Starting a Business

สูตรลับความสำเร็จของ ปิยะเลิศ ใบหยก

Text : Kritsana S. Photo : Otto
 
 

    ปิยะเลิศ ใบหยก เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่คุ้นหน้ากันดีตามหน้าสื่อต่างๆ ปัจจุบันเขาไม่เพียงดำรงตำแหน่งรองประธานกลุ่มใบหยก ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการบริหารงานโรงแรมในกลุ่มโรงแรมใบหยกเท่านั้น หากยังนำเข้าแบรนด์อาหารและขนมญี่ปุ่นอีกหลายแบรนด์ ซึ่งความสำเร็จของเขามาจากความลับเหล่านี้


 
    1. คุณพ่อ
     “หลังจากที่เรียนจบผมก็เข้ามาทำธุรกิจของครอบครัวโดยมีคุณพ่อเป็นผู้ที่คอยสอนและให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ โดยสิ่งที่คุณพ่อพูดย้ำอยู่เสมอคือ ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ จะลงทุนอะไรต้องรู้ข้อจำกัดของบริษัท ต้องมองการณ์ไกล ต้องคิดแผนรับมือกับเคสแย่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และต้องลงทุนในขอบเขตที่ปลอดภัย ตัวอย่างเช่น โปรเจกต์รีโนเนตอพาร์ตเมนต์ให้เป็นโรงแรม ผมต้องรีโนเวตอพาร์ตเมนต์ 8 ชั้นที่มีห้องต่างๆ กว่า 200 ห้องในงบที่จำกัด หากรีโนเวตห้องทั้งหมดในครั้งเดียวจะใช้จ่ายเกินงบอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงเลือกรีโนเวตในลักษณะพี่เลี้ยงน้อง นั่นคือ รีโนเวตทีละ 2 ชั้น เมื่อ 2 ชั้นแรกทำกำไรได้ก็นำกำไรที่ได้มารีโนเวต 2 ชั้นถัดไป”
 
   
      2. ประเทศญี่ปุ่น
     “ธุรกิจของครอบครัวมีลูกค้าชาวญี่ปุ่นค่อนข้างมาก คุณพ่อจึงตัดสินใจส่งผมไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะหากผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็จะส่งผลให้ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น และการไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นยังทำให้ผมแตกต่างจากกลุ่มเพื่อนที่ส่วนใหญ่เลือกไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งความแตกต่างนี้ได้กลายเป็นแต้มต่อในการทำธุรกิจกับชาวญี่ปุ่น เพราะผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เข้าใจวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น และการได้ไปเรียนที่ประเทศนี้ยังทำให้ผมมีระเบียบวินัยด้านการทำงานและการใช้ชีวิตมากขึ้น”
 
     

    3. อาหาร
     “ผมชอบอาหารและขนมของประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะมีรสชาติอร่อยถูกปาก และจากความชอบนี้ทำให้ผมเกิดความสนใจที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและขนมญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ผมนำเข้าแบรนด์อาหารและขนมญี่ปุ่นอย่างอิคโคฉะ ราเมน ร้านราเมนหมูแผ่อันดับ 1 ของเมืองฮากาตะ ร้านอาหารญี่ปุ่นเซไค โนะ ยามะจัง และพาโบล แบรนด์ชีสทาร์ตที่กำลังเป็นที่นิยมของลูกค้าชาวไทยในขณะนี้ โดยจุดเด่นของชีสทาร์ตแบรนด์นี้อยู่ที่รสชาติอร่อยถูกปากคนไทย เป็นขนมที่รับประทานง่าย และมีความใกล้ตัวคนไทยมากกว่าขนมฝรั่ง นอกจากนี้ ผมยังทำแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในชื่อ อุชิดายะ ราเมน ซึ่งเป็นร้านราเมนที่ได้เชฟฝีมือดีจากประเทศญี่ปุ่นอย่างเชฟอุชิดะเป็นผู้คิดค้นสูตร”
 
     
    4. กีฬา
     “ผมเล่นกีฬาเป็นแค่ 2 อย่าง คือ ฟุตบอล และสนุกเกอร์ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผมเล่นมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะเคยได้รับอุบัติเหตุขาหักทั้งสองข้างจากการเล่นฟุตบอล ตอนนี้จึงไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้จริงจังเหมือนเมื่อก่อน สำหรับผมมองว่ากีฬาฟุตบอลช่วยสอนเรื่องการทำงานแบบทีมเวิร์ก หากต้องการให้งานที่ทำประสบความสำเร็จก็จำเป็นต้องมีทีมเวิร์กที่ดี ส่วนกีฬาสนุกเกอร์ผมเริ่มเล่นในช่วงที่เรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ โดยคนที่จะเล่นสนุกเกอร์ได้ดีนั้นต้องมีสมาธิในการเล่น ซึ่งเหมือนกับการทำงาน หากมีสมาธิในการทำงาน งานก็จะออกมาดี แต่ถ้าวันไหนสมาธิหลุด งานที่ออกมาก็ย่อมไม่ดีเท่าที่ควร”
 
     

    5. สมาร์ทโฟน
     “ผมไม่ถนัดทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ ดังนั้น สมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ ผมทำงานผ่านสมาร์ทโฟนตลอด เช่น เช็กตารางงาน เช็กอีเมลและตอบกลับ เช็กความถูกต้องของงาน ตลอดทั้งสั่งงานก็สั่งผ่านไลน์ สมาร์ทโฟนทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะพกติดตัวตลอดจึงสามารถทำงานได้ทุกที่ ทั้งนี้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ผมเลือกทำงานผ่านสมาร์ทโฟน เพราะต้องการพิสูจน์ประโยคที่ว่า ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นจะทำงานไม่ได้นั้นจริงหรือไม่ ซึ่งผลที่ได้จากการพิสูจน์คือ ไม่จริง เพราะคุณพ่อของผม รวมทั้งผมเองก็สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์”

 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี