Q-Life

ชวนดู “Misaeng: Incomplete Life” ซีรีส์เกาหลีสร้างพลังบวกได้แง่คิดดีๆ ที่ First Jobber ไม่ควรพลาด

 

Text : Vim Viva

     ความฝันในการหารายได้ของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้อาจแตกต่างจากรุ่นก่อนที่เน้นความมั่นคงด้วยการรับราชการหรือทำงานออฟฟิศเป็นมนุษย์เงินเดือน ความบูมของวงการสตาร์ทอัพได้จุดประกายให้คนวัย Gen Z ที่เพิ่งพ้นรั้วมหาวิทยาลัยอยากดำเนินรอยตาม อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เมื่อตั้งเป้าไว้ดังนั้น หลายคนไม่ได้ผลีผลามแต่เลือกเดินเข้าตลาดแรงงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดี

     วันนี้เลยจะมาเล่าถึงซีรีส์เกาหลีที่เพิ่งดูจบทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Misaeng: Incomplete Life ซึ่งใช้ชื่อไทยว่า “หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน” ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ในเกาหลีตั้งแต่ปี 2014 เนื้อหาหลักเป็นเกี่ยวกับการทำงานในออฟฟิศ ฟังดูแล้วน่าจะน่าเบื่อแต่กลับได้รับความนิยม เรตติ้งสูงเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียวในขณะนั้น

     “หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน” บอกเล่าเรื่องราวของชาง กือแรเด็กหนุ่มวัย 26 ที่ฝึกเล่นหมากล้อมมาตั้งแต่ 7 ขวบและตั้งเป้าจะเป็นนักเล่นมืออาชีพแต่กลับพลาดหวัง โชคดีที่มีผู้ใหญ่เมตตาฝากให้ได้เข้าไปฝึกงานที่วัน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทการค้าขนาดใหญ่ของประเทศ แต่โชคร้ายที่เขาไม่ได้มีคุณสมบัติที่ทัดเทียมบรรดาเด็กฝึกงานรุ่นเดียวกันเลย ขณะที่คนอื่นจบมหาวิทยาลัย พูดได้หลายภาษา กือแรมีเพียงวุฒิบัตรเทียบระดับมัธยม ภาษาต่างประเทศไม่ได้ ความสามารถพิเศษก็ไม่มี เรียกว่าเป็นรองทุกด้าน 

 

 

     กือแรถูกส่งไปอยู่กับฝ่ายขายทีม 3 มีผู้จัดการโอเป็นหัวหน้า ในตอนที่เจอกันครั้งแรก หัวหน้าโอไม่อยากได้กือแรมาร่วมทีม และขู่ว่าจะส่งตัวกลับเว้นเสียแต่ว่ากือแรจะบอกได้ว่ามีจุดขายอะไร ทำไมจึงควรได้รับโอกาส กือแรตอบว่า “จุดขายคือความพยายาม ที่ผ่านมาไม่เคยพยายามอะไรมาก่อน ความพยายามของผมจึงทั้งสดและใหม่” และให้คำมั่นว่าจะทำจนสุดความสามารถ ทำให้ดีที่สุด

     หัวหน้าโอปฏิเสธทันควัน “ไม่เชื่อ พนักงานที่ทำงานหนักมีอยู่ทั่วไป จุดขายของนายไม่มีอะไรพิเศษ” กือแรจึงขยายความว่าความพยายามของเขาแตกต่างจากคนอื่นเพราะเป็นความพยายามที่ฉลาดแบบมีคุณภาพและมาพร้อมปริมาณ แม้จะงงๆ กับคำอธิบาย แต่หัวหน้าโอก็ยอมให้โอกาสกือแรฝึกงานในทีมต่อไป

     ความอ่อนด้อยในทุกด้านทำให้กือแรถูกเหยียดหยามและถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานาจากเพื่อนที่ฝึกงานรุ่นเดียวกัน แถมถูกต่อต้านเพราะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น แต่เขาก็ใช้ความอดทนเข้าสู้และพยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด จนท้ายที่สุดเขาก็ได้เป็น 1 ใน 4 เด็กฝึกงานที่ผ่านการคัดเลือกและถูกว่าจ้างให้เป็นพนักงาน ในขณะที่ 3 คนถูกจ้างเป็นพนักงานประจำ แต่กือแรเป็นได้แค่พนักงานชั่วคราวสัญญาจ้างแค่ 2 ปีเพราะขาดคุณสมบัติด้านการศึกษานี่แหละ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งานลดน้อยลงเลย

 

 

     “หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน” พาเราไปสัมผัสบรรยากาศการทำงานในองค์กรที่ทำธุรกิจข้ามชาติซึ่งมีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยา การกีดกันทางเพศ การเคารพความอาวุโสแบบเข้มข้น ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับกือแร หากจะดูเพื่อความบันเทิง ซีรีส์เรื่องนี้สนุกไม่น้อยแถมให้พลังบวกอีกต่างหาก แต่ถ้าดูแบบต้องการสาระก็ให้แง่คิดหลายอย่าง เป็นต้นว่า

     - ไม่มีทักษะอะไรที่สูญเปล่า ทักษะบางอย่างที่เคยฝึกฝนแม้คิดไปว่าไม่ได้ใช้แล้ว แต่มันก็จะมีประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนกือแรที่ใช้เวลาไปค่อนชีวิตกับการฝึกและแข่งหมากล้อม สุดท้ายไปไม่ถึงฝันจึงคิดไปว่าที่ผ่านมาช่างเปล่าเปลืองเวลา แต่เมื่อเข้าสู่โลกของการทำงาน เขาก็ตระหนักว่ากลยุทธ์ที่เคยใช้บนกระดานหมากล้อมสามารถนำมาประยุกต์เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ในที่ทำงานได้

     - ทำตัวเป็นฟองน้ำดีกว่าน้ำเต็มแก้ว ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งดีแต่ถ้ามากเกินไปจะกลายเป็นทะนงและพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ กือแรรู้ตัวดีว่าต้นทุนการทำงานของเขาต่ำกว่าคนอื่น เขาจึงทำตัวเป็นฟองน้ำที่ซึมซับทุกองค์ความรู้จากคนรอบข้าง ไม่ว่าการชี้แนะนั้นจะเกิดจากความหวังดีจริงๆ หรือเพียงต้องการแซะก็ตาม เขาน้อมรับทุกอย่าง

 

     

     - พูดให้น้อย ลงมือทำให้มาก กือแรอาจจะเป็นคนพูดน้อย และดูเหมือนจะเป็นก้มหน้าก้มตารับคำสั่งอย่างเดียว แต่พยายามและความมุมามะของเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ จนท้ายที่สุด หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างยอมรับในตัวเขา เป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน”

     - อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน เกือบตลอดทั้งเรื่องจะเห็นว่ากือแรต้องดิ้นรนต่ออุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา อาจจะผิดหวัง เสียใจ ท้อแท้บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยจำนวนต่อโชคชะตา แม้กระทั่งตอนหมดสัญญาว่าจ้างแล้วไม่ได้ไปต่อกับบริษัทเดิม แต่สุดท้ายแล้วก็มีทางให้เดินเมื่อมีคนมองเห็นคุณค่าและความสามารถของเขา

     ซีรีส์เกาหลีที่เนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานมีมากมายหลายเรื่อง “หนุ่มออฟฟิศพิชิตฝัน” ก็เป็นอีกเรื่องที่เชื่อว่าสร้างแรงบันดาลใจไม่เฉพาะ first jobber หรือคนที่ก้าวเข้ามาสู่ช่วงของการทำงานครั้งแรกเท่านั้น กระทั่งคนที่ทำงานมานาน ดูแล้วอาจทำให้เกิดกำลังใจที่ดีเช่นกัน

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup