทีเดียวที่ต้องล้มเลิกไประหว่างทางเพราะผู้นำองค์กร ดังนั้นจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักผู้นำ Startup ใน 4 สไตล์ที่มีจุดเด่นและจุดอ่อนแตกต่างกันไป พร้อมทริคในการทำงานของผู้นำแต่ละประเภท

 

 

     อย่างไรก็ตาม ในผู้นำหนึ่งคนนั้นย่อมสามารถมีสไตล์การนำได้หลายรูปแบบ ซึ่งผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักเลือกใช้สไตล์การนำให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วย มาลองดูกันว่าคุณเป็นผู้นำสไตล์ไหน และควรเสริมจุดแข็งปิดจุดอ่อนอย่างไร เพื่อพาธุรกิจให้เติบโตต่อไป

 

 

1.The Affiliative Style

     ผู้นำที่มองเห็นคุณค่าของ ‘คน’  และใช้คนเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนองค์กร ผู้นำประเภทนี้จะเน้นสร้างการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร ให้ความสำคัญกับทีมงานเป็นลำดับแรก ชอบสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทีม สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน รวมถึงจูงใจให้คนในองค์กรรู้สึกเป็นเจ้าของผลงานที่ตนเองรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อคนในทีมรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น องค์กรก็จะได้ไอเดียใหม่ๆ นอกกรอบ และสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาได้  

ทริคการทำงานของผู้นำประเภทนี้

-Constructive Feedback ให้คำแนะนำเชิงบวกเพื่อให้คนในองค์กรมีไฟพัฒนาตนเองตลอดเวลา

-1-on-1 ให้เวลาคนในทีมเพื่อพูดคุยแบบตัวต่อตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและไอเดีย

-Always Celebrate ให้เครดิตทีมงาน เฉลิมฉลองเมื่อมีความสำเร็จ และชื่นชมคนในทีมเมื่อมีผลงาน

 

 

2.The Democratic Style

     ผู้นำที่เปิดพื้นที่ให้คนในองค์กรได้แสดงความคิดเห็นและกระจายอำนาจให้สามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ ผู้นำสไตล์นี้จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เสนอความคิดเห็นของตัวเองได้ ให้ความสำคัญกับการรับฟังมากกว่าออกคำสั่งอย่างเดียว จึงเหมาะกับองค์กรที่คนในทีมมีความรู้ มีแรงจูงใจ มีความสามารถในการทำงาน และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ยกตัวอย่างเช่น Netflix ให้อิสระพนักงานทุกคนในการตัดสินใจ และลดกฎเกณฑ์บริษัทเพื่อเอื้อต่อการทำงาน แต่กระบวนการคัดคนของ Netflix ก็จะเข้มข้นและคัดเลือกเฉพาะพนักงานเกรด A เท่านั้น

ทริคการทำงานของผู้นำประเภทนี้

-Brainstorm รับฟังไอเดียจากทีม ชอบการระดมความคิด

-Bottom-up เปิดพื้นที่ให้สามารถเสนอความคิดเห็นจากล่างขึ้นบนได้

 

 

3.The Pacesetting Style

     ผู้นำที่มุ่งเน้นผลลัพธ์และประสิทธิภาพ ข้อดีของผู้นำประเภทนี้คือการรีดศักยภาพของคนในองค์กร ใช้ทรัพยากรทุกอย่างแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงควบคุมการทำงานทุกอย่างให้เสร็จภายในระยะเวลาที่วางแผนไว้ได้ แต่ก็มีข้อควรระวังเพราะการเป็นผู้นำที่โฟกัสที่ผลงานและทำตามเป้าหมาย จะไม่ค่อยมีความไม่ยืดหยุ่น และมีความคาดหวังคนในทีมสูง จึงพยายามผลักดันให้คนในทีมทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ จนกลายเป็นสร้างความกดดันให้คนในทีม ดังนั้นการเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ จะต้องอย่าลืมกำหนดทิศทางที่ชัดเจนและช่วยพัฒนาศักยภาพคนในทีมด้วย

ทริคการทำงานของผู้นำประเภทนี้

-Goal ตั้งเป้าหมายชัดเจน ตั้งการวัดผลที่ชัดเจน

 

 

4.The Coaching Style

     ผู้นำที่เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคนในทีม โฟกัสที่พัฒนาการของทีมแต่ละคน โดยผู้นำประเภทนี้จะมองเห็นจุดเด่น จุดอ่อนของคนในทีม และพยายามช่วยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา สร้างแรงบันดาลใจ ความเชื่อใจ ตลอดจนพัฒนาให้คนในทีมมีศักยภาพความสามารถเก่งขึ้นมาได้

ทริคการทำงานของผู้นำประเภทนี้

-Coaching เชื่อในการเรียนรู้ การพัฒนาตัวเอง และลงมาเป็นผู้ให้คำปรึกษา รวมถึงให้คำแนะนำคนในทีมเพื่อช่วยดึงศักยภาพออกมาให้มากที่สุด

 

     การเป็นผู้นำ คือศาสตร์และศิลป์ ที่ไม่มีสูตรตายตัว ในแต่ละสถานการณ์และแต่ละโอกาส เราต้องการผู้นำรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้นำที่ดีคือจะต้องเป็นมากกว่า 1 สไตล์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ  ยิ่งไปกว่านั้นการรู้ว่าตัวเองเป็นผู้นำแบบไหนก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองที่ดี เพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้นำที่มีความครบเครื่องและพร้อมพาองค์กรเดินไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup